เนื้อหาในหมวด ข่าว

ชีวิตพลิกผัน \

ชีวิตพลิกผัน "เอกราช สุวรรณภูมิ" เผยจุดสูงสุดมีเงินอู้ฟู่ รถ 30 คัน สู่จุดตกต่ำทำน้ำตาร่วง

ถือเป็นนักร้องลูกทุ่งตัวพ่อ เอกราช สุวรรณภูมิ เจ้าของเพลงสุดฮิตอย่าง กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง เผยชีวิตหลังโด่งดังมีเงินทองมากมาย แต่หลงผิดฟุ่มเฟือย ทำธุรกิจมีแต่ขาดทุนจนเกือบหมดตัว จากชีวิตที่เคยสุขสบายต้องกลับไปทำนา แถมยังมีประสบการณ์เหลือเชื่อเสี่ยงตายแต่ได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง

ล่าสุด เอกราช สุวรรณภูมิ ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ SHOW ทางช่อง ONE31 ที่มี ใบเฟิร์น พัสกร และ เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกร



เปลี่ยนชื่อ?

เอกราช : "ครับเป็นเอกราช หนองงูเห่า เมื่อก่อนสนามบินสุวรรณภูมิมันเป็น สนามบินหนองงูเห่ามาก่อนจะเป็นสุวรรณภูมิเป็นที่เรียบร้อย ผมเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอสุวรรณภูมิ เป็นชื่อมาจากบ้านเกิดเราครับ"

ตอนเพลง กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง ดังสุดๆ ไม่มีใครไม่รู้จัก

เอกราช : "สมัยเพลงนี้ขายได้ทะลุ หนึ่งล้านห้าแสนถึงหนึ่งล้านหกแสนม้วน ถ้าเปรียบเสมือนยูทูปสมัยนี้น่าจะเป็นพันไลค์นะไม่ใช่ร้อย หลายล้านวิว" 

สมัยนั้นดังมาก ดังขนาดไหน?

เอกราช : "ดังมาก ดังถึงขนาดไปโชว์ตัวเมืองนอกเลยดีกว่า ไปเมืองนอกบ่อย สวิสเซอร์แลนด์ เดนมาร์ค ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย อเมริกา ไปหมดครับ เดินสายเลยครับ ถ้าไปเมืองนอกเค้าจะเล่นศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ไปครั้งนึงก็ 1 เดือน เดือนนึงก็ 12 งาน งานละ 200,000 ในสมัยโน้นนะครับ"

มีฝรั่งวิ่งตามด้วย?

เอกราช : "เมื่อสมัยกระเป๋าแบนดังๆ ผมไปโชว์ที่พัทยา เป็นอาหารใหญ่ของพัทยา พอโชว์เสร็จปุ๊ป ขับรถออกมาติดไฟแดง ฝรั่งผู้ชาย วิ่งออกมา เรียกผม เอกราชๆๆ เคาะ มาขอลายเซ็น เค้าพูดภาไทยได้ เค้าก็พูดว่า กลับมาทำไม ฉันลืมเธอไปหมดแล้ว ผมต้องเซนต์ให้เค้า ไม่อย่างนั้นเค้าก็เคาะอยู่อย่างนั้น แล้วแฟนเค้าที่เป็นคนไทยก็มาจูงมือดึงออกไป เราภูมิใจนะครับเป็นคนไทยแล้วมีชื่อเสียงที่ต่างชาติชอบ และเค้าก็ร้องเพลงเราได้" 

แม่ยกทุ่ม ขอเลี้ยง ขอดูแล?

เอกราช : "คือจริงๆ สมัยนู้นที่มีชื่อเสียงก็มีแบบนี้เข้ามา อยากให้บ้าน อยากให้รถ ตอนนั้นเราพอหาได้ วันนึงเราก็หาได้แล้วแสนสองแสน เราก็เอาของเค้าแล้วมันจะมีปัญหาช่วงนั้นชื่อเสียงเราพอมีเราพอหาเงินได้ เลี้ยงดูนี่คือเค้าจะแบบดูแลไปเลย ไปอยู่กับเค้าเลย ซึ่งมันไม่ใช่เราก็ไม่ได้รับตรงนั้นไป 2-3 คน"

ตอนโด่งดังมากชีวิตติดหรู?

เอกราช : "ตอนนั้นเวลามีชื่อเสียงงานนึงไม่ต่ำกว่า 2-3 งาน วันนึงหาได้ต่ำสุดคือ 200,000 บาท จนแบบเราไม่รับงานขอพัก เพราะว่าเสียงมันไม่ไหว แต่ตัวก็อยากได้ตัง เราเด็กบ้านนอกคนนึงพอมีเงินล้านก็อยากได้ อยากทำนั่นนี่ อยากจะขี่รถคันแพงๆ โดยที่ไม่คิด พอเลยจะบอกว่าศิลปินถ้ามีเงินหรือดังทุกวันนี้ต้องระวังให้ดี ต้องเก็บ เพราะเราพลาดมาแล้ว ไม่อยากให้เจอเหมือนเราที่เราพลาดมา"

เงินในบัญชียอดที่สูงที่สุด?

เอกราช : "คือจริงๆ แล้วเราเป็นเด็กบ้านนอกคนนึง พันนึงเมื่อสมัยก่อนเรายังไม่มีเลยนะ พอเรามีชื่อเสียง มีเงินเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน เงินฝากนี่เป็นไม่รู้หลักหลายล้าน แล้วเราก็แบบจะทำอะไรดี ไปเปิดร้านอาหารไหม หรือจะปลูกมันสำปะหลัง แต่เราเอาไปซื้อรถ ผมเล่นรถมาแล้ว 30 คัน ซิ้อเปลี่ยนๆ เบนซ์ บีเอ็ม หลายยี่ห้อ แล้วเงินเราหมดกับรถทีล้าน ทีละสี่แสน ทีละสามแสน ขับคนเดียวครับเพราะผมเป็นคนชอบรถมาก"

ทำธุรกิจด้วย?

เอกราช : "ครับเอาไปปลูกมันสำปะหลัง ไปเช่าที่เค้า 100 ไร่ แล้วเราก็เอาไปปลูกมันสำปะหรัง แรกๆ ก็ได้กำไรดีครับแสนสองแสน หลังๆ มามีแมลงกินบ้าง หน้าเศรษฐกิจบ้าง มันก็ขาดทุน เราไม่มีเวลาไปดูแลเองมันเสียตรงนี้ ถ้าเราทำไรแล้วเราเอาใจไปใส่ให้เขามันจะอยู่ตัวหรือได้กำไรแน่นอน แต่ถ้าเราไม่มีใจหรือไม่มีเวลาให้เขามันก็แบบนี้"

ตอนปลูกมันสำปะหลังเรามีความรู้ในเรื่องตรงนี้บ้างไหม?

เอกราช : "ไม่มีครับ มีแต่รู้จักเพื่อนๆ มันมาจากแฟนเพลงแนะนำบ้างว่าทำไมไม่ไปทำมัน ปลูกมัน เขาทำมันกัยรวย พอลองทำดูมันขาดทุนเป็นล้าน ทำประมาณปีกว่าสองปีครับ หยุดไปสักพักได้เงินมาอีกก็ไปเปิดร้านอาหาร"

ร้านอาหาร?

เอกราช : "ครับเป็นร้านอาหารอีสานไทย เปิดอยู่ที่ทาวน์อินทาวน์ บูมมากครับช่วง 2-3 ปี แต่พอเข้าปีที่สี่เรื่อยมาขาดทุนทุกเดือน ไม่มีเวลาไปดูทุกวัน เดือนนึงเข้า 2 ครั้งแต่ให้พี่น้องดู ขาดทุนไปเรื่อยๆ หมดไป 2 ล้านกว่าก็ต้องปิดไป"

มีธุรกิจอื่นอีก?

เอกราช : "ปลาร้าสับ ของพี่จะไม่ใส่สารกันบูด ทานได้แค่ 2 เดือน พอเข้าเดือนที่ 3 มันขึ้นราแล้ว ลงทุนไปประมาณ 4-5 แสน ทำไปสักเกือบปี พอเดือนที่ 3-4 แฟนคลับก็มาบอกว่าปลร้าขึ้นรานะเพราะว่าเราไม่ใส่สารกันบูด ตอนแรกมันก็ดีแต่มันก็มีข่าวโน่นข่าวนี้ปลาร้ามีพยาธิ ข่าวปลาร้ามีตัวจี๊ด สารพัดอะไรขึ้นมา มันก็หายเงียบถอยไป หมดไปกับปลาร้าประมาณ 7 แสน"

ธุรกิจยังมีอีก?

เอกราช : "มีครับ ช่วงนั้นผมหายไป 3 ปี ผมไปซุ่มทำเองลงทุนเอง"

ช่วงที่ทำธุรกิจแล้วไม่รุ่ง ช่วงนั้นยังมีคอนเสิร์ตไหม?

เอกราช : "มีครับแต่เริ่มบาง เพลงเราก็เงียบๆไปในช่วงฟองสบู่แตก งานเงียบหมดทุกอย่าง เพลงก็เงียบ เป็นช่วงที่ตกต่ำเกือบสุด ผมก็ไปอยู่บ้าน ไปทำนา พ่อกับแม่มีนาให้ ทำประมาณ 6-7 เดือนเหนื่อยมาก เปลี่ยนชีวิตเลยด้วยเศรษฐกิจเราไม่มีเพลงออก ฟองสบู่แตกด้วย บริษัทเพลงก็ปิดตัวไปหลายบริษัท"

ตอนนั้นตังค์หมดไหม?

เอกราช : "ไม่หมด แต่ว่าไม่เหลือหลักล้าน เรากลับไปอยู่บ้านสัก 2-3 ปี ไปทำนา 6 เดือนไม่ไหวแสบหลังร้อน หน้าขึ้นฝ้าเลย คิดถึงตอนร้องเพลงขึ้นมาเลย "

จากนักร้องดังได้วันละเยอะต้องกลับไปอยู่บ้าน?

เอกราช : "ตอนเด็กเราเป็นนักร้องมาเลย เราไม่เคยเหนื่อย เราไม่เคยทำนา เราไม่เคยแบกหาม เรามีชื่อเสียงปุ๊ปมันก็สบายมาตลอด พอเรากลับไปทำตรงนั้นมันรู้สึกทรมานมาก เหนื่อยตากแดดตากลม แบบขนาดนี้เลยหรอ จน 3 ปีที่ทนมา ผมยังเหลือทุนอยู่นิดนึง ก็เลยมาร้องเพลงอีกรอบ ทำเองเลยคราวนี้"

เป็นนักร้องดังกลับมาชีวิตแบบทำนา?

เอกราช : ไทุกอย่างเราลงทุนหมดไม่เคยได้กำไรมีแต่ขาดทุน หาเงินได้มาแสนสองแสนไม่ได้หาง่ายๆต้องเสี่ยงขับรถตลอนๆตามท้องถนนกว่าจะได้มา กลับดึกดื่น พักผ่อนไม่เพียงพอ มันเหนื่อย มันล้า มันท้อ ช่วงนั้นบริษัทเพลงก็ปิดตัวไปหลายที่ เพลงลูกทุ่งก็หายไปพักนึง พี่ก็ไปอยู่บ้านนอก ไปอยู่กับพ่อแม่ก็ทำนาปลูกผัก"

เคยร้องไห้ไหม?

เอกราช : "เราเป็นลูกผู้ชายก็จริง แต่น้ำตามันจะอยู่ข้างในมากกว่า มันจะไม่ร้องให้ใครเห็น แต่ถ้าคนเดียวร้อง เราบอกกับตัวเองว่าคนเราเป็นแบบนี้หรอ ขึ้นจนสุดแล้วตกจนสุดเลยหรอ แต่เราก็คิดว่าเรามีพ่อมีแม่พี่น้องที่ให้กำลังแรงใจ พี่น้องทั้งหมด 12 คน แล้วช่วงที่ผมมีชื่อเสียงพี่น้องผมช่วยแทบทุกคน ผมดูแลพ่อกับแม่จนพ่อกับแม่ไม่อยู่ต้องพามาหมอที่รามคำแหงแทบทุกเดือน เราก็ยังมีบุญวาสนา เราเลยกลบขึ้นมาอีกรอบนึง มาเป็นนักร้องอีกรอบนึง" 

กัดฟันสู้อีกรอบนึง?

เอกราช : "พ่อกับแม่ให้พรสวรรค์มาแล้ว เพื่อนที่อยู่บ้านนอกบอกจะทำนาทำไมเสียงขนาดนี้ ขึ้นมากรุงเทพเลย เราก็บอกเขายังมาไม่ได้หรอก เราบอกเขาทุกอย่าง เพราะหลายอย่าง ลูกทุ่งมันหายไปบริษัทก็ปิดตัวไปหลายที่แล้ว ก็เลยรอสักพักนึง" 

การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปเลยเมื่อรายได้ลดลง?

เอกราช : "ผมรู้สึกว่าเราขึ้นมากรุงเทพ เราก็มาแต่ตัว ในเมื่อเราไม่มีอะไรก็ไม่เป็นไร ในเมื่อเรามาแต่ตัวอยู่แล้ว พอกลับเราก็กลับแต่ตัว แต่ในความรู้สึกของเราเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง แล้วทุกคนมีบ้านมีที่มีที่ทำกิน แล้วเราจะท้อทำไม เราต้องสู้อีกรอบนึงเพื่อให้เงินที่เราสูญเสียไปกลับมา พอเรากลับมาก็ทำอัลบั้มชุดเจียลออ เป็นภาษาเขมร เป็นเพลงที่มีคุณภาพ เป็นเพลงหัวกะทิของครูบาอาจารย์ที่โด่งดังมา นำเพลงเก่าๆ มาร้อง" 

หลังจากกลับบ้านแล้วฮึดใจสู้อีกรอบ?

เอกราช : "ผมมีนถคันนึงเป็นบีเอ็มซีรีย์ 5 เอารถไปเข้าไฟแนนซ์เลย ผมก็ทำเพลงน้ำพริกถ้วยเก่า เป็นเพลงลูกทุ่ง แต่กระแสเพราะยุคสมัยมันเปลี่ยน เปลี่ยนการฟัง ทุกวันนี้ฟังอีสานอินดี้เป็นเพื่อชีวิตนิดๆสนุกๆ แต่เราร้องไม่ได้ เราก็เป็นแนวเราแต่ถือว่าไม่ขาดทุน ยังมีแผ่นซีดีเอาไปขายตามคอนเสิร์ต ขายได้เฉพาะรุ่นพ่อรุ่นแม่ ไม่มีวัยรุ่น"

มีเพลงเขมรด้วย?

เอกราช : "เป็นเพลงเก่าเมื่อ 40-50 ปี ก็นำมาขับร้องทำดนตรีใหม่ อันนี้จะมีครูเพลงมาสอนภาษา บริษัทที่ผมอยู่เขาลองเอาเพลงไทยมาแปลเป็นภาษาเขมร ก็สร้างชื่อเสียงกลับมาอีกรอบนึง ทุกวันนี้ผมได้กินได้มีงานกับอัลบั้มเจียลออ ทั้งหมด 10 ชุดแล้ว"

วันที่กระเป๋าแบนครอบครัวไม่ได้ทิ้งไปไหน?

เอกราช : "คือไม่ได้ทิ้งก็อยู่ด้วยกันมา คนเราลำบากด้วยกัน รวยด้วยกันก็อยู่ด้วยกัน รักจริงก็ต้องอยู่ด้วยกัน กำลังใจมันอยู่รอบตัวรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นแฟนหรือครอบครัวอยู่ด้วยกันหมดให้กำลังใจเรา เราต้องสู้ด้วยเพราะเราเป็นคนไม่ท้อสำคัญที่สุด"

ไปขอลูกที่วัดแขกสีลม?

เอกราช : "ผมนับถือพระพิฆเณศอยู่แล้วก่อนมาเป็นนักร้อง ก็ไปที่นั่นไปขอลูกท่าน สมัยนั้นช่วงกำลังโปรโมทเพลงกระเป๋าแบน ไปขออยากได้ลุกชายก็ท้อง เพลงกำลังเลยดังมาก ยิ่งลูกคลอดออกมาดังมากเลย ตอนไปขอก็ฝันนะ ว่าพระพิฆเณศเป็นเด็กมีเศียรช้างมากอด บอกพ่อมาแล้วๆ ไปอยุ่กับพ่อ ชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ดังมาก" 

ตอนรู้ว่าภรรยาท้อง?

เอกราช : "คือหลังจากนั้นวันสองวันเราก็ฝัน เราเลยคิดว่าใช่ ก็แบบเราดีใจบุญวาสนา ท่านศักดิ์สิทธิ์มากตอนไปขอลมพายุแรงมาก ผมเอาผ้าสาหรีสีแดงไปถวาย เขาออกมาตัวใหญ่เหมือนพระพิฆเณศปางเสวยสุขเลย ยิ่งโตขึ้นยิ่งเหมือน ปัจจุบันอายุ 10 กว่าแล้วครับ"

เฉียดตาย แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย?

เอกราช : "ช่วงนั้นที่กระเป๋าแบนดังๆ คืนนึง 2-3 งานหน้าฝนก็ยังมี 2 งาน รีบขับรถ ร้องเพลงที่กรุงเทพขับรถไปกาญจนบุรี มีรถกระบะเบรกกะทันหัน ผมวิ่งประมาณ 140 กลัวไม่ทันงาน เจ้าของงานก็โทรตาม ผมหักหลบไปลงข้างทาง ข้างทางเป็นหญ้าเบรกเอาไม่อยู่ซัดเสาไฟฟ้า เสาไฟฟ้าหักฝาประโปรงรถเปิดแต่ไม่ทิ่มเข้ามาในรถ งัดขึ้นเหมือนคนเปิดให้พระพิฆเณศที่ผมแขวนอยู่กระเด็นหลุดออกจากสร้อยเลยฟาดใส่กระจกหน้า แต่เราไม่เปนไรเลยไม่เจ็บ แต่มีแค่ขาเราที่เบรกแรงแล้วลื่นเป็นแผลนิดเดียว รถต้องยกเครื่องใหม่พังหมด"

มีอีกเหตุกาณ์นึง?

เอกราช : "ไปชุดใหญ่แดนเซอร์ทั้งวงในรถตู้ ผมไปงานภูเก็ตเล่นเสร็จประมาณเที่ยงคืน ผมขับรถมาเจอหมอกควันขาวมาก เลยเปิดไฟสูงหมอกเป็นรูปร่างผู้หญิงขาว ผมยาว เลยหักหลบเกือบลงข้างทางหักกลับอีกรถหมุน อันนี้เป็นผู้จัดการขับ ไม่ถึงสองวินรถตู้เบรกแล้วชน ผมเลยไปดูว่ารถเป็นไรพอไปถึงรถชนต้นไม้ แดนเซอร์แขนหัก พอถามคนขับหัวแตกแต่คุยได้ถามเค้าว่าเห็นหมอกขาวๆเป็นผู้หญิงเหมือนเราเห็นเลย แต่เราไม่เป็นไร ตอนเราหักหลบเราพ้นแต่รถตู้หักหลบไม่พ้น" 

ติดตามรายการคุยแซ่บ Show ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama