เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

ผลเสียของการเบ่งอุจจาระแรง รู้ทันภัยเงียบทำสุขภาพพังไม่รู้ตัว

ผลเสียของการเบ่งอุจจาระแรง รู้ทันภัยเงียบทำสุขภาพพังไม่รู้ตัว

หลายคนอาจเคยชินกับการเบ่งอุจจาระอย่างแรงเมื่อรู้สึกว่าถ่ายยาก หรือมีอาการท้องผูก เพื่อให้การขับถ่ายสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่แท้จริงแล้วพฤติกรรมการเบ่งอุจจาระอย่างรุนแรงเป็นประจำนั้น อาจนำมาซึ่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายมากกว่าที่คุณคิด

ผลเสียของการเบ่งอุจาระ

  • เพิ่มความเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร
    นี่คือผลเสียที่พบบ่อยที่สุดและเป็นที่รู้จักกันดี การเบ่งอุจจาระแรงจะเพิ่มแรงดันในเส้นเลือดบริเวณทวารหนัก ทำให้เส้นเลือดโป่งพองและเกิดเป็น โรคริดสีดวงทวาร ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นริดสีดวงภายในหรือภายนอก ซึ่งจะนำมาซึ่งอาการเจ็บปวด คัน และอาจมีเลือดออกขณะขับถ่าย
  • กระตุ้นให้เกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก/อัมพาต
    การเบ่งอุจจาระอย่างแรง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ถือเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเพิ่มแรงดันในหลอดเลือดอย่างกะทันหัน ทำให้ความดันโลหิตพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะ เส้นเลือดในสมองแตก หรือ ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ได้ในกรณีที่รุนแรง
  • ทำให้เกิดภาวะผนังลำไส้ใหญ่โป่งพอง (Diverticulosis)
    การเบ่งอุจจาระอย่างรุนแรงเป็นประจำ อาจทำให้เกิดแรงดันในลำไส้ใหญ่จนผนังลำไส้บางส่วนโป่งพองออกเป็นถุงเล็กๆ เรียกว่า Diverticulosis ซึ่งถุงเหล่านี้อาจเกิดการอักเสบติดเชื้อ (Diverticulitis) ทำให้มีอาการปวดท้องรุนแรง มีไข้ และต้องได้รับการรักษา
  • อาจทำให้เกิดภาวะลำไส้ตรงปลิ้น (Rectal Prolapse)
    ในบางกรณี โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ การเบ่งอุจจาระอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง อาจทำให้ผนังลำไส้ตรงปลิ้นออกมาทางทวารหนัก หรือที่เรียกว่า ภาวะลำไส้ตรงปลิ้น ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์
  • กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ
    การเบ่งอุจจาระเป็นประจำและรุนแรง เป็นการสร้างแรงกดดันต่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพยุงอวัยวะในช่องท้องและช่วยในการควบคุมการขับถ่าย เมื่อกล้ามเนื้อส่วนนี้อ่อนแอลง อาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือภาวะอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อนคล้อยในผู้หญิง
  • อาการหน้ามืด เป็นลม (Valsalva Maneuver)
    การเบ่งอุจจาระคือการทำ Valsalva Maneuver ซึ่งเป็นการหายใจกลั้นเอาไว้แล้วเบ่งออก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของความดันในช่องอกและช่องท้อง ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดกลับสู่หัวใจชั่วคราว ทำให้สมองได้รับเลือดน้อยลง จึงอาจมีอาการ หน้ามืด เวียนศีรษะ หรือเป็นลม ได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต

คำแนะนำสำหรับการขับถ่ายที่ดี

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อให้อุจจาระนุ่มขึ้น
  • กินอาหารที่มีกากใยสูง: ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ช่วยเพิ่มปริมาตรอุจจาระและกระตุ้นการขับถ่าย
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
  • ขับถ่ายให้เป็นเวลา: ฝึกการขับถ่ายให้เป็นกิจวัตรประจำวัน
  • นั่งในท่าที่เหมาะสม: การนั่งชักโครกโดยยกเท้าขึ้นเล็กน้อย (ใช้ที่วางเท้า) เพื่อให้หัวเข่าสูงกว่าสะโพก จะช่วยให้ลำไส้ตรงอยู่ในแนวที่เหมาะสมกับการขับถ่าย
  • ไม่กลั้นอุจจาระ: เมื่อรู้สึกปวดควรรีบเข้าห้องน้ำทันที
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาระบายติดต่อกัน: หากจำเป็นควรปรึกษาแพทย์

การเบ่งอุจจาระเป็นพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การดื่ม และการใช้ชีวิต จะช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ หากคุณมีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป