เนื้อหาในหมวด ข่าว

พลเมืองดีพูดไม่ออก อา-เด็กสาววัย 17 ถอนเงินบริจาคนับล้าน จากนี้ไม่ขอยุ่งแล้ว!

พลเมืองดีพูดไม่ออก อา-เด็กสาววัย 17 ถอนเงินบริจาคนับล้าน จากนี้ไม่ขอยุ่งแล้ว!

จากกรณีเด็กสาว อายุ 17 ปี ถูกพ่อข่มขืนมานาน 5 ปี จนทนพฤติกรรมผู้เป็นพ่อของตนเองไม่ไหว ต้องหนีไปอยู่บ้านอาที่ อ.เมือง จ.สกลนคร ต่อมามีพลเมืองดียื่นมือเข้าช่วยเหลือนำไปตรวจร่างกาย และนำหลักฐานไปแจ้งความที่ สภ.กุดบาก จนกลายเป็นข่าวใหญ่ และต่อมามีผู้ใจบุญเห็นใจบริจาคเงินให้กับเด็กสาวรายนี้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่เป็นจำนวนเงินนับล้านบาท

>> ชีวิตใหม่เด็กสาววัย 17 ถูกพ่อข่มขืน ซึ้งใจยอดบริจาคทะลุล้าน สานฝันเรียนต่อปริญญา

แต่ต่อมามีกระแสข่าวว่า เด็กสาว 17 และอาสาวซึ่งเป็นผู้ดูแลเด็ก ได้ถอนเงินออกไปจากบัญชีที่รับบริจาค และได้ซื้อรถยนต์คันใหม่ ทำให้หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ถึงการนำเงินบริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของผู้ใจบุญ ที่หวังให้เด็กได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ เรียนหนังสือหรือนำไปสร้างอาชีพ ซึ่งกรณีนี้ คุณอ้อ สาวพลเมืองดีที่เข้าช่วยเหลือเด็กสาวออกมาเปิดเผยเรื่องราว ผ่านไลฟ์เฟซบุ๊ก ชลิดา วัฒนะ ระบุว่า...

หลังมีกระแสข่าวเรื่องเงินบริจาคจำนวนมากตนจึงติดต่อไปทางอา ได้แนะนำให้เปิดชื่อบัญชีของเด็กพร้อมบอกผู้เป็นอาว่าต้องทำอะไรให้หลานเป็นรูปธรรม ควรทำอะไรให้งอกเงย ไม่ใช่เอาเงินมาถลุงไปวันๆ เพราะเงินล้านกว่าบาทใช้ไปทุกวันมันก็หมด หลังจากนั้นที่คุยกันเรื่องเงินเสร็จก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย ยืนยันว่าตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องเงินบริจาคของผู้เสียหายเลย

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. มีคนแจ้งมาว่า อาของเด็กเอาเงินไปซื้อรถ แต่ตนไม่รู้เรื่อง สื่อก็บอกว่าติดต่ออาไม่ได้ โทรหลายรอบไม่รับสาย จึงทำให้ยังไม่รู้ยอดเงินบริจาคล่าสุด ต่อมาวันที่ 23 ต.ค. ได้คุยกับคนรู้จักในธนาคารสาขาที่เปิดบัญชีบริจาค จึงได้ทราบว่าอาถอนเงินออกไป 1 ล้านกว่าบาท เหลือติดบัญชีอยู่ 8,000 กว่าบาท

จากนั้นคุณอ้อโทรศัพท์คุยกับอาของเด็ก ตอนแรกตนยังไม่ได้ถามเรื่องเงิน แค่ถามสารทุกข์สุกดิบ อาของเด็กได้บอกเองว่าเอาเงินไปซื้อรถกระบะแล้ว ยืนยันว่าหลานเป็นคนอยากได้ คุณอ้อจึงบอกอาไปว่าทำแบบนี้สังคมจะมองหลายด้าน อาจจะมองว่าอาเป็นคนเกลี้ยกล่อม มันจะไม่ดีกับตัวอาเอง

ส่วนเรื่องการย้ายที่อยู่ ตนคุยแต่แรกแล้วว่าให้ย้ายออกมาเพราะตรงนั้นเป็นชุมชน ทุกคนรู้หมดว่าเกิดอะไรขึ้น อาก็บอกว่าหลานไม่อยากย้าย เมื่อตนถามว่าทำไมไม่เปิดร้านดีกว่าเอาเงินสดไปซื้อรถ อาก็บอกว่าหาทำเลอยู่ ตอนนั้นรู้สึกว่าพูดอะไรไม่ออกเพราะเป็นสิทธิ์ของเขา กลัวว่าทางฝั่งอาจะคิดว่าเราอยากได้เงินของเขาจึงไม่อยากยุ่ง ตนแค่อยากจะช่วยเด็กให้มีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็พยายามเตือนตลอด

เมื่อถามว่าตอนนี้เงินเป็นล้านไปอยู่ที่ไหน ก็ทราบว่าถอนออกมาใส่บัญชีอาหมด เตือนว่าทำแบบนี้ไม่ได้เพราะคนเขาจะมองไม่ดี ให้เอาเงินใส่บัญชีหลาน แต่ถ้าหลานอยากจะให้อาก็อีกเรื่อง ส่วนรถก็เป็นชื่ออา บอกว่าถ้าหลานอายุ 20 ปี จะให้หลาน ซึ่งหลายคนที่บริจาคเข้ามาก็รู้สึกไม่ดีที่เอาเงินไปทำอะไรแบบนี้

แต่ตนเจอคำพูดหนึ่งที่ฟังแล้วเสียใจมาก เด็กและอาพูด ฟังแล้วรู้สึกจุก จึงบอกว่าอย่าไปพูดแบบนี้กับใครนะลูก มันไม่น่ารักเลย มันมีผลเสียกับเรา คนช่วยจะรู้สึกแย่มากจากที่เขาเอ็นดูเราจะกลายเป็นเกลียดเราเลย หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ เขาปิดเครื่อง ล่าสุดเงินล้านกว่าบาทเหลือเท่าไหร่ อาของเด็กก็ไม่ได้บอก แต่เงินที่เหลือติดบัญชีบริจาคคือ 8,400 บาท

คุณอ้อและคุณอ้อย เผยว่าตอนนี้จะยังคงตามเรื่องคดีให้เหมือนเดิม อยากให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น อยากให้เด็กได้เรียนหรือมีอาชีพ ยังไงก็จะไม่ทิ้งเรื่องคดีแต่เรื่องเงินไม่เคยยุ่ง เราไม่ได้ทิ้งเด็ก แต่เขาทิ้งเรา

อย่างไรก็ตาม อาของน้องวัย 17 ปี ได้ยอมรับกับสื่อว่ามีการซื้อรถกระบะจริง โดยเป็นรถกระบะโตโยต้า มือสอง การที่ซื้อรถเพราะเป็นความต้องการของน้อง เพื่อจะได้เดินทางสะดวก ไม่ต้องไปรบกวนพี่อ้อกับพี่อ้อย เพราะน้องและอา รู้สึกเกรงใจทั้ง 2 คน ที่ต้องคอยพาไปทำธุระ โดยรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ได้ซื้อในนามชื่อของอา เพราะน้องยังอายุไม่ถึง 20 ปี ทั้งนี้หากน้องอายุถึง ตนก็ยินดีจะโอนกลับให้เป็นชื่อของน้องทันที

ส่วนเงินในบัญชีที่ตอนนี้ยังคงเหลืออยู่ 800,000 บาท และได้โอนมาไว้ในบัญชีของอา จำนวน 700,000 บาท เพื่อที่จะนำไปซื้อที่ดิน และปลูกบ้าน ลงทุนเปิดร้านขายของชำ เพื่อจะได้เป็นอาชีพของน้อง ส่วนอีก 100,000 บาท ที่เหลือ เก็บไว้เรียนหนังสืออยู่ในบัญชีเดิม ที่มีชื่อผู้เบิกจ่าย 3 คน

อย่างไรก็ตาม ก็ยอมรับว่า ตนกลัวสังคมจะเข้าใจว่าฮุบเงินบริจาคช่วยเหลือน้อง แต่น้องเขาก็ยืนยัน และต้องการที่จะซื้อ และต้องการที่จะโอนเข้าบัญชีของตน ถ้ามีคนมาถาม น้องก็จะขอชี้แจงด้วยตัวเอง

ล่าสุด คุณอ้อ สาวพลเมืองดีได้โพสต์ข้อความถึงกรณีนี้ หลังเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์เข้ามามากมาย ระบุว่า...

"ใครอยากด่าอยากแขวะ อยากจิกกัด ตามสบายนะคะ อ้อถือว่า พวกคุณสนใจทุกเรื่องของสังคมไทย ดีมากเลยค่ะ เราถือว่าคำพวกคุณพูด ไม่ได้ทำให้เรา อยากหยุดช่วยเด็กและผู้หญิงที่โดนกระทำ
ถ้าคนติดตามเราตั้งแต่แรก จะรู้จุดประสงค์ของเรา เรื่องเงินบริจาค เค้าช่วยเด็กเพราะอะไรไปย้อนดูตั้งแต่สื่อลงพื้นที่เกิดเหตุดูนะคะ พวกอ้อขอรับกันหน้าเฟซจากเพื่อนๆ ก่อนสื่อลงค่ะ ยอดมันไม่กี่พัน แต่สื่อเป็นกระบอกเสียง เงินเลยเข้าเยอะ ไม่มีใครคิดหรอกค่ะจะได้เยอะขนาดนี้

ตอนนี้ เด็กจะเอาเงินไปทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ที่อ้อไลฟ์สด ถ้าพวกคุณฟังดีๆ คุณจะรู้ อ้อโฟกัสที่ใคร น้องอาจจะ 17 ก็จริง แต่อย่าลืมนะคะ เค้าไม่ได้เรียน ไม่มีสังคม ไม่มีคนอบรมสั่งสอน ไม่มีเพื่อน อยู่กลางป่า โดนทำร้ายมาตั้งแต่เด็ก อ่อ อีกอย่าง บางคนพูดมา อยากได้เงินล้านน่าจะทำแบบน้อง ก็ได้แล้ว คนที่พูด ก็ลองไปให้พ่อคุณข่มขืนและทำร้ายร่างกายคุณดูสัก 5 ปีนะ ไม่ต้องถึง 5 ปีก็ได้อ่ะ เอาแค่ 1 เดือน และโดนทุกวันๆ ดูนะคะ คนวิจารณ์ควรแยกแยะก่อนด่าก่อนจิกกัดคนอื่น

ที่เป็นประเด็นคืออาเอาเงินไปซื้อรถ ส่วนที่เหลือ ก็คอยติดตามกันเอาว่าน้องจะได้อะไรต่อจากนี้มั้ย ไม่ใช่มาต่อว่าคนที่เขาเข้าไปช่วยเหลือ ไม่ต้องว่าอะไรมาก คนที่คอยประชดประชันคนอื่น พวกคุณเคยช่วยเหลือใครบ้างมั้ย แรงมาก็แรงไปค่ะ กูไม่ใช่ดาราหรือคนดัง ที่จะต้องมาแคร์มายอมให้คนมาจิกกัดไม่หยุด"

>> เปิดใจพี่น้องจิตอาสา นางฟ้าช่วยเด็กสาวโดนพ่อข่มขืน แม่รู้แต่ไม่เคยช่วย

 

พ่อเดนมาร์ก \

พ่อเดนมาร์ก "ข่มขืน" ลูกสาวแท้ๆ คาห้องบ่าวสาว เข้าใจผิด นึกว่าเป็นเมียตัวเอง

พ่อแท้ๆ อายุ 50 ปี ข่มขืนลูกสาวอายุ 20 ปี ในคืนงานแต่งของตัวเองกับภรรยาใหม่ ขณะลูกสาวเมาในห้องบ่าวสาวกลางดึก ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี 6 เดือน

พ่อใจโฉดมอบตัวแล้ว สารภาพขืนใจลูกสาวแท้ๆ เพราะเมา

พ่อใจโฉดมอบตัวแล้ว สารภาพขืนใจลูกสาวแท้ๆ เพราะเมา

หนุ่มวัย 35 ดอดเข้ามอบตัวกลางดึก หลังถูกออกหมายจับคดีข่มขืนลูกสาวแท้ๆ วัย 7 ขวบ ยอมรับสารภาพหมดเปลือก อ้างเมาแล้วเกิดอารมณ์