
ทำไมไม่ควรใส่กล้วยในเบอร์รี่สมูทตี้?
รู้หรือไม่ว่าการใส่กล้วยลงในเบอร์รี่สมูทตี้ อาจลดการดูดซึมสารต้านอนุมูลอิสระจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เพราะงานวิจัยใหม่เผยว่ากล้วยมีเอนไซม์ที่เปลี่ยนโครงสร้างของสารสำคัญบางอย่าง มาลองดูวิธีทำเบอร์รี่สมูทตี้ที่ให้คุณค่าสูงสุดกัน
ทำไมไม่ควรใส่กล้วยในเบอร์รี่สมูทตี้?
งานวิจัยจาก UC Davis พบว่าเอนไซม์โพลีฟีนอลออกซิเดส (polyphenol oxidase – PPO) ในกล้วย มีผลต่อการออกซิไดซ์สารโพลีฟีนอลที่มีอยู่ในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่
เอนไซม์ PPO จะเร่งปฏิกิริยาการเกิดออกซิเดชันกับโพลีฟีนอล ส่งผลให้สารฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโทไซยานิน (anthocyanin) ถูกทำลายหรือเปลี่ยนรูป และลดการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
แม้ผลกระทบจะไม่ได้ทำให้หมดประโยชน์ไปทั้งหมด แต่การใส่กล้วยในเบอร์รี่สมูทตี้อาจลดประสิทธิภาพในการดูดซึมสารที่ช่วยต้านการอักเสบ และชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้
มีอะไรบ้างที่ไม่ควรใส่ในเบอร์รี่สมูทตี้เพื่อประโยชน์สูงสุด
- กล้วย มี PPO สูง ควรหลีกเลี่ยงหากสูตรเน้นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
- ผลไม้สุกจัด เช่น มะม่วงสุกหรือสับปะรด อาจมีน้ำตาลสูงเกินไปและทำให้การดูดซึมฟลาโวนอยด์ลดลง
- นมวัวบางชนิด เคซีนในนมอาจจับกับแอนโทไซยานิน ลดการดูดซึมเช่นกัน ควรเลือกนมพืชที่ไม่เติมน้ำตาล
วิธีทำเบอร์รี่สมูทตี้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
1. เลือกวัตถุดิบที่ทำงานเสริมกัน
การจับคู่เบอร์รี่กับผักใบเขียว เช่น ผักโขม หรือคะน้า จะช่วยเพิ่มไฟเบอร์และไม่ลดคุณค่าของสารต้านอนุมูลอิสระ
2. ใช้ของเหลวที่ไม่มีโปรตีนสูงเกินไป
เช่น น้ำมะพร้าวหรือนมพืช (เช่น นมอัลมอนด์แบบไม่หวาน) เพื่อไม่ให้ขัดขวางการดูดซึมของฟลาโวนอยด์
3. เติมไขมันดีช่วยดูดซึมสารอาหาร
สารต้านอนุมูลอิสระบางชนิดละลายในไขมัน เช่น วิตามิน A, E จึงควรเติมเมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย หรือน้ำมันมะพร้าวเล็กน้อย
4. ดื่มทันทีหลังปั่น
ปฏิกิริยาออกซิเดชันเกิดขึ้นเมื่อสัมผัสอากาศ ควรดื่มทันทีหลังทำเสร็จ ไม่ควรเก็บนานข้ามวัน
5. ใช้ผลไม้สดหรือแช่แข็งโดยไม่เติมน้ำตาล
ลดความเสี่ยงจากน้ำตาลแฝง และยังรักษาความเข้มข้นของวิตามินตามธรรมชาติได้ดีกว่า
กล้วยเป็นผลไม้ที่ดีในหลายกรณี แต่เมื่อพูดถึงเบอร์รี่สมูทตี้ที่เน้นคุณค่าจากเบอร์รี่ การไม่ใส่กล้วยจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่า ควรเลือกวัตถุดิบให้เสริมกัน แล้วสมูทตี้ของคุณจะเป็นมากกว่าแค่เครื่องดื่มอร่อย มันจะกลายเป็นการบำรุงจากภายในจริงๆ