เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" ยอมรับแล้ว ได้เงินบริจาค 8 ล้าน แต่ต้องโกหกว่า 5 หมื่น เพราะกลัวถูกอายัด

กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนให้ความสนใจกันอยู่ในขณะนี้ สำหรับกระแสข่าวเกี่ยวกับยอดเงินบริจาคกว่า 8 ล้านบาท รวมถึงบ้าน และรถ ของอดีตนักแสดงหนุ่มวัย 41 ปี ธีร์-ภูมิธนะวัชร์ บุญลือ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยตกเป็นข่าวใหญ่ เนื่องจากมีอาการป่วยเป็นวัณโรคทับต่อมน้ำเหลือง จนแทบไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

กระทั่งล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (30 ก.ค.) ธีร์ ภูมิธนะวัชร์ พร้อมทั้ง เอมมี่ อมลวรรณ ก็ได้ถือโอกาสออกมาเปิดใจถึงประเด็นร้อนดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อสงสัยที่หลายคนอยากรู้เกี่ยวกับความผิดปกติในการใช้ทรัพย์สิน ณ สถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี 34HD ซึ่งทั้งคู่ได้เผยว่า...

>> "ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" อดีตดาราจ่อเข้ากรุง แจงปมเงินบริจาค 8 ล้าน บ้านใหม่-มีรถขับ

>> "ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" อดีตดาราป่วยวัณโรคทับตับ ตอบคำถามเรื่องเงินรับบริจาค

>>ธีร์ ภูมิธนะวัชร์ ส่ออ่วม! ทนายดังเชื่อเข้าข่ายฉ้อโกงเหตุปกปิดยอดเงิน

อยากให้ชี้แจงว่าเงินบริจาคที่เราได้ทั้งหมดเป็นจำนวน 50,000 บาท หรือว่า 8,000,000 บาท ?
ธีร์ - "8,000,000 บาทครับ"

แล้วทำไมตอนแรกเราถึงได้บอกว่า 50,000 บาท ?
ธีร์ - "ก็...เป็นหนี้บัตรเครดิต กลัวจะโดนอายัด และจะไม่มีเงินเก็บไว้ให้แม่ ก็เลยไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด แต่พอเวลาผ่านไปได้ประมาณ 4-5 วัน ก็รู้สึกเครียด รวมถึงตัวคุณแม่เองก็มีอาการเบาหวาน ความดันขึ้น ซึ่งพอดีช่วงนั้นน้องเอมมี่เขาโทรมา แล้วเขาก็ให้ธรรมะกับผมบางข้อ เอมมี่เขาก็บอกกับผมว่า หายไปเลยจากสังคมก็ได้ หรือจะออกมาพูดความจริง เพราะทุกคนที่ช่วยพี่ เขาช่วยด้วยใจ ผมก็เลยเลือกที่จะออกมาพูดความจริง เพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย อันนี้คือความจริงครับ ก็คือผมกลัวจะโดนอายัดบัญชี และกลัวว่าจะไม่มีเงินเก็บเอาไว้ให้แม่ครับ"

ตอนนี้คนก็มองว่าเราเอาเงินบริจาคที่คนตั้งใจมอบให้เพื่อรักษาตัว แต่กลับเอาไปใช้เป็นเรื่องส่วนตัวแทน ?
ธีร์ - "ถ้าพูดถึงเรื่องบ้านหลังนี้ ผมไม่ได้ซื้อ แต่ผมเช่าในราคา 2,000 บาท จริงๆ เป็นการเช่าบ้านต่อจากแฟนครับ ซึ่งมันเป็นแพลนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายน เนื่องจากตอนที่อยู่ที่เอื้ออาทรมันรู้สึกอุดอู้ หรือเวลามีคนสูบบุหรี่ผมก็จะต้องสูดรับควันเข้าไปด้วย มันเลยทำให้ทั้งผมทั้งแม่ร่างกายทรุดโทรม จากนั้นเราก็เลยตัดสินใจย้ายออกมา"

เราบอกว่าเป็นบ้านของแฟน แล้วเราพอจะทราบไหมว่าแฟนเอาเงินจากไหนไปซื้อ และบ้านหลังนี้ราคาเท่าไหร่ ?
ธีร์ - "ราคาตามที่เขาได้เขียนเอาไว้ในกระดาษ ก็คือ 1,900,000 บาท เอ่อ...ก็คือให้แฟนหา แล้วแฟนไปคุยกับเจ้าของบ้าน ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นสัญญาจะซื้อจะขายกัน คือเขาตั้งใจให้ธีร์อยู่ฟรีนั่นแหละ แต่ด้วยความที่ธีร์ได้รับเงินบริจาคมาแล้ว ธีร์ก็เลยแสดงความบริสุทธิ์ใจขอช่วยค่าใช้จ่ายแค่ 2,000 บาท รวมถึงช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟ น่าจะดีกว่า"

เราสามารถยืนยันได้ไหมว่า เงินในการซื้อบ้าน คือเงินของแฟนไม่ใช่เงินบริจาค ?
ธีร์ - "เป็นเงินของเขาเอง เพราะเงินบริจาคตอนนี้ยอดคงเหลือคือ 7,500,000 บาท และยังอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ ส่วนเงิน 500,000 บาท ที่หายไป นั่นก็เกิดจากการใช้หนี้ให้กับบางท่าน ซึ่งผมเองก็ต้องขอบคุณเจ้าหนี้บางรายที่มีความเมตตาในตอนที่ผมตกทุกข์ได้ยาก ให้ผมได้หยิบยืมเงิน แต่เพราะตอนนี้เขาเองก็เดือดร้อน ผมเลยต้องคืนเงินไปบ้างบางส่วน ซึ่งก็ยังมีอีกหลายส่วนครับที่ยังไม่ได้คืน ส่วนเรื่องที่ผมไม่ได้บอกความจริงตั้งแต่แรก อันนี้ก็อย่างที่ได้เรียนให้ทราบไป ผมกลัวเรื่องการถูกอายัดเงินครับ"

เหตุผลที่เราแบ่งเงินเข้าไปไว้ในบัญชีของแฟนเป็นเพราะอะไร ?
ธีร์ - "เพราะกลัวโดนอายัดไงครับ"

จากจำนวนเงินบริจาคทั้งหมด 8,000,000 บาท มีเงินที่เข้าไปอยู่ในบัญชีของแฟนเราจำนวนเท่าไหร่ ?
ธีร์ - "ประมาณ 6,300,000 ถึงประมาณ 6,400,000 บาทครับ ซึ่งตอนนี้เหลือเงินอยู่ในบัญชีธีร์ประมาณ 150,000 บาท กว่าๆ ครับ"

เราไว้ใจเขาขนาดนั้นเลยเหรอเงินตั้ง 6,000,000 กว่าบาท ?
ธีร์ - "ต้องขอบคุณมากเลยครับสำหรับคำถามนี้ เพราะนับตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน ช่วงที่ผมป่วยหนักมากๆ จนถึงขั้นเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว เขาก็ไม่เคยทิ้งผมไปไหน ขนาดผมไม่มีเงินผมต้องออกจากงาน เขาก็ยังมาช่วยดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร แถมยังขับรถไปๆ มาๆ เป็นระยะทางกว่า 120 กิโลเมตร เพื่อมาช่วยดูแล แม้แต่ตอนที่ผมนอนป่วยเป็นคนไข้ติดเตียง เขาก็ยังจ้างคนไปช่วยดูแลร้านแทนเขา และตัวเขาก็มาช่วยดูแลผมเป็นการถาวร มันเลยทำให้ผมรู้สึกประทับใจ รวมถึงไว้ใจในตัวเขา แต่เมื่อสักครู่นี้ผมก็ได้ปรึกษากับทางทนายความเบื้องต้นแล้วว่า หากเป็นไปได้จะสามารถนำเงินมาไว้ในบัญชีคุณแม่ได้ไหม เนื่องจากท่านอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ผมก็เลยกังวลเรื่องนี้ เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจว่าผมกับแม่ใครจะจากไปก่อน อย่างน้อยๆ ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับผม ผมก็จะได้สบายใจและตายตาหลับว่าเงินยังอยู่ในบัญชีแม่"

มีเหตุผลอื่นในการปกปิดยอดเงินบริจาคไหม นอกจากเรื่องกลัวถูกอายัด เรานึกถึงความรู้สึกของคนที่ช่วยบริจาคบ้างหรือเปล่า ?
ธีร์ - "นึกถึงครับ นึกถึง เพราะเอมมี่เขาก็ให้ตัวเลือกกับผมมาว่า จะหายเงียบไปเลยและยอมให้สังคมประณาม หรือผมจะเลือกออกมาพูดความจริง ซึ่งวันนี้ผมก็เลือกแล้วว่าจะออกมาพูดความจริง เพราะผมเองก็แคร์ความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ ความรู้สึกของคนที่เมตตาผม รวมถึงตัวเอมมี่ที่เขาก็ตั้งใจช่วยผมด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่มันกลับทำให้เขาถูกมองว่าเรามีนอกมีในกันหรือเปล่า เพราะเอาจริงๆ นะครับ เงินแค่บาทเดียวเอมมี่เขาก็ไม่เคยได้จากผม เอมมี่ไม่เคยขอรับค่าตอบแทนใดๆ เพราะเขาช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ผมไม่รู้นะครับว่าใครจะมองว่ายังไง แต่ที่ผมประสบกับตัวก็คือน้องเป็นคนที่งามทั้งภายใน และภายนอก ผมขอกราบน้ำใจของเอมมี่ ขอบคุณน้องมากครับ"

ถ้าหากวันนี้ไม่มีคนขุดคุ้ยความจริงเรื่องเงิน 8,000,000 บาท เราจะยังพูดไหมว่าเราได้แค่ 50,000 บาท ?
ธีร์ - "ผมตั้งใจอยู่แล้วครับว่าจะบอก เพราะก่อนหน้านี้เวลาที่มีนักข่าวไปหาที่บ้าน ผมก็จะบอกเสมอว่าเดี๋ยวผมขอไปอัปเดตสมุดบัญชีก่อนนะ ถ้าหากได้ตัวเลขที่ชัดเจนมาเมื่อไหร่ ผมจะบอกกับทุกคนอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้สังคมได้รับรู้ แต่พอมีประเด็นเอมมี่แฉว่าเงินในบัญชีธีร์มีมากถึง 8,000,000 บาท เราก็เลยได้พูดคุยและเข้าใจกัน อีกอย่างถ้าหากผมไม่ได้บอกความจริง ผมเองก็คงอยู่ไม่ได้ และก็คงรู้สึกละอายใจมาก ดังนั้นวันนี้ผมถึงได้ออกมาพูดความจริงครับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแบบนี้นะครับ"

หลายคนก็เข้าใจว่าเราโกหก เพราะก่อนหน้านี้เราบอกว่าเราอยู่กับแม่แค่ 2 คน แล้วทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้มีแฟนเพิ่มเข้ามาด้วย ?
ธีร์ - "ไม่ได้โกหกครับ เพราะเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ป่วย ผมยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เขาก็เลยมาหาแค่อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ตอนนั้นผมอยู่กับแม่แค่สองคน แต่พอมาถึงช่วงประมาณวันที่ 20 มิถุนายน ผมก็เริ่มมีอาการท้องเสียหนักมาก และก็ต้องเข้าโรงพยาบาลนานถึง 3 สัปดาห์ จากนั้นผมก็มีสภาพร่างกายแย่ลง ต้องนอนยาวเลย แต่ก็มีเขานี่แหละครับที่มาช่วยดูแล ซึ่งเขาก็เพิ่งจะอยู่แบบถาวรเมื่อช่วงต้นกรกฎาคมนี่เอง"

เราบอกว่าเงิน 500,000 บาท ที่เอาไปจ่ายหนี้ อันนี้คือจ่ายอะไรบ้าง ?
ธีร์ - "จ่ายหนี้บ้างบางส่วนครับ รวมถึงเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายที่ติดค้างไว้ช่วงที่อยู่บ้านเอื้ออาทร ไม่ว่าจะเป็น ค่าส่วนกลาง ค่าขยะ ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำ ค่าไฟ"

เราได้แจ้งกับคนที่บริจาคเงินให้เราไหมว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปใช้หนี้ ?
ธีร์ - "แจ้งตรงนี้เลย แต่ว่าเจ้าหนี้ท่านอื่นผมก็ขอกราบเรียนตรงนี้เช่นกันนะครับ ว่าผมใช้คืนแน่นอน แต่ขอทยอยใช้นะครับ เพราะก่อนหน้านี้ช่วงที่ธีร์โพสต์ขายตุ๊กตา หรือขายกระเป๋า ธีร์ก็ทำเพื่อที่จะนำเงินตรงนั้นมาทยอยใช้หนี้ เพราะผมเองก็ตั้งใจไว้ว่าจะไม่รบกวนเงินของประชาชนทุกท่าน ที่ส่งมาให้ผมเพื่อนำไปใช้รักษาตัวด้วยความเมตตา ผมขอกล่าวด้วยความสัตย์จริง และจากใจว่า จะไม่มีทางนำเงินไปใช้หนี้อีก แต่ที่ก่อนหน้านี้ต้องนำเงินไปใช้หนี้ก่อนก็เป็นเพราะว่า ทางเจ้าหนี้เขาเองก็เดือดร้อน ผมจึงเข้าใจดีว่าเวลาที่เราเดือดร้อนแล้วเขาช่วยมันเป็นอย่างไร พอวันนี้ผมได้คืนเขาไปแล้วก็รู้สึกสบายใจครับ"

ตอนนี้หนี้เราเหลืออีกเยอะไหม ?
ธีร์ - "ก็ถ้ารวมบัตรเครดิตด้วย หนี้ต่างๆ ด้วย ก็ล้านกว่าบาทครับ"

คนมองว่า คนที่บริจาคให้เราเขาก็มีหนี้เหมือนกัน เหมือนกับเอาเงินไปช่วยเราจ่ายหนี้ ?
ธีร์ - "ไม่จ่ายแล้วครับ ไม่จ่ายเลย ก็จะเป็นเงินจากการขายตุ๊กตา จากการขายกระเป๋า เพราะธีร์โพสต์ขายก่อนหน้าที่จะเป็นข่าวแล้ว ธีร์ขายของธีร์มาตั้งนานแล้ว"

คือก่อนหน้านี้เราจะมีการโพสต์ร้องไห้ บางวันก็มีการขอรับบริจาคเช้าเย็นวันละสองครั้ง เจตนาเราจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าเราได้เงินมา 8,000,000 บาทแล้ว ?
ธีร์ - "สิ่งที่ธีร์ได้สารภาพไปแล้วจากใจเลยว่า ทำงานมาทั้งชีวิตในวงการ 10 ปี เก็บเงินได้มากสุด 5,000,000 บาท ยังไม่หักค่าใช้จ่ายเลยนะ ธีร์ก็ดีใจแล้ว แต่นี่พอมีเงินเยอะปุ๊บ ก็คิดว่าเดี๋ยวสักสิ้นเดือนกรกฎาคมจะพอแล้ว อันนี้ยอมรับอย่างไม่อาย อย่างลูกผู้ชายเลยว่าอยากเก็บเงินให้แม่ได้มากที่สุด ก็เลยโพสต์คลิป แต่ว่ามันจะมีอยู่ช่วงสัปดาห์ท้ายๆ อันหนึ่งตรงที่ว่าไปทานยาสมุนไพรแก้ปวดเมื่อย พอทานเข้าไปแล้ว เลือดลมมันแปรปรวน เราก็เหงื่อแตก แล้วก็ไข้ขึ้นสูง เลยคิดว่าเราจะไปจริงๆ ก็เลยโพสต์ว่าถ้าไม่ได้อยู่ต่อ อันนั้นคือความรู้สึกจากใจจริงๆ"

ความกตัญญูก็เรื่องหนึ่ง แต่ว่าเราจะโพสต์ขอเงินคนไปเรื่อยๆ แบบนี้ ความรู้สึกตอนนั้นเป็นอย่างไร คิดจะหยุดเองไหม หรือเพราะข่าวหยุดเรา ?
ธีร์ - "ผมตั้งใจจะหยุดปลายเดือนกรกฎาคม แล้วก็โพสต์ขายตุ๊กตา คือแล้วแต่ใครจะเมตตาเลยครับ อีกอย่างตอนนี้ก็ปิดรับแล้วด้วย ไม่ขอรับบริจาคแล้ว ใครจะช่วยก็ขอให้ช่วยเป็นเรื่องของช่วยอุดหนุนตุ๊กตา กระเป๋า จะดีกว่า หรือเป็นข้าวสารอาหารแห้ง ก็แล้วแต่ท่านเมตตาส่งมา"

จะหยุด ไม่ขอรับบริจาคแล้วใช่ไหม ?
ธีร์ - "หยุดไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ"

คนมองว่าที่เราหยุดเพราะมันเกิดกรณีนี้ขึ้น ?
ธีร์ - "ก็อันนี้คือความจริงที่เราอยากพูดว่านานาจิตตัง เราเข้าใจ เราไม่โทษ ต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่สังคม พี่ๆ สื่อ พี่น้องทั่วประเทศเกิดคำถาม ผมบางทีก็เส้นผมบังภูเขา จะได้ฉุกคิดว่าอ๋อ บางทีเราทำเกินกว่าเหตุนะ ถ้าไม่มีเหตุ ไม่มีมูลปุ๊บบางทีเราก็ไม่รู้ตัว อันนี้ก็ต้องยอมรับความจริง"

แล้วเราเอาเงิน 5,000,000 บาท ไปทำบ่อปลาคาร์ปจริงไหม ?
ธีร์ - "อันนี้เรื่องของแฟน ที่เขาคุยกับเจ้าของบ้าน ทุกวันนี้บ้านก็ไม่ได้ซื้อ ก็เช่าเขา เขาตกลงกันว่าทำเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่ แต่กล้องมันแพนว่าใหญ่ ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้ ไม่ได้ทราบ ไม่ได้เกี่ยวกับเงินเราเลย ไม่เกี่ยวกับเงินที่ทุกท่านบริจาคมาเลย เงินที่ทุกท่านบริจาคมา มันเป็นตังกุย ถั่งเช่า เห็ดหลินจือ ยาลดความดันให้แม่ทั้งนั้น เพราะของผมเนี่ย น้องเอมมี่ติดต่อให้กรมวัณโรค กระทรวงสาธารณสุขแล้วก็ประกันสังคมเข้ามาช่วยดูแลเรา ฟรีทุกอย่าง ดูแลดีมาก อันนี้ต้องยกความดีให้แม่พระของธีร์ น้องเอมมี่"

เงินบริจาคที่เหลือ เราจะใช้เรื่องอะไรบ้าง ?
ธีร์ - "เงิน 7,500,000 บาท เราก็กำลังคิดว่าจะฝากยังไงให้มันได้ดอกเบี้ยสูง เพราะตอนนี้การลงทุนมีความเสี่ยงสูง แล้วก็เอาไว้ในบัญชีของแม่ แต่เนื่องจากแม่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ก็ได้ปรึกษากับทนาย ว่าเป็นไปได้ไหม ให้เปิดบัญชีเป็นชื่อแม่ แต่ว่าผมมีอำนาจในการเซ็น แล้วบัตรเอทีเอ็มเราก็ถือไว้ เวลาจะใช้อะไรเราก็เอามาใช้บ้าง แต่ว่าตอนนี้ใช้จริงๆ มันก็ไม่เยอะ เพราะว่าค่ากิน ค่าเช่าบ้าน 2,000 บาท มันก็ไม่เกินหนึ่งหมื่น หมื่นนิดๆ ก็เอาจากรายได้ที่ขายกระเป๋า ขายตุ๊กตาได้"

เราต้องแบ่งเงินไปรักษาตัวอยู่ไหม ?
ธีร์ - "ไม่ต้องครับ เพราะการรักษาตัวตอนนี้ ธีร์รักษาฟรี"

เอมมี่ - "คือเมื่อก่อนนี้พี่เขาจะซื้อยาเอง แต่หลังจากที่เราโพสต์ ทางกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาขอดูแลเป็นเคสพิเศษค่ะ"

ถ้าเอมมี่ไม่โพสต์ ก็จะไม่มีคนเข้ามาช่วยใช่ไหม ?
เอมมี่ - "ก็คงไม่น่าจะมีใครรู้ค่ะ"

ก็อาจจะไม่ได้รักษาฟรีใช่ไหม ?
ธีร์ - "ใช่ครับ ก็คงจะต้องเป็นหนี้ต่อไป"

เงินก้อนนี้ก็จะไม่ได้ใช้เพื่อรักษาตัวอีกต่อไปแล้วใช่ไหม ?
ธีร์ - "ก็เก็บไว้ให้แม่ครับ"

แต่คือจุดประสงค์เราขอรับเงินบริจาคมาเพื่อรักษาตัว ?
ธีร์ - "ก็ ณ ตอนนั้นก็บอกผ่านสื่อ ถ้าสังเกตดีๆ จะบอกเสมอว่า ช่วยแม่และธีร์ด้วยนะครับ ช่วยแม่และธีร์ ก็คือเป็นเรื่องของค่าใช้จ่ายมากกว่า"

แต่เราก็ไม่ได้ขยายความว่าเอามาใช้จ่าย หรือเอามารักษาตัว คนก็เลยมาบริจาค ?
ธีร์ - "ใช่ๆ เขาก็เลยคิดว่าเอามารักษาด้วย อันนี้เราต้องกราบขอโทษจริงๆ (พนมมือไหว้) ที่ไม่ได้ขยายความ"

คือค่ารักษาพยาบาลเราไม่ต้องจ่ายตั้งแต่ที่เอมมี่โพสต์แล้ว ?
ธีร์ - "ตั้งแต่เอมมี่โพสต์ คือตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมแล้ว และทางประกันสังคมเขาจะให้เราวันละ 80 บาท ค่าว่างงาน ก็น่าจะเริ่มต้นเดือนหน้ามั้ง ก็เท่ากับเดือนหนึ่งเราก็จะมีเงินพิเศษอีก 2,400 บาท"

ตอนนี้อยากพูดอะไรกับคนที่เขาบริจาคให้เราไหม เพราะบางคนถึงขนาดบอกว่ารอเงินออกก่อนนะ เดี๋ยวจะช่วย ซึ่งบางคนน่าจะลำบากกว่าพี่แล้วตอนนี้ ?
ธีร์ - "ก่อนอื่นต้องกราบขอบพระคุณ (พนมมือ) แล้วก็ต้องกราบขอโทษทุกๆ ท่าน ที่ธีร์ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดตั้งแต่แรก และทำให้เข้าใจผิด ณ ตอนนี้ธีร์ยอมรับความจริง แล้วก็ออกมาพูดความจริงทุกอย่าง อย่างลูกผู้ชาย อย่างลูกคนหนึ่งที่ตอนนี้เหลือแม่คนเดียว ผมจะไม่ดราม่าแล้ว ผมจะไม่ร้องไห้ขอเงินแล้ว ถ้าจะช่วยผม ก็เป็นตุ๊กตากับกระเป๋าที่ผมจะโพสต์ขายจะดีกว่าครับ สิ่งสำคัญก็คืออยากให้ทุกคนเข้าใจเอมมี่ ว่าเขาช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ไม่หวังผมตอบแทนใดๆ เลย ถ้าไม่มีเอมมี่ ธีร์ก็ไม่มีวันนี้ครับ จริงๆ ก็ขอบคุณเอมมี่มากๆ"

เอมมี่ได้รับผลกระทบอะไรบ้าง ?
เอมมี่ - "ก่อนอื่นเลยนะคะ ต้องกราบขอบคุณทุกคนที่เมตตาโอนเงินให้พี่ธีร์ ในการที่เขาจะไปใช้ดำเนินชีวิตต่อไป เงินที่บริจาคมาจริงๆ มันก็เป็นสิทธิ์ของคนที่เขาได้รับบริจาค ถ้าเกิดเขาเอาไปใช้ในทางที่ดี เอมมี่เชื่อว่าคนที่บริจาคก็มีความสุขด้วยเหมือนกัน แต่ถามว่าเอมมี่ได้รับผลกระทบไหม ก็มากค่ะ เพราะวันที่โพสต์ คนก็บอกว่าเราสร้างภาพ เราก็นิ่งๆ ไม่ว่าอะไร แต่หลังจากมียอด 8,000,000 บาทขึ้นมา ก็ทำให้เอมมี่กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปด้วย บอกตรงๆ เลยว่าตั้งแต่วันแรกที่โพสต์ ไม่เคยโทรถามพี่ธีร์เลยว่าได้เงินยอดเท่าไหร่แล้ว จนมันมีคนอินบ็อกซ์มาหาเรื่อยๆ จนเกิดเรื่อง ก็เลยตัดสินใจพูดความจริงกับพี่ธีร์ ว่าจะออกมาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจไหม เพราะเอมมี่ช่วยพี่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถ้าวันนี้พี่ไม่ออกมาพูดความจริง ถ้าวันหนึ่งมีดาราคนอื่นป่วย เอมมี่ไม่สามารถช่วยใครได้อีกเลย เอมมี่อยากให้ทุกคนรู้ว่าเอมมี่ทำเพื่อความบริสุทธิ์ใจ เอมมี่ไม่ได้หวังอะไรเลย ไม่เคยขอเงินพี่ธีร์แม้แต่บาทเดียว"

ธีร์ - "จริงครับ"

คนมองว่าเราได้ผลประโยชน์จากตรงนี้ ?
เอมมี่ - "ใช่ค่ะ ตอนนี้มีข่าวบอกว่า เอมมี่เป็นคนโอนเงินให้พี่ธีร์ด้วย 8,000,000 บาท เอาตรงๆ ว่าทุกวันนี้ยังหาเช้ากินค่ำอยู่เลย ก็เอาเป็นว่าวันนี้เอมมี่ตั้งใจทำมากๆ เอมมี่กับพี่ธีร์ เราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เอมมี่เจอในกรุ๊ป ก็เลยขอว่างั้นโอเค งั้นช่วยกันก็ได้ ก็เลยโพสต์คลิปพี่ธีร์ค่ะ"

รู้สึกซวยไหม อยู่ดีๆ ก็โดนหางเลขไปด้วย ?
เอมมี่ - "ตอนแรกมีความสุขที่ได้เป็นจิตอาสา พอมีผลกระทบ เลยคิดว่าทุกอย่างมีทางออก เลยตัดสินใจคุยความจริงกับพี่ธีร์ ว่าจริงๆ แล้วยอดเท่านี้ ทำไมไม่พูดความจริง ขอเหตุผลให้เอมมี่ได้ไหม เพราะเราก็เป็นคนตรงๆ ขออย่างเดียว ถ้าเราช่วยแล้วต้องตรง ต้องซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ใจกับเอมมี่จริงๆ"

ธีร์กลัวไหม ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ จะทำให้คนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เดือดร้อน เพราะคนไม่กล้าช่วยเหลือ ?
ธีร์ - "ก็แอบกลัวว่าคนเดือดร้อนต่อไปจะทำยังไง แต่หลังจากนี้ที่ผมได้พูดและบอกความจริงกับสังคมแล้ว ผมว่าคนไทยเมตตาแล้วก็เข้าใจ เพราะผมพูดความจริง จริงๆ อยากได้เงินให้แม่เก็บไว้มากๆ ไม่รู้ว่าแม่หรือผมที่จะไปก่อนกันแน่ อันนี้คือความบริสุทธิ์ใจที่ผมอยากชี้แจงกับพี่น้องทุกคน แต่หลังจากนี้ไม่ต้องบริจาคให้ธีร์แล้วครับ"

เงินที่อยู่กับแฟนจะขอโอนมาไว้กับเราไหมเพื่อความบริสุทธิ์ใจ ?
ธีร์ - "จะขอโอนให้แม่เพื่อความบริสุทธิ์ใจของตัวเองครับ ซึ่งถ้าหากวันหนึ่งธีร์ต้องจากไปก่อน เงินก็อยู่กับแม่แล้วนะ"

เรื่องรถ หลายคนคาใจว่าซื้อเอง ?
ธีร์ - "คนคาใจว่าเป็นรถป้ายแดง จริงๆ แล้วฝนตกหลังคาบ้านมีแค่ครึ่งเดียวก็เลยเอาผ้าคลุมไว้ แฟนเขามีรถ 2 คัน ทีนี้ธีร์ก็เลยขอผ่อนกับเขา มีบ้างไม่มีบ้างก็ตามประสาแฟนกัน จนป่วยออกจากงานมาก็ไม่ได้ส่งเขา 4-5 เดือน ก็เลยคืนเขาไป ชื่อรถก็เช็กได้เลยครับว่าไม่ใช่รถชื่อธีร์ และก็ไม่ใช่ชื่อเขา แต่เป็นชื่อน้องเขย เพราะว่าเขาก็ยังผ่อนอยู่เหมือนกัน"

"ดังนั้นถ้าถามว่าสรุปแล้วธีร์ซื้อบ้านไหม ก็ไม่อยากซื้อ หรือธีร์อยากมีรถไหม ก็ไม่อยากมี เพราะธีร์ยังขับไม่ได้ แต่ธีร์อยากเก็บเงินไว้ให้แม่อย่างเดียว เพราะว่ามันทำให้ธีร์ได้เรียนรู้ว่า ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เอมมี่สอนธีร์ว่า ให้รักตัวเองให้มากๆ เพราะชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอน เขาสอนให้ธีร์รักแม่ รักตัวเอง รู้จักรักตัวเองบ้าง อย่าไว้ใจคนอื่นนอกจากตัวเอง ธีร์ก็เลยโอเค เพราะมันก็จริงอย่างที่น้องพูด หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เคยประสบพบเจอ ธีร์กล้าพูดเลยว่า พี่น้องของธีร์หลังจากที่เขาทราบว่าธีร์ป่วย เขาก็เงียบกริบ ทุกวันนี้หลังจากทราบว่าธีร์มีเงิน 8,000,000 บาท ก็เริ่มมากันแล้วครับ"

แล้วเราจะแบ่งให้เขาไหม ?
ธีร์ - "ไม่ครับ"

เอมมี่ - "ก็อยากขอโทษสังคม ขอโทษทุกๆ คนที่โอนเงินให้พี่ธีร์ ขอโทษแทนพี่ธีร์ ที่พี่ธีร์ไม่ได้พูดความจริงตั้งแต่แรกนะคะ ตอนนี้พี่ธีร์ก็บอกเหตุผลเอมมี่ทั้งหมดแล้วว่าเพราะอะไร จากนี้ต่อไปเอมมี่เชื่อว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ พี่ธีร์จะเอาไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ และเอมมี่ขออนุโมทนาบุญทุกคนในครั้งนี้ด้วย เอมมี่เชื่อว่าไม่มีอะไรเรียบง่ายหรือสวยหรู แม้กระทั่งเราช่วยเรื่องเงิน จริงๆ มันยังเป็นเรื่องแบบนี้ได้ วันนี้พี่ธีร์ก็ออกมายอมรับความจริงแล้ว ใครป่วยหรือใครเป็นอะไร เอมมี่ก็ยังสามารถทำตรงนี้ต่อไปได้ ก็ต้องขอบพระคุณทุกคนมากที่ให้โอกาสได้มาพูดในวันนี้"

ตอนนี้อาการป่วยของธีร์ เป็นยังไงบ้าง?
ธีร์ - "ตอนนี้อาการป่วยจากเดิมที่ผอมแห้งแรงน้อยมาก เดินไม่ได้ อาการป่วยค่าตับ ค่าไต ค่าต่อมน้ำเหลืองดีขึ้นมาก น้ำหนักขึ้นมา 9 กิโลกรัมแล้วครับ ยังไม่น่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้ธีร์ต้องนั่งรถมาที่นี่ เพราะว่าหมอยังไม่อนุญาตให้ขึ้นเครื่องบิน ก็บอกน้องเอมมี่ว่ามีบุญอะไรที่ทำก็เป็นสะพานบุญให้พี่ด้วย พี่ก็จะแจ้งแถลงไขบอกกับน้ำใจคนไทยทุกคน ที่โอนเงินให้พี่ว่า พี่จะขออนุญาตเอาเงินไปทำบุญร่วมกันนะ"

"อีกประเด็นที่อยากพูดคือ ธีร์จะฟ้องหมอฟ้องโรงพยาบาลหรือเปล่า อันนี้ก็เปล่าครับ คือก่อนหน้านี้มีบางเว็บไซต์เขานำเสนอข่าวว่า ธีร์ป่วยเป็นโรคติดต่อรุนแรง แต่ตอนนี้คุณหมอมีใบรับรองแพทย์ออกมาให้แล้ว ซึ่งธีร์จะได้โพสต์ให้เห็นว่าธีร์เป็นแค่วัณโรคทับต่อมน้ำเหลือง ไม่ได้เป็นโรคนั้น และก็ไม่ได้เป็นโรคติดต่อด้วย ซึ่งจากนี้ก็ไม่ได้ฟ้องอะไรแล้วแหละครับ เพียงแต่ตอนนั้นพอมีข่าวออกไป คนก็ไม่เข้าใกล้ ไม่กล้ามาเยี่ยมธีร์เลย ธีร์เองก็เหงา"

ไม่ตายแล้วใช่ไหม จากที่คิดว่าจะตาย ?
ธีร์ - "ไม่ตายแล้ว ยังแข็งแรงดีอยู่ แต่ว่าก่อนหน้านี้ช่วงที่ปรึกษาทนาย เขาก็บอกว่าจริงๆ แล้วฟ้องได้ เพราะทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียง เสื่อมเสียโอกาสในการทำมาหากิน และทำให้สังคมรังเกียจ อีกอย่างคุณค่าทางสังคมของเรามันก็ประเมินเป็นตัวเลขไม่ได้ด้วย แต่อย่างที่บอกครับธีร์ไม่ฟ้องหรอก แต่ก็หวังว่าถ้าเขารู้ตัว เขาจะเมตตาออกข่าวดีๆ ให้เรา"

ระบุชื่อโรคที่เขาว่าเป็นโรค ?
ธีร์ - "เราเป็นวัณโรคทับต่อมน้ำเหลือง ไม่ใช่วัณโรคที่เป็นโรคปอด แบบที่ไอแล้วจะติดต่อ แต่ของธีร์เป็นข้างในต่อมน้ำเหลือง ทุกวันนี้ก็แค่กินยา เมื่อก่อนลูกเท่าแอปเปิล แต่ตอนนี้เล็กลงเหลือเท่าเม็ดมะยมแล้วครับ"

ก็คือว่าตอนนี้อาการดีขึ้น ?
ธีร์ - "ดีขึ้นครับ รักษามาประมาณเข้าเดือนที่ 5 แล้ว เข้าใกล้ได้ ไม่แพร่เชื้อครับ"

แฟนเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ?
ธีร์ - "ผู้ชายครับ เป็นคนดูแลครับ ไม่ปิดบังอะไรทั้งสิ้นครับ เขาดูแลผมมา 3 ปีครับ"

>> "ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" อดีตดาราขอโอกาสทั้งคราบน้ำตา ป่วยหนักวัณโรครุมเร้า

>> ไม่ทอดทิ้ง ประกันสังคมรุดเยี่ยม ธีร์ ภูมิธนะวัชร์ อดีตนักแสดงป่วยหนัก

>> ธีร์ ภูมิธนะวัชร์ อดีตดาราป่วยหนัก ซึ้งน้ำใจเขตต์ ฐานทัพ โอนเงินช่วยคนแรก

>> "เอมมี่ แม็กซิม" ประกาศขอความเมตตาช่วยเหลือ "ธีร์" อดีตดาราป่วยหนักเป็นวัณโรค

\

"ธีร์ ภูมิธนะวัชร์" อดีตดาราป่วยวัณโรคทับตับ ตอบคำถามเรื่องเงินรับบริจาค

คอมเมนต์ของการส่งกำลังใจให้ ธีร์ นั้น มีข้อความการซักถามเรื่องเงินรับบริจาคที่อยากให้เจ้าตัวชี้แจงเรื่องตัวเลข ซึ่งอดีตดาราได้ชี้แจงตอบกลับคอมเมนต์