"รักแร้คาร์บอน" เกิดจากอะไร? ขัดให้ตายก็ไม่ออก แนะวิธีแก้ฟรีๆ ให้หาย
เปิด 3 สาเหตุ "รักแร้คาร์บอน" ขัดอย่างไรก็ไม่หาย ทางแก้ต้อง "คุมน้ำหนัก-ออกกำลังกาย" เท่านั้น
เพจ Tensia อธิบายถึงต้นเหตุของภาวะที่หลายคนเรียกว่า “รักแร้คาร์บอน” ว่าแท้จริงแล้วคล้ายกับ “คอคาร์บอน” เพราะมันคือโรคผิวหนังช้าง (Acanthosis Nigricans) ที่เกิดจากภาวะดื้ออินซูลิน ทำให้ผิวหนังหนาและคล้ำ จึง “ขัดอย่างไรก็ไม่ออก” โดยวิธีแก้เดียวคือ ควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกาย เพื่อปรับสมดุลร่างกาย
ลักษณะของ “รักแร้คาร์บอน”
ภาวะนี้มักพบในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก โดยผิวหนังบริเวณรักแร้หรือรอบคอจะหนาและคล้ำเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือดำ บางครั้งมีตุ่มนูนเล็กๆ ขึ้นมา ซึ่งต่างจากการคล้ำปกติบริเวณจุดซ่อนเร้นที่เพียงแค่สีเข้มขึ้นแต่ไม่หนาตัวหรือเป็นปุ่ม
3 ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดรักแร้คาร์บอน
สิ่งที่เห็น “ดำ” ไม่ใช่ขี้ไคล แต่คือหนังกำพร้าที่หนาตัว
จุดคล้ำเหล่านี้เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ผิวมากเกินไปภายใต้อิทธิพลของอินซูลินและ IGF-1 ไม่ใช่คราบสกปรก การขัดหรือสครับผิวจึงไม่สามารถทำให้หายได้ ต้องแก้จากระบบเผาผลาญและฮอร์โมนที่ผิดปกติแทน
ทำไม “ดื้ออินซูลิน” ถึงสำคัญ
อินซูลินมีหน้าที่สั่งให้ร่างกายเอาน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่ในภาวะดื้ออินซูลิน เซลล์จะ “ทำเป็นไม่ได้ยินคำสั่ง” ทำให้น้ำตาลยังคงลอยอยู่ในกระแสเลือด และร่างกายต้องหลั่งอินซูลินมากขึ้น จนไปกระตุ้นผิวหนังให้หนาและคล้ำ
ทำไมออกกำลังกายถึงช่วยได้
การออกกำลังกายช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น โดยมี 2 กลไกสำคัญคือ
- 1. กระตุ้นให้กล้ามเนื้อใช้พลังงานมากขึ้น: เมื่อกล้ามเนื้อเหนื่อยและใช้พลังงานเยอะ จะกระตุ้นเซนเซอร์ AMPK และ CaMK ทำให้เปิด “ประตูรับน้ำตาล” (GLUT-4) มากขึ้น ส่งผลให้น้ำตาลเข้าสู่เซลล์ได้ดี
- 2. ทำให้กล้ามเนื้อไวต่ออินซูลิน: เพิ่มสัญญาณในเซลล์ เช่น IRS1, IRS2, PI3K, Akt ทำให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยลดไขมันที่แทรกในกล้ามเนื้อ ลดการอักเสบ และลดสารที่ขัดขวางการทำงานของอินซูลิน เช่น DAG และ ceramide
สรุป
รักแร้คาร์บอน ไม่ได้เกิดจากขี้ไคล แต่เป็นสัญญาณของความผิดปกติทางร่างกาย โดยเฉพาะภาวะดื้ออินซูลิน วิธีรักษาที่ได้ผลที่สุดคือ การควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ปรับอาหาร และนอนหลับให้เพียงพอ หากยังไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคทางฮอร์โมนหรือมะเร็งที่อาจเป็นสาเหตุร่วม