เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

\

"ได้ยินไม่ชัด" อาจเป็นสัญญาณอันตราย "ประสาทหูชั้นในเสื่อม"

อาการ “ได้ยินไม่ชัด” อาจไม่ใช่แค่หูตึง และไม่ได้เป็นกับผู้สูงอายุเท่านั้น ในวัยอื่นๆ ก็อาจมีความเสี่ยงได้ และไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะการได้ยินไม่ชัดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และหนึ่งในนั้นอาจเป็น “ประสาทหูชั้นในเสื่อม”

ประสาทหูชั้นในเสื่อม คืออะไร

อ.ดร.พญ. นัตวรรณ อุทุมพฤกษ์พร แพทย์ฝ่ายโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุถึงปัจจัยที่ทำให้หูชั้นในเสื่อม มีดังนี้

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประสาทหูชั้นในเสื่อม
  • การอยู่ในสถานที่ที่เสียงดังเป็นประจำ
  • โรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น
  • ผู้ที่สูบบุหรี่ จะมีแนวโน้มทำให้ประสาทหูชั้นในเสื่อมมากขึ้น
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พญ.ภาณินี จารุศรีพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคทางหู ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ปัจจัยเสี่ยงอันดับ 1 ที่ทำให้ประสาทหูเสื่อมคือการสัมผัสเสียงที่ดังมากๆ อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน นอกจากนี้ยังเกิดจากศีรษะได้รับการกระแทกบ่อยๆ รวมถึงการรับประทานยาบางชนิดที่อาจส่งผลต่อการได้ยินและการทรงตัว

    บางราย อาจไม่ได้มีแค่อาการได้ยินไม่ชัด แต่อาจมีอาการเสียงรบกวนในหู (Tinnitus) ซึ่งมีกลไกการเกิดที่ค่อนข้างซับซ้อน เช่น มีเสียงวี้ด เสียงซ่า เสียงคล้ายจิ้งหรีด หรือเสียงรบกวนในรูปแบบอื่นๆ 

    “กลไกการได้ยินปกติเกิดจากเมื่อเสียงภายนอกเข้ามาในหู หูชั้นในจะเปลี่ยนพลังงานเสียง ให้เป็นกระแสประสาทส่งไปยังสมองส่วนที่เกี่ยวกับการได้ยิน สมองจะรับรู้และแปลความหมายเสียงนั้น   ถ้าหูชั้นในมีการเสื่อมสภาพจะไม่สามารถเปลี่ยนพลังงานเสียงให้เป็นกระแสประสาทที่ดีได้ ทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวกับการได้ยินได้รับกระแสประสาทที่มีผิดเพี้ยนหรือไม่ครบถ้วนไป เมื่อสมองรับรู้ว่าเกิดความผิดปกติขึ้น สมองจะทำงานเพิ่มขึ้น (Hyperactivity) เพื่อแก้ปัญหา ส่งผลให้เกิดการสร้างเสียงรบกวนสะท้อนกลับมาให้ได้ยิน ซึ่งบางคนได้ยินเสียงรบกวนดังในหูตลอดเวลา บางคนได้ยินเป็นครั้งคราว”

    นอกจากนี้ ในเวลาที่มีความเครียด เหนื่อย พักผ่อนน้อย หรืออยู่ในที่เงียบๆ เช่น เวลานอน อาจจะทำให้เสียงรบกวนในหูดังเพิ่มขึ้น

    วิธีหลีกเลี่ยงอาการประสาทหูชั้นในเสื่อม

  • ลดการใช้เวลาอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังเป็นเวลานานๆ หรือได้ยินเสียงดังติดต่อกันบ่อยๆ
  • รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ พยุงอาการของโรคประจำตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติตลอดเวลา
  • ลดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
  • ทำกิจกรรมคลายเครียด
  • พักผ่อนให้เพียงพอ