หลากเรื่องน่ารู้ก่อนดู Valerian and the City of a Thousand Planets
โปรเจ็คในฝันของผู้กำกับลุค เบซง
ก่อนที่ผู้กำกับอย่างลุค เบซงจะกลายเป็นผู้กำกับระดับโลก ทั้งผลงานการเขียนบท กำกับภาพยนตร์ รวมไปถึงโปรดิวซ์หนังหลายต่อหลายเรื่องจนกลายเป็นภาพยนตร์ในความทรงจำของใครหลายคน ในวัยเด็กนั้นเขาเป็นเด็กชายที่หลงใหลในหนังสือการ์ตูนที่มีชื่อว่า “Valerian and Laureline” เขาเล่าว่า “ตอนผมอายุสิบขวบผมไปร้านหนังสือทุกวันพุธ จนมีอยู่วันหนึ่งผมหยิบหนังสือการ์ตูนเรื่องชื่อว่า ‘Pilote’ ข้างในมันมีการ์ตูนไซไฟเรื่องหนึ่งชื่อว่า ‘Valerian and Laureline’ ในหัวผมได้แต่นึกว่า ‘โอ้พระเจ้า นี่มันอะไรกันเนี่ย?’ ตั้งแต่วันนั้นผมตกหลุมรัก ลอเรลลีน และผมอยากเป็น วาเลเรียน มากเลย” นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เบซงติดการ์ตูนเรื่องนี้อย่างงอมแงม
ด้วยความรักที่เขามีต่อ “Valerian and Laureline” ยังคงค้างอยู่ในใจของเขาเสมอมา เบสซง เติบโตและได้กลายเป็นกำลังหลักในการสร้างหนังแอ็คชั่นทรงอิทธิพลหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น La Femme Nikita หรือ Léon: The Professional จนกระทั่งเขาตัดสินใจถ่ายหนังไซไฟดิสโทเปียสุดอลังการที่กลายมาเป็นผลงานขึ้นหิ้งของเขาThe Fifth Element ที่เขาเริ่มคิดอยากเอาการ์ตูนเรื่องโปรดในดวงใจสมัยเด็ก มาเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์ เบสซง กล่าวพร้อมหัวเราะ "ฌอง-คล็อด เมซิแยร์ส เป็นผู้ออกแบบ The Fifth Element เขาบอกกับผมว่ามัวมาทำเรื่องนี้ทำไม ไม่ไปทำ Valerian !”
รอเวลากว่าโปรเจ็คในฝันจะเป็นความจริง
ในยุค 90 ที่เทคโนโลยีในการใช้เทคนิคพิเศษในการสรรค์สร้างจักรวาลอันกว้างใหญ่ของ Valerian and Laureline เขาพบว่าเทคโนโลยีเมื่อ 20 ปีก่อนยังไม่เอื้ออำนวยที่จะทำให้เขาสามารถสร้างดวงดาวมากมายและเอเลี่ยนนับร้อยสายพันธุ์ จนกระทั่งการเดินทางมาถึงของหนังอย่าง AVATAR ที่เปลี่ยนแปลงและปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์กราฟฟิคไปตลอดกาล นั่นทำให้เบซงรู้ทันทีว่าวันหนึ่งภาพยนตร์ในฝันของเขาจะเป็นความจริงแล้ว และทุกอย่างก็ใกล้ความจริงเข้าไปอีกเมื่อเจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับ AVATAR ชวนเขาไปเยี่ยมกองถ่ายหนังเรื่องดังกล่าว
คนนี้แหละใช่ สัญชาตญาณบอก
เมื่อเป็นโปรเจ็คครั้งสำคัญของชีวิต ลุค เบซงใช้วิธีการเลือกนักแสดงที่เขาสนใจ และเดน เดอฮานคือคนที่เขากำลังมองหา หลังจากที่เขามีโอกาสได้พูดคุยกับพระเอกหนุ่มคนนี้ในร้านอาหาร สิ่งแรกที่เขากล่าวทักทายแค่คำว่า “หวัดดี” เบซงรู้ทันทีว่าบทวาเลเรียน ตัวเองของเรื่องต้องเป็นของเขา ทั้งโทนเสียงที่เขาพูด ประกายในดวงตา รอยริ้มของเขา เข้ากับบทพยัคฆ์ร้ายอวกาศที่ดันอับโชคเรื่องความรัก “วาเลเรียน ตกหลุมรัก ลอเรลลีน เข้าเต็มเปา แต่เขามีประวัติเรื่องเจ้าชู้ยาวเป็นหางว่าว
คู่หูของวาเลเรียน
บทคู่หูของพระเอกอย่างวาเลเรียนคือ ลอเรลลีน ตัวลุค เบซงต้องการนักแสดงสาวที่พร้อมสวมวิญญาณสาวแกร่ง ลอเรลลีน ไม่ใช่สาวหวาน ไม่ต้องการให้ใครมาดูและ เธอแกร่งพอๆ กับ วาเลเรียน ทั้งกล้าหาญ ฉลาด และร่วมกับปราบเหล่าร้ายเคียงบ่าเคียงไหล่กับ วาเลเรียน บทนี้ต้องการสาวห้าวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อรับบทเป็นตัวละครที่ เบสซง เคยตกหลุมรักเมื่อครั้งยังเด็ก เขาตัดสินใจเลือกคาร่า เดอลาวีญ นางแบบที่ผันตัวมาเป็นนักแสดง แม้ว่าตอนแรกลุคจะกังขาในตัวคาร่าว่าเธอคือคนที่ “ใช่” แน่ๆหรือเปล่า หลังจากการทดสอบบทในห้องออดิชั่นอย่างเข้มข้น ก็ได้พิสูจน์แล้วว่านี่คือบทของเธอจริงๆ
ทุกอย่างคือความลับ กระทั่งบทภาพยนตร์
ในยุคสมัยที่ทุกอย่างสามารถรั่วไหลทางโซเชียลมีเดียได้รวดเร็วเสียยิ่งกว่าไฟลามทุ่ม เพื่อป้องกันการที่เนื้อเรื่องของหนังจะต้องเป็นความลับขั้นสุดยอด และเพื่อเป็นการเคารพต่อบรรดาผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่องนี้จากทั่วโลก ไม่เว้นกระทั่งสาวคาร่า เดอลาวีญ ที่ยังต้องอยู่ในห้องอ่านบทรวดเดียวจนจบแถมต้องมีคนเฝ้าตอนอ่านตลอดเวลา “ฉันนั่งอยู่ในห้องชั่วโมงครึ่ง อ่านบทรวดเดียวจบเพราะมันสนุกจนวางไม่ลง” เธอกล่าว
การกระโดดลงจออีกครั้งของป๊อปสตาร์ ริฮานน่า
อีกหนึ่งตัวละครสำคัญของ Valerian and the City of a Thousand Planets คือ แกลมพ็อด เอเลี่ยนสายพันธุ์เปลี่ยนร่างได้ ที่ชื่อว่า บับเบิ้ล เธอเป็นเอเลี่ยนนางโชว์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นไปใครก็ตามที่ใจต้องการ โดยลุค เบซงต้องการตัวป๊อปสตาร์ระดับโลกอย่างสาวริฮานน่ามารับบทนี้ แม้ว่าทุกคนในทีมงานจะบล็อกเบซง ตั้งแต่ยังไม่ได้ติดต่อไปที่นักร้องสาวเลยด้วยซ้ำ เพราะทุกคนคิดว่าบทแบบนี้นักร้องสาวคงไม่แลตามอง แต่เบซงยืนยันว่า ลองดูหน่อยก็คงไม่มีอะไรเสียหาย และเขาก็ดีใจมากเมื่อการนัดพบและพูดคุยครั้งแรก ริฮานน่าสนใจและอยากแสดงหนังแนวแฟนตาซีเหมือนกัน ที่สำคัญเธอไม่ได้ทำตัวเป็น “ซุปตาร์” ในกองถ่ายเลยแม้แต่น้อย เธอทำทุกอย่างที่ผู้กำกับอยากให้ทำอย่างเต็มใจและพร้อมออกความคิดเห็นในมุมที่เธอต้องทำการแสดงในฉากนั้นๆด้วยเช่นกัน
เกร็ดเกี่ยวกับการ์ตูน Valerian and Laureline
Valerian and Laureline เป็นผลงาน ของนักวาดชาวฝรั่งเศส ฌอง-คล็อด เมซิแยร์ส แต่งเนื้อเรื่องโดย ปิแอร์ คริสแตง โดยหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้มีถึง 22 เล่ม ซึ่งถูกแต่งขึ้นในยุคสมัย 70 แต่เนื้อเรื่องในหนังสือการ์ตูนนั้นเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 28 ซึ่งเป็นสิ่งที่เปี่ยมล้นจินตนาการ เป็นสิ่งแปลกใหม่ มันถูกตีพิมพ์ขึ้นมาครั้งแรกในปี 1967 โดยสำนักพิมพ์ดาร์กูด์ และหนังสือการ์ตูนเล่มนี้นี่เองคือแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ลุค เบซงสร้างหนังอย่าง The Fifth Element ขึ้นมาและยังเป็นแรงบันดาลใจให้นักทำหนังไซไฟหลายคนอีกด้วย