
"สปอร์ต ไทย-บาวาเรีย" จับมือ "บาเยิร์น มิวนิค" นำหลักสูตรพัฒนาทักษะฟุตบอล 12 ระดับสู่เด็กไทย
“สปอร์ต ไทย-บาวาเรีย” ผนึกกำลังหน่วยงานการศึกษาภาครัฐ จัดหลักสูตรทักษะฟุตบอล 12 ระดับโดย “เอฟซี บาเยิร์น มิวนิค”สอนนักเรียนไทยอายุ 7-18 ปี ทั่วประเทศ โดยมีกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และสถาบันการพลศึกษา ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง พร้อมไฟเขียวพัฒนาฟุตบอลเยาวชนไทย เตรียมส่งครูพละฝึกอบรมทักษะแข้งไทยเทียบระดับอินเตอร์ กับเทรนเนอร์จาก “ทีมเสือใต้
บริษัท สปอร์ต ไทย-บาวาเรีย จำกัด จัดงานแถลงข่าวพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ระหว่าง บริษัท สปอร์ต ไทย-บาวาเรีย จำกัด กับสโมสรฟุตบอล เอฟซี บาเยิร์น มิวนิค (FC Bayern Munich) และพันธมิตรภาครัฐ นำโดยกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และสถาบันการพละศึกษา ในการนำหลักสูตรพัฒนาทักษะฟุตบอล 12 ระดับ FC Bayern 12 Level Kurs จากสโมสรฟุตบอล บาเยิร์น มิวนิค เพื่อไปใช้ในการเรียนการสอนระดับโรงเรียน โดยงานแถลงข่าวและพิธีเซ็นสัญญาความร่วมมือจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม 2560 ณ Atrium Hall ศูนย์การค้า SHOW DC พระราม 9 กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ ตัวแทนผู้ร่วมลงนามนำโดย นายวินิจ เลิศรัตนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปอร์ต ไทย-บาวาเรีย จำกัด นายประเสริฐ บุญเรือง รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ดร.ประกิต หงส์แสนยาธรรม รองอธิการบดีสถาบันการพลศึกษา และ มร.เยิร์ก วอร์กเกอร์ (Mr.Jörg Wacker) คณะกรรมการบริหารฝ่ายนานาชาติและกลยุทธ์ สโมสรฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิค
สำหรับหลักสูตร “FC Bayern 12 Level Kurs” ได้รับการพัฒนาจากเจ้าหน้าที่ผู้ฝึกสอนนักกีฬาระดับเยาวชนจากสโมสรฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในการฝึกสอนให้แก่เยาวชน ที่ปัจจุบันได้ก้าวเป็นนักกีฬาอาชีพระดับโลก ร่วมกับ โค้ช UEFA A-License ชาวเยอรมัน จากบริษัท สปอร์ต ไทย-บาวาเรีย จำกัด โดยได้มีการพัฒนาและวางระบบการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับเยาวชนไทย ทั้งนี้ หลักสูตรดังกล่าวประกอบด้วยการฝึก 12 ระดับ เริ่มตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยเป็นหลักสูตรที่ปรับให้มีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย มุ่งเน้นปลูกฝังความรู้ด้านการเตรียมตัวเพื่อเป็นนักกีฬาอาชีพ อีกทั้งยังมีรูปแบบการฝึกซ้อมที่เยาวชนสามารถนำไปฝึกฝนต่อยอดด้วยตนเองนอกเวลาอบรมได้ด้วย ซึ่งจะนำมาซึ่งพัฒนาเยาวชนไทยเพื่อก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพต่อไป
ทั้งนี้ นอกจากกิจกรรมการแถลงข่าวและพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันแล้ว กิจกรรมในงาน ยังมีการสาธิตการฝึกสอนทักษะฟุตบอล โดย มร.เซบาสเตียน เดรมม์เลอร์ ( Mr.Sebastian Dremmler) หัวหน้าผู้ฝึกสอนเยาวชนโครงการนานาชาติ สโมสรฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิค พร้อมด้วยบุคคลที่มีชื่อเสียงและนักแสดงไทยชื่อดังที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล และสโมสรเอฟซี บาเยิร์น มิวนิค มาร่วมในงานด้วย
นายวินิจ เลิศรัตนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปอร์ต ไทย-บาวาเรีย จำกัด กล่าวว่า “สืบเนื่องจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท สปอร์ต ไทย-บาวาเรีย กับ สโมสรฟุตบอลบาร์เยิร์น มิวนิค ซึ่งได้ร่วมกันจัดกิจกรรม FC Bayern Youth Cup Thailand 2016 และ 2017 เฟ้นหาเยาวชนเดินทางไปแข่งขันยังประเทศเยอรมนี ซึ่งโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทางบริษัทฯ จึงมีความตั้งใจ ที่จะนำความร่วมมือดังกล่าวมาพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์แก่การพัฒนาเยาวชนไทยในระยะยาว จึงได้ร่วมพัฒนาหลักสูตร “FC Bayern 12 Level Kurs” กับทางสโมสรฯ โดยมุ่งพัฒนาเยาวชนไทย ผ่านระบบการศึกษาอย่างจริงจัง ซึ่งโครงการนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการกำกับดูแลโรงเรียนและระบบการเรียนการสอน รวมถึงสถาบันการพลศึกษา ซึ่งเป็นแหล่งพัฒนาบุคลากรทางด้านกีฬาและผู้ฝึกสอนของประเทศ ให้การตอบรับในการนำหลักสูตรดังกล่าวไปใช้ในการสร้างพื้นฐานทักษะกีฬาฟุตบอลให้กับเยาวชนและนักเรียนไทย
ในส่วนของการสนับสนุนโครงการนี้ ทาง บริษัท สปอร์ต ไทย-บาวาเรีย จำกัด กำลังดำเนินการก่อสร้างสปอร์ต คอมเพล็กซ์ แห่งใหม่ เพื่อรองรับการอบรมและการฝึกสอนบุคคลากรจากโรงเรียนต่างๆ ตามโครงการความร่วมมือที่เกิดขึ้น โดยจะแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ.2561 ทั้งนี้ ในด้านการฝึกอบรม ปัจจุบันมีโค้ชผู้ฝึกสอนที่ผ่านการอบรมในโครงการเพื่อนำหลักสูตร FC Bayern Level Kurs ไปใช้ในสถานศึกษากว่า 1,000 คน และภายใน 4 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าหมายในการฝึกอบรมผู้ฝึกสอนจำนวน 20,000 คนจากทั่วประเทศ
นายประเสริฐ บุญเรือง รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวนี้ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนาทักษะด้านการกีฬาของนักเรียนนักศึกษา โดยทางกระทรวงฯ พร้อมไฟเขียวสนับสนุนโครงการดังกล่าว ในการพัฒนาทักษะผู้ฝึกสอนหรือโค้ช เพื่อที่จะนำมาต่อยอดพัฒนาฝึกฝนนักเรียน นักศึกษา ตั้งแต่ระดับอายุ 7 ปีขึ้นไปจนถึงอายุ 18 ปี โดยทางกระทรวงฯ พร้อมคัดสรรบุคลากรครูในวิชาพละศึกษา มาเข้าอบรมตามโครงการดังกล่าวทั้งสิ้น 12 ระดับชั้น ทั้งนี้ทางกระทรวงฯ มีความยินดีที่หน่วยงานภาคเอกชนได้เล็งเห็นคุณค่าทางการศึกษาไทย และนำหลักสูตรดังกล่าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน กีฬาฟุตบอล โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นประวัติศาสตร์ของวงการการศึกษาไทย ในรูปแบบก้าวกระโดด เนื่องจากโครงการนี้จะช่วยสร้างเสริมและสนับสนุนทักษะด้านกีฬาฟุตบอลไทยให้เทียบกับมาตรฐานสากลอย่างอย่างยั่งยืน โดยหลักสูตรดังกล่าวนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้ผู้ฝึกสอนหรือครูพลศึกษานำไปฝึกสอนนักเรียนในโรงเรียนอย่างถูกต้องตามแบบฉบับการฝึกของฟุตบอลสโมสรชื่อดังอย่างบาเยิร์น มิวนิค โดยจะเป็นการเพิ่มมาตรฐาน และสามารถสร้างนักฟุตบอลไทยให้ฝีมือทัดเทียมกับนักฟุตบอลในระดับสากลมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างการปลูกฝังพื้นฐานด้านการกีฬา เพื่อเยาวชนได้มีการพัฒนาสุขภาพร่างกายและจิตใจ ตามนโยบายหลักของกระทรวงด้านการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” อีกด้วย
ดร.ประกิต หงส์แสนยาธรรม รองอธิการบดีสถาบันการพลศึกษา กล่าวว่า โรงเรียนกีฬาในสังกัดของทางสถาบันการพลศึกษา มีทั้งสิ้น 11 แห่ง ส่วนวิทยาลัยพละศึกษา ซึ่งยกมาเป็นสถาบันการพละศึกษา มีทั้งหมด 17 วิทยาเขต โดยเป็นการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา หรือในระดับปริญญาตรีขึ้นไป และเนื่องจากทางสถาบันฯ เป็นหน่วยงานทางการศึกษาเฉพาะทาง ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการจัดการศึกษาและผลิตบุคลากรทางด้านพละศึกษาและกีฬาเป็นหลัก ทั้งนี้ หลักสูตร FC Bayern 12 Level Kurs ดังกล่าวนี้ จะนำมาใช้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับพื้นฐาน เพื่อสามารถพัฒนาเยาวชนในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการหลอมรวมทีมต่างๆ ความรู้ความเข้าใจของเยาวชนก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถพัฒนาสู่ความสำเร็จในระดับชาติต่อไป
ด้านมร.เยิร์ก วอร์กเกอร์ (Mr.Jörg Wacker (คณะกรรมการบริหารฝ่ายนานาชาติและกลยุทธ์ สโมสรฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิค กล่าวว่า “ทางสโมสรฯ มีความตระหนักถึงความสำคัญของการฝึกสอนเยาวชนเพื่อพัฒนาสู่ความเป็นมืออาชีพทางด้านฟุตบอล ทั้งนี้ จากการที่ทางสโมสรฯ ได้จัดให้มีการฝึกอบรมทักษะฟุตบอลตามแนวทางของบาเยิร์น มิวนิค มาโดยตลอด จึงมีประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นระยะเวลานาน อย่างไรก็ตาม การพัฒนาหลักสูตรสำหรับการเรียนการสอนในโรงเรียนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ทางสโมสรฯ ได้นำหลักสูตรการอบรมมาเผยแพร่ในต่างประเทศ โดยทางสโมสร เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์และสามารถพัฒนามาตรฐานฟุตบอล ซึ่งรวมไปถึงวิธีการคิดและมุมมองของโค้ชผู้ฝึกสอน โดยจะสามารถช่วยพัฒนาทักษะฟุตบอลของเยาวชนไทยเพื่อก้าวสู่ระดับนานาชาติต่อไป