เนื้อหาในหมวด ข่าว

มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา มอบ 20 ล้านบาทให้สถาบันบำราศนราดูร ช่วยแพทย์รับมือโควิด-19

มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา มอบ 20 ล้านบาทให้สถาบันบำราศนราดูร ช่วยแพทย์รับมือโควิด-19

จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรค COVID-19 (Coronavirus Disease 2019) ได้แพร่อย่างรวดเร็วในหลายประเทศทั่วโลก โดยองค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ  และในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19  เป็นโรคติดต่ออันตราย มีการยกระดับการเฝ้าระวัง การควบคุมโรค  ทำให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขต้องทำงานอย่างหนัก ส่งผลถึงการขาดแคลนอุปกรณ์ และบุคลากร

ล่าสุด มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา ได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน 20 ล้านบาท ให้กับ สถาบันบำราศนราดูร สังกัดกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ด้วยตระหนักดีถึงความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการดำเนินงานทางการแพทย์ต่อการรับมือการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์, การปรับปรุงห้องพักผู้ป่วย และเพื่อกองทุนสวัสดิการสำหรับเจ้าหน้าที่

โดย นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร ได้กล่าวถึงการสนับสนุนงบประมาณในครั้งนี้ จาก คิง เพาเวอร์ และสถานการณ์การรับมือต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 ของสถาบันฯ ว่า

“สถาบันบำราศนราดูร เป็นสถาบันที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อรับมือกับโรคระบาดติดเชื้อโดยเฉพาะ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 ที่ผ่านมา เป็นสถาบันฯ ที่รับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อมา  หลายวาระ ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดจากตะวันออกกลาง ในปี 2558-2559 หรือ H1N1 รวมถึงการระบาดของ COVID-19 ซึ่งทางสถาบันฯ เตรียมสังเกตการณ์ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 และมีแผนเตรียมการณ์ล่วงหน้า โดยมีหลักการคือ ต้องเตรียมสำหรับสถานการณ์ที่แย่ก่อนเสมอ ดังนั้นในช่วงนี้ ทางสถาบันฯ ได้เตรียมพร้อมรับมือสำหรับการระบาดในระยะที่ 3 เรียบร้อย โดยเพิ่มการให้บริการที่โฟกัส COVID-19 ด้วยการคัดกรองผู้ป่วยทุกกรณี ที่เข้ามารับการรักษาที่สถาบันฯ หากมีอาการคล้าย เข้าข่าย จะถูกแยกกลุ่มทันที  ถึงแม้เป็นเพียง “ไข้หวัด” ให้ตระหนักว่าเป็น COVID-19 เพราะอาการผู้ติดเชื้อจะเหมือนไข้หวัดทุกประการ และผู้ป่วยที่มีการ Confirm Case แล้วจะแยกตามอาการ เบา หนัก และวิกฤต ซึ่งเงินสนับสนุนในครั้งนี้ จะสามารถเพิ่มศักยภาพการเตรียมการรองรับผู้ป่วยได้อย่างดี โดยสิ่งแรกที่จะดำเนินการคือ เตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นสำหรับผู้ติดเชื้อโรคนี้โดยไม่ปะปนกับการดูแลผู้ป่วยโรคอื่นๆ ตลอดจนการจัดเตรียมห้องแยกโรค รวมถึงการดูแลสวัสดิการบุคลากรทางการแพทย์”

นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร

สำหรับคำแนะนำประชาชนในช่วงนี้ นายแพทย์อภิชาต กล่าวว่า “ผู้ที่เป็นไข้หวัดในช่วงนี้ ให้ป้องกันตัวเองเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้ติดเชื้อจะมีอาการเหมือนไข้หวัดทุกประการ บางรายอาจมีไข้หรือ ไม่มี แต่จะมีอาการไอ 80-90% ซึ่งหากไม่แน่ใจรีบพบแพทย์  สำหรับการใช้ชีวิตประจำวันให้มี Social Distance โดยให้เว้นระยะห่างในการพูดคุย พบปะ กรณีเข้าที่ชุมชนใส่หน้ากากป้องกันทุกครั้ง และออกกำลังกายกลางแจ้ง รับประทานที่มีประโยชน์ เสริมสร้างภูมิต้านทาน”

และเพื่อการเตรียมพร้อมรับมือกับการระบาดของไวรัสโคโรนา COVID-19 ตามแผนรองรับของสถาบันบำราศนราดูร และตอบโจทย์ตามเจตนารมณ์ของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานกรรมการ มูลนิธิฯ ในการสนับสนุนชุมชนและสังคม ในด้านการศึกษา และด้านสาธารณสุขของประเทศไทย มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา จึงร่วมเคียงข้างกับสังคมไทยในการก้าวผ่านวิกฤตการณ์ไวรัสโคโรนา COVID19 ไปด้วยกัน โดยการสนับสนุนการดำเนินการของสถาบันฯ ในโอกาสนี้

นอกจากนั้น มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา ยังร่วมเป็นหนึ่งในภาคีกลุ่มบริษัทภาคเอกชนสนับสนุนเงินจำนวน 5 ล้านบาท สมทบเพื่อดำเนินการด้านการคุ้มครอง ดูแล แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์กว่า 50,000 คนทั่วประเทศ ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ไวรัส COVID-19 ในขณะนี้อีกด้วย

โดยเงินสนับสนุนจำนวน 5 ล้านบาท ที่มอบผ่านกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในครั้งนี้ ทางกรมควบคุมโรค จะนำไปสมทบ "ร่วมใจสู้ภัยโควิด-19" ซึ่งจะนำไปดำเนินการด้านกรมธรรม์ประกันไวรัสโคโรนา (โควิด-19) จำนวน 50,000 กรมธรรม์ เพื่อมอบให้แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ ทั่วประเทศ ในกรณีที่แพทย์ พยาบาล ติดเชื้อระหว่างการดูแลผู้ป่วย เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับการเผชิญวิกฤตไวรัส COVID-19 ในขณะนี้

                  

 

“ภาวะการเรียนรู้ถดถอย” ภัยเงียบที่กำลังกัดเซาะสังคม

“ภาวะการเรียนรู้ถดถอย” ภัยเงียบที่กำลังกัดเซาะสังคม

จากนโยบายปิดโรงเรียนเพื่อหนีโรค ทำให้เด็กเล็กที่ควรได้รับการพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ เพื่อเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ต้องเผชิญกับ "ภาวะถดถอยทางการเรียนรู้” ที่หากไม่เร่งแก้ไข จะส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในอนาคตอย่างรุนแรง