เนื้อหาในหมวด ข่าว

โศกนาฏกรรม “นาหม่วย” ความรันทดของโชคชะตา

โศกนาฏกรรม “นาหม่วย” ความรันทดของโชคชะตา

จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญชาวเชียงใหม่เมื่อหญิงสาววัย 28 ปี นามว่า “นาหม่วย” ซึ่งมีอาการสติไม่สมประกอบ เป็นคนเร่ร่อน ถูกพบในคูร่องน้ำข้างถนนใกล้โรงแรมร้าง หมู่บ้านท่าตอน อ.ท่าตอน จ.เชียงใหม่

ในสภาพเปลือยเปล่า เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด เนื่องจากคนร้ายได้ลงมือบังคับข่มขืนแล้วใช้มีดฟันเพื่อที่จะฆ่าปิดปาก แต่หญิงสาวยกมือขึ้นบังไว้ทำให้โดนฟันมือขาด และคนร้ายก็ได้ฟันซ้ำอีกครั้งที่หัว

หลังจากนั้นคนร้ายจึงหลบหนีไปเพราะคิดว่าหญิงสาวเสียชีวิตแล้ว เมื่อเหตุการณ์สงบเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจึงตะเกียกตะกายออกมาที่ถนนเพื่อขอความช่วยเหลือและถูกนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ซึ่งล่าสุดอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังไม่รู้สึกตัวจึงยังให้การไม่ได้

a4

ด้วยพฤติการณ์อันโหดเหี้ยมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามแกะรอยคนร้ายอย่างเร่งด่วนโดยตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดพบว่า “นาหม่วย” เหยื่อเคราะห์ร้ายได้ขี่จักรยานยนต์ไปกับหนุ่มรายหนึ่งซึ่งนำไปสู่การจับกุม ทราบชื่อต่อมา คือ นายสิทธิโชค อายุ 23 ปี

โดยรับสารภาพว่าเคยชักชวนผู้เสียหายไปเสพยาและมีอะไรกันมาแล้วครั้งหนึ่ง และในวันเกิดเหตุพบเห็นนาหม่วยเดินไปทางวัดท่าตอนจึงขี่รถจักรยานยนต์ไปรับและพาซ้อนท้ายไปที่เกิดเหตุ จากนั้นตนเองเกิดอาการเบลอยาที่เสพเข้าไปจึงใช้มีดฟันไปที่ร่างกายและตามตัวของนาหม่วย ก่อนขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านจนถูกตำรวจจับได้ที่บ้านพักขณะนั่งเสพยา

ทั้งนี้จากการตรวจประวัติพบว่านายสิทธิโชคผู้ต้องหาเคยมีประวัติเสพยาและถูกจับมาแล้วเมื่อ ปี55และปี56

a7

ถึงแม้ว่าคดีนี้จะสามารถจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับสร้างความปวดร้าวและความบอบช้ำให้กับครอบครัวเป็นอย่างมากเพราะนาหม่วยคือเสาหลักของครอบครัวและสิ่งที่ทำให้นาหม่วยมีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์เกิดจากความปวดร้าวที่ใครยากจะเข้าใจ

ซึ่งเรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดย ส.อ.ชาตรี ครูฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 39 จว.พิษณุโลก โดยเล่าว่า นาหม่วยต้องเลี้ยงลูกโดยลำพังถึง 3 คน เนื่องจากว่าถูกสามีคนที่สองทิ้งไปและทิ้งลูกไว้ให้เลี้ยงทั้งหมด ด้วยความจนบวกกับความบอบช้ำของจิตใจทำให้นาหม่วยต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน สติสตังไม่สมประกอบมานานกว่า5ปี

ลำพังแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เคยมีอาชีพรับจ้างได้เงินเลี้ยงตัวเองยังจะแทบไม่พอกิน จะเอาปัญญาที่ไหนไปเลี้ยงลูกทั้ง3คนได้ไหว และจิตใจที่ต้องบอบช้ำจากปัญหาชีวิตแบบนี้แล้ว สุดท้ายต้องนำลูกไปฝากเลี้ยงไว้กับแม่ ส่วนตัวเองก็เร่ร่อนเก็บของเก่าขาย ค่ำไหนนอนนั่น แต่โชคชะตากลับเล่นตลกจนต้องตกเป็นเหยื่อเดนนรก

a5

ซึ่งเหตุการณ์ที่นาหม่วยถูกทำร้ายทางครอบครัวไม่สามารถบอกกับลูกๆของเธอได้ เนื่องจากกลัวว่าลูกๆของเธอจะรับไม่ได้กับความโหดร้ายที่แม่ของพวกเขาได้เจอ โดยลูกชายคนโตอายุ 13 ปี ส่วนคนรองอายุ10 ปี ทั้งคู่โชคดีได้รับการอุปการะจากมูลนิธิจึงได้เรียนหนังสือ

แต่ลูกชายคนเล็ก 7ขวบแล้วยังไม่ได้เรียนต้องอยู่กับยายในกระต๊อบหลังเล็กๆ ส่วนแม่ของนาหม่วยก็ไม่ได้ทำงานเพราะต้องอยู่ดูแลหลาน

ซึ่งส.อ.ชาตรีเล่าต่อว่าลูกๆทุกคนของนาหม่วยรักแม่มาก แม้จะไม่ได้เจอหน้าแม่ทุกครั้งที่กลับบ้าน แต่ก็บอกรักแม่เสมอและทุกครั้งที่เจอหน้าแม่ก็พูดเสมอว่าจะตั้งใจเรียนเมื่อจบมาแล้วจะได้เลี้ยงดูแม่ได้และแม่จะได้ไม่ต้องเร่ร่อนแบบนี้ ส.อ.ชาตรี กล่าวทิ้งท้าย

a6

นอกจากนี้เรื่องราวครอบครัวนาหม่วยช่างน่าเศร้ากว่าละครยิ่งนัก โดยน้องชายของนาหม่วย พิการตั้งแต่กำเนิดมีคนดูแลคือแม่คนเดียวและต้องดูแลหลานอีกคน โดยมีพี่สาวและพี่เขย ที่คอยช่วยเหลือจุนเจือเดือนละพันสองพันเท่าที่ทำได้ ทั้งที่รายได้ก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากเบื้องหลังของเหยื่อที่เคราะห์รายที่ชื่อ นาหม่วย

เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงพิษภัยของยาเสพติดที่สามารถทำร้ายร่างกายใครก็ได้โดยที่ไม่สนว่าเหยื่อจะเป็นใคร และผลกระทบที่ตามมาเป็นลูกโซ่ที่กระทบต่อหลายชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของการก่อเหตุซ้ำของตัวฆาตกรเองที่กลับมาทำผิดแบบเดิมๆ

และที่สำคัญความเป็นอยู่ของประชากรชาวไทยยังมีอีกหลายครอบครัวที่ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อความอยู่ดีกินดีของคนไทยไม่ใช่พึ่งพาเพียงแค่โชคชะตาที่ยากจะคาดเดาได้