เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

ตากุ้งยิง: รักษาและป้องกันง่าย ๆ ได้ด้วยตัวเอง

ตากุ้งยิง: รักษาและป้องกันง่าย ๆ ได้ด้วยตัวเอง

อาการเจ็บๆ บวมๆ เป็นไตเล็กๆ ที่เปลือกตา พร้อมความรู้สึกระคายเคืองและปวดหน่วงๆ นั่นคือสัญญาณของ "ตากุ้งยิง" (Stye หรือ Hordeolum) ซึ่งเป็นการอักเสบของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตาที่พบได้บ่อย ทำให้รู้สึกไม่สบายตาและอาจส่งผลต่อความมั่นใจในชีวิตประจำวัน แม้ตากุ้งยิงส่วนใหญ่มักจะหายได้เอง แต่ก็มีวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถดูแลรักษาและป้องกันตากุ้งยิงไม่ให้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง

ตากุ้งยิงคืออะไร?

ตากุ้งยิงเกิดจากการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรีย บริเวณต่อมไขมันเล็ก ๆ ที่โคนขนตา หรือต่อมไขมันในเปลือกตา เมื่อเกิดการอุดตันและติดเชื้อ ทำให้เกิดการบวมแดง เจ็บ และอาจมีหนองสะสมอยู่ภายใน

สาเหตุหลักของการเกิดตากุ้งยิง

  • มือไม่สะอาด: การขยี้ตาบ่อยๆ ด้วยมือที่ไม่สะอาดเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ
  • เครื่องสำอาง: การใช้เครื่องสำอางบริเวณตาที่หมดอายุ ไม่สะอาด หรือล้างเครื่องสำอางไม่หมดจด
  • คอนแทคเลนส์: การใส่ ถอด หรือทำความสะอาดคอนแทคเลนส์อย่างไม่ถูกสุขลักษณะ
  • เปลือกตาอักเสบ: ผู้ที่มีภาวะเปลือกตาอักเสบเรื้อรัง (Blepharitis) มีความเสี่ยงสูงขึ้น
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต: ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์อาจส่งผลด้วย

3 ขั้นตอนง่ายๆ ในการรักษาตากุ้งยิงด้วยตัวเอง

ตากุ้งยิงส่วนใหญ่มักยุบและหายไปเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ การดูแลตัวเองเบื้องต้นจะช่วยบรรเทาอาการและเร่งให้หายเร็วขึ้น

  • ประคบอุ่น (หัวใจหลักของการรักษา)

    ใช้ผ้าสะอาด เช่น ผ้าขนหนูผืนเล็ก หรือสำลีแผ่นใหญ่ ชุบน้ำอุ่นจัด (แต่อย่าร้อนจนลวกผิว) บิดพอหมาด ประคบวางผ้าอุ่น ๆ บนเปลือกตาที่เป็นตากุ้งยิงเบาๆ ครั้งละ 5-10 นาที ทำวันละ 3-4 ครั้ง หรือบ่อยเท่าที่ทำได้

    ประโยชน์: ความร้อนจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้ต่อมที่อุดตันอ่อนตัวลง และช่วยให้หนองระบายออกมาได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ตากุ้งยิงยุบเร็วขึ้นและลดอาการเจ็บปวด

  • รักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัด

    ล้างมือให้สะอาด: ก่อนสัมผัสหรือประคบดวงตาเสมอ

    ทำความสะอาดเปลือกตา: ใช้สำลีชุบน้ำอุ่น หรือใช้เบบี้แชมพูเจือจาง (ปราศจากน้ำหอม) เช็ดทำความสะอาดขอบเปลือกตาและโคนขนตาเบาๆ วันละ 1-2 ครั้ง

    งดแต่งหน้า: งดใช้เครื่องสำอางบริเวณดวงตา เช่น มาสคาร่า อายไลเนอร์ จนกว่าตากุ้งยิงจะหายสนิท

    งดใส่คอนแทคเลนส์: เปลี่ยนมาใส่แว่นตาชั่วคราว เพื่อลดการระคายเคืองและป้องกันการติดเชื้อเพิ่ม

  • หลีกเลี่ยงการบีบหรือเขี่ย ห้ามบีบตากุ้งยิงเด็ดขาด! การบีบอาจทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของตา หรือทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงขึ้น และอาจทิ้งรอยแผลเป็นได้
  • เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์?

    • อาการไม่ดีขึ้น: หากประคบอุ่นและดูแลตัวเองแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือแย่ลง
    • ขนาดใหญ่ขึ้น: ตากุ้งยิงมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หรือทำให้เจ็บปวดมาก
    • มีไข้: หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย
    • กระทบการมองเห็น: ตากุ้งยิงที่เกิดขึ้นบดบังการมองเห็น หรือส่งผลต่อการมองเห็น
    • กลับมาเป็นซ้ำบ่อยๆ: หรือเป็นหลายครั้งในตำแหน่งเดิมๆ

    ในกรณีเหล่านี้ จักษุแพทย์อาจพิจารณาการใช้ยาปฏิชีวนะ หรือการผ่าตัดระบายหนองเล็กน้อย เพื่อให้ตากุ้งยิงหายขาดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

    ตากุ้งยิงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล หากเรารู้จักวิธีดูแลรักษาและป้องกันตากุ้งยิงอย่างถูกวิธี การหมั่นสังเกตและดูแลสุขอนามัยของดวงตาเป็นประจำ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ดวงตาของคุณสุขภาพดีและสดใสอยู่เสมอ