นักข่าวดังท้ากลับ "โอ๊ค พานทองแท้" ถ้าอยู่ไทยจริง-ไม่หนีคดี จะถือดอกไม้ธูปเทียนขอขมา
ผู้สื่อข่าวอาวุโสรายหนึ่ง ได้โพสต์ท้ากลับไปยังนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวานนี้ (27ธ.ค.) ว่า ให้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อาของตน ว่าจะไม่หลบหนีคดีอย่างที่มีการรายงานข่าว และจะยอมรับคำตัดสินของศาลในคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทย ถ้าหากรับคำท้าตามนี้ ตนจะนำดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมาที่ได้ล่วงเกินและดูถูกเอาไว้ ในวันฟังคำพิพากษา
"แน่จริงตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกับนางเยาวภาจะไม่หลบหนีอย่างที่มีการปล่อยข่าว ประกาศให้ชัดพร้อมรับคำพิพากษาในคดีฟอกเงินที่เป็นจำเลยเพราะมีเงินเข้าบัญชีแบบไม่มีที่มาที่ไป หากกล้ารับคำท้านี้ ในวันที่มีคำพิพากษาจะนำธูปเทียนดอกไม้ไปขอขมาในสิ่งที่ได้ล่วงเกินและดูถูกไว้ว่าต้องหลบหนี" นักข่าวดัง โพสต์
ความขัดแย้งรอบนี้ของนายพานทองแท้และนักข่าวดังรายดังกล่าว เริ่มขึ้น เมื่อนักข่าวดังรายนี้อ้างว่า นายพานทองแท้ได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อหลบหนีคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทย แต่นายพานทองแท้ยืนยันว่าตนยังอยู่ในประเทศ จึงได้โพสต์ท้าให้นักข่าวรายนี้ใส่ตะกร้อครอบปาก ถ้าหากตนพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าไม่ได้เดินทางหลบหนีไปอย่างที่นักข่าวรายนี้กล่าวหา
>> "โอ๊ค พานทองแท้" ท้าชน! ถ้ายังอยู่ไทยให้นักข่าวดังเอา "ตะกร้อครอบปาก" หลังปูดข่าวหนีคดี
อ้าง "ทักษิณ" กดดันสำนักข่าวต้นสังกัดบีบลาออก หลังเปิดโปงรันเวย์ร้าว
นอกจากนี้ นายพานทองแท้อ้างต่อไปว่านักข่าวรายดังกล่าวมักสร้างข่าวเท็จขึ้นมารายงาน อย่างเช่น กรณีรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ ที่บอกว่าร้าวทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเพียงรอยแตกตามปกติของรันเวย์ จนทำให้หนังสือพิมพ์ต้นสังกัดโดนฟ้อง และแพ้คดีในที่สุด
อย่างไรก็ตาม นักข่าวรายนี้อธิบายในโพสต์ล่าสุดว่า นายพานทองแท้ไม่ได้พูดความจริง เพราะพื้นรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิร้าวจริง แต่ ดร.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้คนใกล้ชิดกดดันผู้บริหารหนังสือพิมพ์ที่ตนเคยทำงานให้บีบตนให้ลาออกพร้อมเสนอเงินชดเชยเกือบ 4 ล้านบาท แต่ตนปฏิเสธข้อเสนอ ทำให้ถูกเลิกจ้าง
ศาลตัดสินชนะคดี โดนเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
หลังจากนั้น นักข่าวดังได้ฟ้องเรื่องนี้ต่อศาลแรงงาน และมีนางยุวดี ธัญศิริ ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายการเมือง ที่ล่วงลับไปแล้วในขณะนี้ มาเป็นพยานให้ตนว่าฝ่ายการเมืองในขณะนั้นพยายามแทรกแซงการทำงานของหนังสือพิมพ์ที่ตนทำงาน
ไม่ใช่แค่นั้น หลังจากที่หนังสือพิมพ์นี้เลิกจ้างตนและเพื่อนร่วมงานที่เปิดโปงการใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิดในยุคนั้นแล้ว กระทรวงคมนาคมได้ถอนฟ้องหนังสือพิมพ์ จุดนี้เองยิ่งตอกย้ำว่ามีความไม่ชอบมาพากล ซึ่งสุดท้ายเมื่อปี 2558 ศาลฎีกาแรงงานก็ได้ตัดสินให้ตนชนะคดี และยืนยันว่าหนังสือพิมพ์ดังกล่าวเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม