แก้ว อภิรดี ร่ำไห้ ดราม่า น้องเบลล์ ถูกต่อว่าเป็นแม่ไม่สอนลูก
ยังคงเป็นประเด็นดราม่าที่อยู่ในความสนใจของใครหลายคน สำหรับกรณีภาพหลุดของ “เบลล์ เลลาณี” ทายาทนักแสดงสาวรุ่นใหญ่ “แก้ว อภิรดี” ขณะกำลังแสดงความรักกับเพื่อนชายคนสนิท “อาเมน เดอะสตาร์” ในที่สาธารณะ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายในโลกโซเชียลถึงความไม่เหมาะสม
โดยล่าสุดทางด้านของคุณแม่ “แก้ว อภิรดี” ก็ได้ออกมาเปิดใจอีกครั้ง ถึงกระแสดราม่าดังกล่าวหลังจากที่เธอและลูกสาวได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านรายการโทรทัศน์ ซึ่งครั้งนี้เธอได้เผยความรู้สึกทั้งน้ำตาว่า
ฟีดแบคหลังออกมาเคลียร์ข่าวเรื่อง น้องเบลล์ เป็นยังไงบ้าง ?
“ก็ไม่ได้มีฟีดแบคอะไรนะคะ เพราะเมื่อวานพอเสร็จงานตรงนั้นปุ๊ปพี่ก็ไปทำงานของพี่ต่อทันที ถามว่าสบายในขึ้นไหม เอ่อ…คือเราก็ได้บอกความรู้สึกของเรา แต่ถ้าถามถึงความไม่สบายใจของพี่ อันนี้คนอื่นเขาก็จะเดาไปต่างๆ นานา และเราเองก็คือแม่เนอะ เราดูแลลูกเรามาตลอดและรู้จักลูกสาวเราดี แต่ถ้าเราพูดมากคนก็จะมองว่าเราปกป้อง พูดเรื่องจริงก็หาว่าสร้างภาพ ดังนั้นไม่พูดดีกว่า เพราะตัดสินกันเองหมดแล้วจะมาถามทำไม ดังนั้นพี่เลือกทางที่จะเงียบและให้แต่ละคนตัดสินใจกันเองดีกว่า พี่เชื่อว่าพี่กับลูกได้พูดไปหมดแล้ว”
กระแสที่เข้ามามันบั่นทอนความรู้สึกของเรากับลูกมากน้อยแค่ไหน ?
“แน่นอนค่ะ ที่เสียใจนี่ไม่ต้องเดาเลยนะคะว่าเรื่องอะไร ก็คือเรื่องของคอมเมนต์ต่างๆ ถ้าหากเราไม่อ่านเราก็ไม่เสียใจหรอก แต่นี่พอลูกพี่อ่านเขาก็ตกใจกับแต่ละคำที่ถูกเขียนเข้ามา ซึ่งพี่เองก็มองว่ามันเลวร้ายถึงขนาดต้องใช้วาจาขนาดนี้เลยเหรอ พี่เสียใจและก็สงสารลูก การกระทำของเขามันไม่อาจจะไม่สมควรกับที่สาธารณะ แต่จะให้ยืนยันยังไงในเมื่อโดนหมายหัวไปแล้วว่าเป็นแบบนั้น”
ได้พูดคุยกับน้องเบลล์หลังออกมาให้สัมภาษณ์ในวันนั้นไหม ?
“น้องเขาก็นิ่ง เพราะเขารู้ว่าพี่เป็นคนคิดมากและเป็นคนที่อ่อนไหวมาก”
ช่วงแรกที่มีข่าวออกมาได้พูดคุยกับลูกยังไงบ้าง ?
“พี่ยอมรับนะว่าช่วงที่มีข่าวใหม่ๆ พี่ไม่ได้คุยกับลูกเพราะพี่มีอาการหลอดลมอักเสบ เราทำได้แค่มองหน้ากันและปลอบใจกัน”
วันที่ออกมาให้สัมภาษณ์น้องเบลล์เองก็ร้องไห้ออกมาด้วย เราในฐานะคนเป็นแม่รู้สึกตกใจหรือเปล่า ?
“เอ่อ…คือน้องไม่ได้ร้องไห้เพราะอยากร้องไห้ แต่อาจจะเป็นเพราะคำถามมากกว่า ซึ่งพี่ก็บอกไม่ถูก พี่รู้แต่ว่าเราเป็นแม่เราควรปกป้องลูกได้ทุกเรื่อง แต่พี่ไม่ใช่แม่งี่เง่าที่ปกป้องลูกเรื่องเสีย เพราะถ้าเรื่องเสียหรือเรื่องที่ลูกขี้เกียจทำงานพี่ยังบ่นลูกเลย”
แสดงว่าเราเองเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องลูกได้ ?
“ใช่ พี่ไม่อยากให้ลูกรู้สึกเสียใจ บอกไม่ถูกค่ะ ทำอะไรก็ผิดไปหมด เอาเป็นว่าผิดทุกเรื่องล่ะกันจบ”
เรื่องนี้เป็นบททดสอบให้น้องได้หรือเปล่าในการเข้ามาทำงานวงการอย่างเต็มตัว ?
“พี่ไม่รู้นะว่าจะเป็นบททดสอบหรืออะไร แต่ประเด็นมันอยู่ที่จิตใจของคนเป็นแม่กับลูก พอแม่พูดว่าแม่เสียใจ ลูกเองก็รู้สึกเสียใจ เรื่องของข่าวลูกแต่แม่โดนด่า เราเคารพทุกความคิดเห็นของทุกคนนะ แต่คุณเคยเคารพความรู้สึกของเราสองคนบ้างไหม สังคมวันนี้เปิดเผยเต็มที่ แต่ความรู้สึกของเราก็เป็นของเรามันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ โลกวันนี้กลายเป็นว่าเราต้องพูดความรู้สึกตามที่คนอยากให้เรารู้สึก ตกลงแล้วคุณอยากฟังเราพูดหรืออยากให้เรารู้สึกอย่างที่เขารู้สึก”
นี่ก็คือสิ่งที่เราอยากจะบอกความรู้สึกออกไป ?
“ไม่มีอะไรอยากฝากบอกค่ะ เพราะถ้าวันนี้ไม่มีงานบวงสรวงละครพี่ก็ไม่คิดจะพูดอยู่แล้ว แต่พี่ก็อยากให้เข้าใจด้วยว่าพี่ไม่อยากให้สัมภาษณ์อะไรแล้ว พี่ไม่รู้ว่าสิ่งที่พี่พูดมันจะดีกับใครหรือว่าดีกับตัวพี่และลูก พี่ไม่ได้ทำผิดคิดร้ายใคร ในมุมมองสังคมอาจจะมองว่าพี่ไม่รู้จักสอนลูกให้ดีทำให้ลูกไปทำอะไรแบบนั้น แต่คุณคิดเหรอว่าคนเป็นแม่จะไม่คิดสอนลูกให้รู้จักคำว่าสาธารณะชนควรทำอย่างไร คิดว่าการแม่แค่คลอดออกมาแค่นั้นเหรอ ไม่ใช่แน่ๆ พี่เลี้ยงลูกสามคนมีอาชีพการงานที่ดี เรื่องง่ายๆ เล็กๆ แบบนี้ไม่สอน เป็นไปได้เหรอ”
น้องเบลล์เขาท้อแท้ถึงจะอยากลาวงการเลยไหม ?
“ทุกคนต้องมีอาชีพ แล้วน้องก็ตั้งใจที่จะทำมาหากิน เพราะพี่จะพูดกับน้องเสมอว่า ถ้าหากเบลล์มีแรง เบลล์เป็นคนขยัน เป็นคนสู้ไม่ต่างกับแม่ หากวันใดแม่เกิดไม่ได้มีลมหายใจอยู่ตรงนี้ ก็อยากให้เบลล์ช่วยดูพี่ ช่วยดูพ่อ ช่วยดูแลคนที่รักเบลล์ ซึ่งพอพี่พูดแบบนี้เขาก็เลยมีความมุมานะที่อยากจะมีอาชีพ และทำหน้าที่เป็นช้างเท้าหลังเหมือนกับที่พี่เป็นในวันนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องราวเหล่านี้ไม่ทำให้เขาถดถอยได้หรอก เราสตรองในสิ่งที่ควรเป็น”
ได้คุยกับ น้องอาเมน แล้วหรือยังตั้งแต่เกิดเรื่อง ?
“เข้ามาคุยแล้วค่ะ เมื่อคืนน้องเขาเข้ามาหาพี่แก้วที่งาน ซึ่งเขายังไม่ได้ทันได้พูดอะไรนอกจากยกมื้อไหว้ขอโทษ และก็บอกว่า ถ้าหากทำให้น้องและแม่เสียใจเขาขอโทษด้วย ซึ่งปกติพี่จะไม่เชื่อและไม่ไว้ใจใครที่คิดจะเข้าใกล้ลูกพี่นะ แต่ว่าอาเมนเขาเป็นเด็กดี ทุกคนในครอบครัวพี่รู้สึกได้”
บอกกับน้องไหมว่าหลังจากนี้ทำอะไรต้องระมัดระวังมากขึ้น ?
“บอกอยู่แล้วค่ะ ไม่เกิดเรื่องพี่ก็บอก พี่พร่ำพูดอยู่ทุกวัน รายละเอียดเล็กๆ พี่ก็สอน”
เป็นลูกพี่แก้วต้องอดทนไหม ?
“ไม่ต้องหรอก ดาราโดนทุกคนค่ะ พี่ก็เข้าใจ”
ครั้งนี้คือการพูดครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ?
“ใช่ค่ะ และก็เชื่อว่าน้องๆ ทุกคนคงไม่มีอะไรจะถามพี่แล้ว”