เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

รู้จัก \

รู้จัก "อาหาร 0 แคลอรี่" หรือ "อาหารแคลอรี่ต่ำมาก" คืออะไร?

เมื่อพูดถึง "อาหาร 0 แคลอรี่" หลายคนอาจจะคิดว่ามีอาหารที่ไม่มีพลังงานเลยจริงๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วแทบไม่มีอาหารใดที่มีพลังงานเป็นศูนย์สนิท สิ่งที่เราเรียกกันว่า "อาหาร 0 แคลอรี่" หรือ "Zero-Calorie Foods" ในทางโภชนาการหมายถึง อาหารที่มีพลังงานต่ำมากจนร่างกายใช้พลังงานในการย่อยและดูดซึมใกล้เคียงหรือมากกว่าพลังงานที่ได้รับจากอาหารนั้นๆ ทำให้ปริมาณสุทธิของแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับนั้นน้อยมากจนอาจนับเป็นศูนย์ได้ หรือบางครั้งคำว่า "0 แคลอรี่" ก็ใช้เพื่อสื่อถึงเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาลและให้พลังงานน้อยมาก

อาหาร 0 แคลเหล่านี้มักอุดมไปด้วยน้ำ ใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก และส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม

อาหารกลุ่ม "0 แคลอรี่" หรืออาหารแคลอรี่ต่ำมากที่น่าสนใจ

อาหารเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาณใยอาหารและวิตามินโดยไม่เพิ่มแคลอรี่ส่วนเกิน

1. ผักใบเขียวและผักที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก

ผักเหล่านี้เป็นแหล่งใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุชั้นดี และมีแคลอรี่ต่ำมาก

  • ผักกาดหอม (Lettuce): มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักและใยอาหารสูง เหมาะสำหรับทำสลัดหรือแซนด์วิช
  • ผักคะน้า (Kale): อุดมไปด้วยวิตามิน K, A, C และสารต้านอนุมูลอิสระ แม้จะมีแคลอรี่มากกว่าผักกาดหอมเล็กน้อย แต่คุณประโยชน์นั้นคุ้มค่า
  • ผักโขม (Spinach): เต็มไปด้วยวิตามินและธาตุเหล็ก มีแคลอรี่ต่ำเช่นกัน
  • แตงกวา (Cucumber): มีน้ำสูงมากถึง 95% และมีแคลอรี่น้อยนิด ช่วยให้สดชื่นและอิ่มท้อง
  • คื่นช่าย (Celery): เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็น "อาหารแคลอรี่ติดลบ" เพราะร่างกายใช้พลังงานในการย่อยมากกว่าพลังงานที่ได้รับ
  • บวบ (Zucchini): มีน้ำและใยอาหารสูง สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย
  • มะเขือเทศ (Tomato): แม้จะเป็นผลไม้แต่ก็นิยมใช้เป็นผัก มีไลโคปีนสูงและแคลอรี่ต่ำ

2. ผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก

ผลไม้กลุ่มนี้มีรสชาติสดชื่นและมีแคลอรี่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น

  • แตงโม (Watermelon): ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ช่วยดับกระหายและให้ความสดชื่น
  • เกรปฟรุต (Grapefruit): มีวิตามินซีสูงและมีคุณสมบัติช่วยในการเผาผลาญไขมัน
  • สตรอว์เบอร์รี (Strawberry): อุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ
  • แคนตาลูป (Cantaloupe): มีน้ำสูงและให้วิตามิน A และ C
  • ลูกพีช (Peach): มีใยอาหารและวิตามินซี ช่วยให้อิ่มและดีต่อระบบขับถ่าย

3. เครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล

การเลือกดื่มน้ำเปล่า หรือเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาลเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

  • น้ำเปล่า: ไม่มีแคลอรี่ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อร่างกาย
  • ชาสมุนไพร/ชาเขียวไม่ใส่น้ำตาล: มีสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้เล็กน้อย
  • กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล: ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและให้พลังงานอย่างรวดเร็ว (แต่ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ)
  • น้ำอัดลมไดเอท/ซีโร่: แม้จะไม่มีแคลอรี่ แต่มักมีสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ควรบริโภคในปริมาณที่จำกัด

ข้อควรจำเกี่ยวกับ "อาหาร 0 แคลอรี่"

  • ไม่ได้หมายถึง "กินไม่อั้น": แม้จะมีแคลอรี่ต่ำมาก แต่การบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจทำให้ร่างกายได้รับแคลอรี่สะสมได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการเติมส่วนผสมอื่นๆ เช่น น้ำสลัด หรือปรุงรสเพิ่ม
  • เน้นความหลากหลาย: ไม่ควรทานแต่อาหารกลุ่ม 0 แคลอรี่เพียงอย่างเดียว ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างสมดุล
  • ยังคงต้องนับแคลอรี่รวม: อาหารเหล่านี้เป็นตัวช่วยที่ดี แต่ยังคงต้องคำนึงถึงปริมาณแคลอรี่รวมที่ได้รับในแต่ละวัน เพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายในการควบคุมน้ำหนักหรือรักษาสุขภาพ
  • ปรุงแต่งให้น้อยที่สุด: เพื่อคงสภาพการเป็น "0 แคลอรี่" ควรหลีกเลี่ยงการปรุงรสด้วยน้ำมัน เนย ครีม หรือน้ำตาลในปริมาณมาก

"อาหาร 0 แคลอรี่" หรืออาหารแคลอรี่ต่ำมากเป็นตัวช่วยที่ดีในการควบคุมน้ำหนักและเพิ่มสารอาหารให้กับร่างกาย อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการทานอาหารให้หลากหลาย ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดีและรูปร่างที่สมส่วนอย่างยั่งยืน