เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"เต้ ปิติศักดิ์" เคลียร์หมดใจ โพสต์ดราม่าตัดพ้อชีวิตคู่ ถ้าโสดอีกครั้ง จะทำอย่างไร?

กลายเป็นประเด็นดราม่าจานร้อนตอนนี้ที่ทำเอาสายเผือกสงสัยใคร่รู้กันหนักมาก เมื่ออยู่ดีๆ นักแสดงรุ่นใหญ่ เต้-ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ ก็ลุกขึ้นมาโพสต์ข้อความคล้ายจะเป็นการตัดพ้อถึงชีวิตคู่ ในทำนองว่า "ถ้าโสดอีกที...จะทำอย่างไรดี" แถมยังเขียนคอมเมนต์ระบายความในใจยาวเหยียด จนหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคู่ของนักแสดงหนุ่มกันแน่

โดยล่าสุดขณะที่ เต้ ปิติศักดิ์ ได้เดินทางมาร่วมพิธีบวงสรวงละคร เทพธิดาขนนก ทางช่อง 8 เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดใจถึงโพสต์ดราม่าดังกล่าว พร้อมทั้งยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมา ตนและภรรยามีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันจริง แต่ ณ เวลานี้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว เนื่องจากว่ามีลูกชายวัย 6 ขวบ คอยเป็นทั้งกาวใจและที่ยึดเหนี่ยวความสุขของคนในบ้าน

"สำหรับสิ่งที่ผมโพสต์ผมก็แค่สงสัยเฉยๆ ครับ และที่หลายคนสงสัยว่าผมมีปัญหาครอบครัวหรือเปล่า อันนี้ผมก็ไม่อยากฟันธง เพราะไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่มันย่อมเกิดจาก สาเหตุ ขั้นตอน และตามด้วยผลลัพธ์ ซึ่งผลลัพธ์ของเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเรามันไม่ใช่ปัญหา แต่มันอาจจะเป็นเพราะปัจจัยหลายๆ อย่างที่ผมและภรรยาต่างคนก็ต่างทำงาน ต่างคนต่างก็ใช้เวลาของตัวเอง ซึ่งมันก็เลยส่งผลให้เราทั้งคู่ไม่ได้มีเวลาพูดคุยกันทุกเรื่อง"

"ถ้าถามผมว่าชีวิตคู่ของผมตอนนี้ยังแข็งแรงดีอยู่ไหม เอ่อ...เราก็ยังอยู่ด้วยกันนะครับ ทุกอย่างยังแข็งแรงแม้จะไม่มากนัก แต่ผมก็คิดว่าโดยทั่วไปแล้วในหลายๆ ครอบครัวมันย่อมมีการกระทบกระทั่งกันอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่างที่บอกผมเองก็ไม่ได้อยากจะเรียกว่ามันคือปัญหาครอบครัว เพราะว่าพอเราคุยกันเข้าใจมันก็รู้เรื่องครับ"

พอมีข่าวออกมาว่าเราเตียงหักแบบนี้ เราได้คุยกับภรรยาบ้างหรือเปล่า ?
"คุยครับ เราคุยกันมาตลอด แล้วเอาจริงๆ โพสต์ที่ทุกคนเห็นมันก็คือโพสต์เก่าที่ผมเคยโพสต์เอาไว้ตั้งแต่เมื่อกลางปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมก็ยอมรับว่า เรามีเรื่องไม่เข้าใจกันจริงๆ แต่สุดท้ายพอเราคุยกันเข้าใจมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเราอีก (ยิ้ม) ซึ่งผมมองว่าส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับเรื่องนี้คือเราต้องให้เวลากัน ให้เวลาทั้งผมและเขาในการทบทวนว่าเราได้ทำอะไรพลาดไปบ้าง นอกจากนั้นแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เราสองคนยังมีความสุขอยู่ได้นั่นก็คือลูกชายครับ" 

สรุปก็คือทุกวันนี้เรากับภรรยายังอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวปกติ ?
"ใช่ครับผม เรายังอยู่กันเป็นครอบครัวปกติ"

สิ่งที่เคยเป็นเรื่องเรื้อรังระหว่างเราทั้งคู่ตอนนี้เคลียร์เรียบร้อยแล้วใช่ไหม ?
"เราก็เคลียร์กันได้หลายๆ เรื่องแล้วครับ ซึ่งผมก็มองว่าเรื่องที่เราไม่ค่อยได้คุยกันก็คืออีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญที่สุด เนื่องจากก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ให้เขาทำงานอะไรเลยนอกจากเลี้ยงลูก จนกระทั่งลูกชายมีอายุที่โตพอสมควร ผมจึงยอมให้เขากลับไปทำงาน แต่เมื่อเขากลับไปทำงานได้ประมาณ 1 ปี ผมก็เริ่มรู้สึกว่าเวลาของเราทั้งคู่มันค่อยๆ สวนทางกัน จนกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้เราไม่ค่อยได้คุยกันในหลายๆ ประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขารู้สึกน้อยใจหรือเรื่องที่ผมไม่เข้าใจเขา และพอบวกกับว่าเราทั้งคู่มองข้ามเรื่องนี้ไป มันก็เลยกลายเป็นเรื่องไม่เข้าใจกันที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น"

อย่างประโยคที่เราโพสต์ว่า "จะไม่ทนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง" อันนี้เป็นเพราะเราได้ไปเจอกับอะไรมาหรือเปล่า ?
"สำหรับผมคำว่า ไม่ถูกต้อง มันหมายถึงอะไรได้หลายอย่างนะ ซึ่งตัวเขาเองพอเขาได้ไปทำงานมันก็มีหลายๆ เสียงที่บอกว่ามีคนนู้นคนนี้เข้ามาในชีวิตทั้งของเราและของเขาหรือเปล่า ซึ่งผมก็จะบอกอยู่เสมอว่าผมไม่สนใจเพราะปัจจุบันสำคัญที่สุด และเราก็รู้อยู่แก่ใจว่าเราทำอะไรหรือไม่ได้ทำอะไร คือถ้าเราเป็นตัวของเรา เราก็ไม่ทนอยู่แล้วกับสิ่งที่มันไม่ควร เพราะฉะนั้นทั้งเขาและผมเราก็ควรที่จะต้องพิจารณาตัวเองว่ามีอะไรที่ผิดพลาดไปบ้างหรือเปล่า เพราะว่าสิ่งสำคัญที่สุดมันไม่ใช่ใครชนะหรือแพ้ แต่มันอยู่ที่คำว่า 'ลูก' เพียงแค่คำเดียวเลย"

ก็คือไม่ได้มีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอนใช่ไหม ?
"อันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุปัจจัยอะไร ผมก็เลยไม่อยากจะฟันธงว่ามันเป็นปัญหามือที่สามหรือเปล่าเพราะผมไม่รู้"

ตัวเราเองได้พยายามหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไหม ?
"อย่างที่บอกครับ ผมก็ให้ต่างฝ่ายต่างกลับมาทบทวนตัวเองนั่นก็คือการหาคำตอบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วครอบครัวของเราก็ยังคงเป็นปกติ ทุกคนยังรักกันดี เพียงแต่เราอาจจะเว้นที่ว่างเอาไว้สักนิดเพื่อให้เราได้ทบทวนก็เท่านั้นเอง"

ถ้าหากวันนี้เราไม่มีลูก มันจะมีโอกาสไหมที่จะจบด้วยคำว่าแยกทาง ?
"ก็คงอยู่ในสถานะแบบนี้ดูก่อน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องทบทวนว่าเราทำอะไรไปบ้าง ผมรู้สึกว่าการที่เราเจอคนที่อยู่ข้างๆ เรา หรือคนที่เข้าใจเรานั้นมันก็ต้องมีบ้างที่จะกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา อีกอย่างผมเองก็อยู่กับเขามาจะ 10 ปีแล้ว ซึ่งผมไม่ได้รู้สึกว่าเสียเวลาเลย แต่ว่าเราอยู่ด้วยกันมาขนาดนี้ ดังนั้นกับเรื่องแค่นี้ เราก็ควรที่จะต้องทำความเข้าใจกันให้มากๆ ผมเชื่อว่าหลายๆ คู่ก็คงจะเคยมีโมเมนต์แบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่เราต้องไม่วู่วามโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเป็นพ่อแม่ของลูก เราจึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมองหาเหตุผลและใช้เวลาในการทบทวนร่วมกัน"

แบบนี้เราพอจะบอกได้ไหมว่ามือที่สามมาจากฝั่งไหน ?
"ผมไม่ได้บอกเลยนะครับว่ามีมือที่สาม ผมเพียงแค่ไม่รู้ว่าเหตุปัจจัยคืออะไร แต่ก็อาจจะมีคนหยิบช่วงเวลานี้มาอะไรแบบนี้ ซึ่งผมก็บอกเลยว่า ถ้าหากคุณจะเข้ามาก็มาได้เลยนะ เพราะผมไม่ได้บังคับแฟนและผมก็ไม่ได้ปิดตัวเอง เพราะผมรู้สึกว่าถ้าหากเรารู้สึกดีกับใคร หรือมีโอกาสที่จะดำเนินชีวิตกับใครมันก็ดำเนินไปได้ ผมเคารพในการตัดสินใจทั้งของผมและภรรยา เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่ว่ามีมือที่สาม แต่ผมแค่อยากให้เวลาเราได้ทบทวนตัวเองเพื่อให้เกิดความผูกพันเท่านั้นเองครับ"

แบบนี้มันพอจะมีแนวโน้มว่าความเป็นครอบครัวจะดีขึ้นบ้างไหม ?
"จริงๆ แล้วมันคือความคาดหวังมากกว่า ซึ่งเราก็ต้องขอบคุณคนที่เป็นห่วง แต่ไม่มีใครอยากให้เรื่องราวดีๆ จบลงไม่สวยหรอก ผมเองก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้อยากไปบังคับหรือกำหนดว่าในอนาคตมันต้องดีที่สุดนะ ต้องไม่เลิกกันนะ หรือต้องอยู่ด้วยกันนะเพราะผมก็ไม่รู้ แต่ลองดูคู่ที่เลิกสิ ไม่มีใครอยากเลิกกันหรอก เพียงแต่เราเองมีลูกชายที่ต้องดูแล มันคือความสุขเวลาที่เราเลี้ยงลูกร่วมกัน ลูกเป็นจุดเชื่อมสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าในการทำสิ่งดีๆ เพื่อลูก ถ้าเกิดผมและแฟนตัดสินใจวู่วามคนที่กระทบที่สุดคือลูก"

เราโอเคไหมในการอยู่แบบไม่ชัดเจน ?
"จริงๆ มันก็ไม่ถึงกับไม่ชัดเจนนะครับ ต่างคนต่างมีตัวตนในกันและกัน เป็นสามีภรรยากัน เลี้ยงลูกกัน แต่ถ้าวันหนึ่งผมและภรรยาต้องแยกทาง เราก็จะเคารพซึ่งกันและกันอยู่ดี แต่ด้วยความที่วันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน ดังนั้นเราก็ขอเคารพในความเห็นของกันและกันดีกว่า ผมไม่อยากให้ไปคิดว่าเดี๋ยววันหน้าค่อยเลิกกันหรือดีกันเพราะไม่มีใครรู้ แต่ความสัมพันธ์ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนปกติ เราได้คุยได้ปรับความเข้าใจกันมากขึ้น หรือเวลาเรางอนกันในบ้านลูกก็จะจับเรามาจุ๊บกัน ซึ่งผมรู้สึกว่าโชคดีมากที่เรามีลูก ความน่ารักของเขาทำให้เรากลมเกลียวกันเร็วขึ้น"

สรุปก็คือตอนนี้ทุกๆ อย่างเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ?
"หวังไว้ว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันครับ จริงๆ ผมไม่ได้ยึดติดอะไรนะ ผมแค่อยากปล่อยให้มันไปตามธรรมชาติ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่เราต้องทบทวนตัวเองว่าเราทำอะไรอยู่หรือเราพลาดอะไรไป ทุกวันนี้เรายังมีความเชื่อใจให้กันเหมือนเดิมเพราะเรายังอยู่ด้วยกัน เราเป็นครอบครัวเดียวกันเราต้องเชื่อใจ วางใจกัน เพราะถ้าไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่มีความสุข ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดโมเมนต์ในแบบที่ผมโพสต์ ซึ่งการตัดสินอนาคตด้วยอารมณ์ชั่ววูบมันไม่คุ้มค่าเลย"

เปิดเส้นทางรัก \

เปิดเส้นทางรัก "เต้ ปิติศักดิ์ - น้ำหวาน" จากที่คิดว่าเพื่อนสาว สู่คู่สามีภรรยา

นักแสดงและพิธีกรมากความสามารถ เต้ ปิติศักดิ์ ที่วันนี้ควงภรรยา น้ำหวาน สรารัศมิ์ มาเผยเส้นทางความรัก 17 ปี เจอปัญหาใหญ่ เป็นข่าวดังมาแล้ว หวิดขาเตียงหัก

\

"ตั๊ก บงกช" ดีใจที่สุดได้เจอ "เต้ ปิติศักดิ์" คู่ขวัญจาก "ไอ้ฟัก" ในวันที่ลูกได้เรียนห้องเดียวกัน

เต้ ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ เจอ ตั๊ก บงกช คงมาลัย อีกครั้ง ในวันที่ลูกชายเข้าโรงเรียน และได้อยู่ห้องเดียวกัน