ช็อค! ตัวละครนี้คือใครใน Han Solo: A Star Wars Story
บทความนี้มีการเปิดเผยจุดสำคัญในหนัง เหมาะสำหรับคนที่ชมภาพยนตร์แล้วเท่านั้น
บทความนี้มีการเปิดเผยจุดสำคัญในหนัง เหมาะสำหรับคนที่ชมภาพยนตร์แล้วเท่านั้น
บทความนี้มีการเปิดเผยจุดสำคัญในหนัง เหมาะสำหรับคนที่ชมภาพยนตร์แล้วเท่านั้น
อย่างที่เราทราบกันดีว่า Han Solo: A Star Wars Story เป็นหนังในกลุ่ม Prequel เพื่อบอกเล่าเรื่องราวก่อนเส้นเรื่องหลัก ซึ่งในหนังเรื่องนี้ได้บอกเล่าถึงชีวิตในวัยหนุ่มของฮาน โซโล แต่เหนืออื่นใดคือหนังเรื่องนี้ก็ยังอยู่ภายใต้จักรวาลเดียวกันกับ Star Wars ภาคหลักๆ ใน Episode ต่างๆ และหนังภาคนี้มีความเกี่ยวพันมากมายที่คุณอาจจะยังไม่รู้
เริ่มต้นที่
1.เคียร่า ทรยศฮาน
คนดูอาจจะรับรู้โดยตลอดทั้งเรื่องว่าเคียร่านั้นเป็นรักแรกของฮาน โซโล แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน การที่เคียร่าเติบโตมาในกลุ่มอาชญากรน่าจะเปลี่ยนแปลงความคิดและความเชื่อของเธอ หลังจากฉากต่อสู้อันดุเดือดระหว่างฮานและดรายเดน เคียร่าได้เผยร่างจริงของเธอให้ผู้ชมเห็นว่านอกจากเลือดนักสู้ในตัวเธอจะแรงกล้า เธอยังมีการตัดสินใจอันเด็ดขาด และเลือกเส้นทางอีกเส้น ไม่ใช่วิธีคิดในแบบในวัยรุ่นที่เคยจะหนีไปใช้ชีวิตแบบหวานแหววกับหวานใจในวัยรุ่นกับฮาน โซโลอีกต่อไป
หนังเผยให้เห็นว่าเคียร่าไม่ลังเลเลยสักนิดในการเลือกจะสืบสานตำแหน่งรองผู้บังคับบัญชาการจากองค์กรคริมสัน ดอว์น เรื่องราวของเคียร่ายังมืดดำและเป็นความลับต่อไป โดยเฉพาะช่วงเวลา 3 ปีที่เธอพลัดพรากจากฮาน โซโล ที่เซอร์ไพรซ์กว่าคือการที่เคียร่า แสดงให้เราเห็นแล้วว่า เธอไม่เคยต้องการร้องขอความช่วยเหลือจากฮาน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์บนดาวบ้านเกิดอย่างคลอเรลเลีย หรือซาวารีน แต่เธอเลือกเส้นทางชีวิตด้วยตัวเองอยู่ตลอดเวลา
2.ภายใต้ผ้าคลุมนั้น เขาคือ?
ทันทีที่เธอเปิดระบบสื่อสาร คนดูจึงมีโอกาสได้เห็น “หัวหน้า” ผู้สั่งการดรายเดนมาตลอดทั้งเรื่องซึ่งเขาก็คือดาร์ธ มอล (ตัวร้ายจาก Star Wars: Episode I - The Phantom Menace) ซึ่งคนดูถูกทำให้เข้าใจว่า เขาตายไปแล้วหลังจากการดวลดาบเลเซอร์กับโอบี-วัน เคโนบี แต่ในภาคแยกของจักรวาลนี้ก็เผยให้คนดูรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ตายและมีบทบาทในหนังภาคแอนิเมชั่น Star Wars: The Clone Wars (2008) และในเวอร์ชั่นซีรีส์แอนิเมชั่นอย่าง Star Wars: Rebels
คำถามคือ ถ้าอย่างนั้นแล้วเหตุการณ์ในหนังภาคนี้เกิดอยู่ในช่วงเวลาไหนของจักรวาล Star Wars แต่ที่แน่ๆ คือหนังภาคนี้ไม่ได้เกิดหลังจากภาค Star Wars: Episode I - The Phantom Menace อย่างแน่นอน เมื่อคำนวณอายุของตัวละครฮาน โซโลในหนังภาคนี้ จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่เขาปรากฏตัวครั้งแรกใน Star Wars: Episode IV - A New Hope และถ้าหากสังเกตให้ดีจะพบว่า อาวุธของดาร์ธ มอล ก็แตกต่างไปจากหนังภาคแรก รวมไปถึง “ขา” ของเขาก็เป็นขาหุ่นยนต์ด้วย ซึ่งนั่นบ่งบอกว่าเขารอดตายจากการโดนดาบเลเซอร์หั่นร่างเป็นครึ่งท่อนหลังจากหนังภาค Episode I - The Phantom Menace
รายละเอียดในเวอร์ชั่นการ์ตูนเราสามารถกล่าวโดยสรุปได้ว่าดาร์ธ มอลนั้นรอดชีวิตมาโดยการช่วยเหลือจากพี่ชายชื่อ ซาเวจ โอเพรสและพยายามตามล้างแค้นโอบี-วัน อย่างไม่ลดละ และยังรวมกลุ่มอาชญากรอวกาศในชื่อ ชาโดว์ คอลเลคทีฟ จนกระทั่งเขาได้ทำความรู้จักกับพาดาวัน และในท้ายที่สุดแล้วเขาก็โดนโอบี-วัน สังหารจริงๆ บนดาวทาทูอีน (ดาวบ้านเกิดของลุค สกาย วอล์คเกอร์)
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการปรากฏร่างของตัวละครดาร์ธ มอล ในหนังภาคนี้อาจจะไปเชื่อมโยงกับหนังภาคแยกอย่าง Obi-Wan Kenobi ที่กำลังวางแผนสร้างในอนาคตก็เป็นได้
3.เอนฟรีย์ เนส ผู้นำกลุ่มกบฏในอนาคต
เอนฟรีย์ เนส เป็นตัวละครที่แทบไม่ได้อยู่ในความสนใจของผู้ชมเลยด้วยซ้ำ อันที่จริงตัวละครนี้ไม่ใช่วายร้ายของหนัง อันที่จริงกลายเป็นว่าเมื่อตัวละครนี้ได้เปิดเผยใบหน้าและตัวตนออกมา (รับบทโดยอีริน เคลลี่แมน) ในฉากดังกล่าวเป็นฉากที่ฮานต่อรองเรื่องการแลกเปลี่ยนแร่ธาตุโคแอกเซี่ยม ซึ่งตอนแรกฮานเหมือนจะไม่ยอมเจรจากับเธอ แต่ในที่สุดเราก็ได้เห็นแล้วว่าในที่สุดเขาก็ยอมทำตามแผนการของเธอ ในอนาคตแฟนๆ ของสตาร์วอร์รู้ดีว่า ในอนาคตนั้นเอนฟรีย์ เนสจะถูกกลุ่มจักรวรรดิครอบงำในที่สุด
4.ฮาน โซโลเดินทางไปยังดาวทาทูอีน
หลังจากที่ฮาน โซโลสามารถเอาชนะไพ่ของแลนโด้ (อย่างขาวสะอาด เหรอ?) เขาก็ได้ครอบครองยานมิลเลเนียม ฟอลคอน ในหนังเขาได้กล่าวว่า “เราต้องเดินทางไปหากลุ่มอาชญากรกลุ่มใหญ่เพื่อทำงานแล้วล่ะ” คำว่ากลุ่มใหญ่บนดาวทาทูอีนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากแจ๊บบา ฮัตต์ ซึ่งปรากฏใน Episode I IV และ VI ซึ่งตัวละครนี้เป็นหนึ่งในเจ้าพ่ออาชญากรที่มีชื่อเสียงที่สุดของจักรวาล เขามีอิทธิพลทั้งการเมืองและวงการอาชญากรรมใต้ดิน ไม่มีคนจากทางการที่ไหนที่สามารถปราบแจ๊บบาได้ อีกทั้งฐานที่มั่นของแจ๊บบา เป็นทั้งบ้าน ซ่องโจร ก็คือวังของแจ็บบา สถานที่ที่อันตรายและมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาบนดาวทาทูอีน
อย่างไรก็ตามตอนนี้เราก็คงต้องพักเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนังภาคนี้ไปก่อน เพราะในปี 2019 เราจะได้ดูเรื่องราวของเรย์และไคโร เรนใน Star Wars: Episode IX คั่นเวลาก่อนนั่นเอง