
มันม่วง มันส้ม มันเหลือง มีประโยชน์ต่างกันอย่างไร? เลือกให้เหมาะกับสุขภาพ
"มันเทศ" เป็นอาหารจากธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะ 3 สายพันธุ์ยอดนิยม ได้แก่ มันม่วง มันส้ม และมันเหลือง ซึ่งแม้จะมีชื่อคล้ายกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วแตกต่างกันทั้งด้านรสชาติ สารอาหาร เนื้อสัมผัส รวมถึงผลดีต่อสุขภาพ บทความนี้จะพาไปเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของมันแต่ละชนิดอย่างละเอียด พร้อมคำแนะนำจากแหล่งข้อมูลทางวิชาการที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้คุณเลือกมันเทศได้ตรงกับเป้าหมายสุขภาพมากที่สุด
มันม่วง สารต้านอนุมูลอิสระสูง เหมาะกับสายสุขภาพ
มันม่วง (Purple Sweet Potato) มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) สูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีงานวิจัยจาก NCBI ยืนยันว่า ช่วยลดการอักเสบ ป้องกันมะเร็งบางชนิด และดีต่อหลอดเลือดและหัวใจ นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์สูง จึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี เหมาะกับผู้ที่เป็นเบาหวานหรือควบคุมน้ำหนัก
ข้อดี
- ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย
- ดัชนีน้ำตาลต่ำ ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลพุ่ง
- เนื้อแน่น เหมาะสำหรับอบหรือทำของหวานคลีน
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่ามันพันธุ์อื่น
- เนื้อค่อนข้างแห้ง หากไม่ปรุงให้ชุ่มอาจฝืดคอ
- บางคนอาจไม่ชอบกลิ่นเฉพาะตัว
มันส้ม แหล่งเบต้าแคโรทีนสูง ดีต่อสายตาและผิว
มันส้ม (Orange Sweet Potato) เป็นแหล่งของ เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ซึ่งเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย ช่วยบำรุงสายตาและระบบภูมิคุ้มกัน โดยมีข้อมูลจาก Harvard T.H. Chan School of Public Health แนะนำว่า การบริโภคเบต้าแคโรทีนจากผัก-ผลไม้สีส้มเป็นวิธีธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่าการกินวิตามินเม็ด
ข้อดี
- หวานธรรมชาติ เด็กกินง่าย
- อุดมด้วยวิตามินเอ ดีต่อผิวและดวงตา
- เนื้อนุ่ม เหมาะกับเมนูมันบด มัฟฟิน หรือซุป
ข้อเสีย
- ดัชนีน้ำตาลสูงกว่ามันม่วง
- ไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานหากบริโภคมาก
- เก็บไว้นานอาจเน่าเสียง่ายกว่ามันม่วงหรือมันเหลือง
มันเหลือง คาร์บคุณภาพ ราคาย่อมเยา
มันเหลือง (Yellow Sweet Potato) เป็นพันธุ์พื้นเมืองไทยที่เราคุ้นเคย ให้พลังงานสูง มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และไฟเบอร์ปานกลาง เหมาะสำหรับทำอาหารคาวหวานทั่วไป เช่น แกง ข้าวเหนียวหน้ามัน หรือทอด โดย กรมอนามัย แนะนำให้ใช้มันเทศสีเหลืองหรือสีขาวในเด็กเล็ก เพราะมีรสชาติไม่จัดและไม่หวานเกินไป
ข้อดี
- ราคาถูก หาซื้อง่ายตามตลาดทั่วไป
- เหมาะกับการนำไปประกอบอาหารไทย
- ให้พลังงานสูง เหมาะกับเด็กและคนทำงานหนัก
ข้อเสีย
- ปริมาณวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระต่ำกว่าพันธุ์อื่น
- รสชาติไม่หวานจัด ไม่เหมาะกับการทำขนมบางประเภท
- เมื่อเก็บไว้นานอาจเกิดเส้นใยในเนื้อ ทำให้เนื้อเหนียว
เปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการของมันทั้ง 3 ชนิด
ประเภท | สารเด่น | ดัชนีน้ำตาล (GI) | เหมาะกับใคร |
---|---|---|---|
มันม่วง | แอนโทไซยานิน | ต่ำ | ผู้สูงอายุ คนควบคุมน้ำตาล |
มันส้ม | เบต้าแคโรทีน | ปานกลาง-สูง | เด็ก ผู้ที่ต้องการบำรุงสายตา |
มันเหลือง | คาร์โบไฮเดรต + ไฟเบอร์ | ปานกลาง | ครอบครัวทั่วไป ใช้ทำอาหารคาว |
สรุป เลือกมันให้ถูกกับร่างกายและเมนูที่คุณจะทำ มันแต่ละสีมีคุณประโยชน์และลักษณะเฉพาะตัว หากต้องการกินเพื่อสุขภาพ ควรเลือกให้สอดคล้องกับความต้องการของร่างกาย เช่น ต้องการสารต้านอนุมูลอิสระ – ควรเลือกมันม่วง, ต้องการบำรุงสายตา – เลือกมันส้ม, แต่ถ้าจะทำอาหารทั่วไปและควบคุมงบประมาณ – มันเหลืองถือว่าตอบโจทย์ ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการใส่น้ำตาลหรือทอดในน้ำมันมากเกินไป เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์จากมันเทศเต็มที่ในทุกคำที่กิน
อ่านเพิ่มเติม