"พี สะเดิด" พูดถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต เผยเรื่องหัวใจถ้าไม่มีคู่ก็ขอเป็นโสด
ตำนานร็อกลูกทุ่งอีสานของเมืองไทย พี สะเดิด ที่มีผลงานเพลงมานักต่อนักทั้งฮอตและฮิต ล่าสุดได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 เผยอีกมุมของชีวิตที่รักในการศึกษาธรรมะพอๆ กับการรักในเสียงดนตรี โดยน้อมนำคำสอนของพระพุทธศาสนามาใช้เป็นเข็มทิศในช่วงหนึ่งของชีวิตที่เคยทำไม่ดีให้กลับเข้าสู่เส้นทางที่ดีได้ด้วยธรรมะ พร้อมเผยเรื่องหัวใจ ชีวิตนี้ถ้าไม่มีคู่ขออยู่เป็นโสด
โพกผ้าที่หัวเหมือนเป็นสัญญาณ เอกลักษณ์ของ พี สะเดิด เลย ทำไมถึงมีการโพกหัวแบบนี้ขึ้นม
พี สะเดิด : เป็นผ้าขาวม้าครับ มันเริ่มจากการที่เราไปแสดงคอนเสิร์ตแล้วเหงื่อออกเยอะมากบนเวที แล้วด้วยสภาพมันดูไม่ได้เลย เลยหาอะไรมาใส่หัวตัวเองทำให้เอกลักษณ์มาตลอด ความเป็นผ้าขาวม้าผมมองว่ามันเป็นแทนความเหนื่อยยากของชนชั้นเลยได้ใช้ ผ้าขาวม้าเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ว่าเรายังไม่ลืมที่มาที่ไปของเรา
เป็นศิลปินที่เดินสายโชว์ตัวทั่วโลกเลยนะ ช่วงโควิดงานหายไปเยอะ เงินหายไปเยอะไหม
พี สะเดิด : คอนเสิร์ตก็เลื่อนไปหมดเลยครับ เพราะโควิดมาแรงมาก เราเลยต้องหยุดไปก่อนเพื่อรักษาระยะห่าง และเพื่อความปลอดภัยด้วยครับ งดหมดก็กลับไปอยู่บ้านบ้าง ในป่าบ้าง บนดอยบ้างครับ คือ เราก็กลับไปอยู่ต่างจังหวัดได้ไปพักกายพักใจของเรา ใช้ชีวิตปกติได้กลับไปอยู่กับแม่ แล้วก็ปฏิบัติธรรมด้วย
เห็นว่าเป็นสายปฏิบัติจริงจัง เข้าวัดจริงจังเลย
พี สะเดิด : ใช่ครับ เพิ่งมาเริ่มๆ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว จุดเริ่มต้น เรารู้สึกว่าเราเที่ยวเยอะ มันใช้ชีวิตเยอะ แล้วก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งที่ตัวเองเป็น เพราะว่าการงานก็ไม่ค่อยดีด้วย คือ เราไม่เอาการเอางานด้วยช่วงหนึ่ง เพราะว่าเราติดเพื่อน เพราะช่วงเกเรแล้วชีวิตช่วงนั้นเราไม่ดีเลยด้วย เลยคิดถึงหน้า แม่ เลยคิดอยากจะเปลี่ยนตัวเอง
มีช่วงมีปัญหาการงานด้วยเหรอ
พี สะเดิด : มีครับ เป็นปกติแต่ก็ไม่ได้ เหมือนเราใช้ชีวิตวัยรุ่นปกติ แต่วันหนึ่งเรารู้สึก เบื่อหน่ายความไม่เอาไหนของเราครับ
อะไรเป็นจุดที่ทำให้เราได้สติขึ้นมา
พี สะเดิด : โชคดีที่เราได้ไปเจอพระรูปหนึ่ง ซึ่งท่านก็เทศน์เราเทศน์เหมือนไม่เคยรู้จักผมเลย แล้วก็สอนด้วยคำว่าศีล 5 เทศน์อยู่สองชั่วโมงจนทำให้เรารู้สึกกลัวอาจจะเป็นสิ่งที่ท่านสอนเราทำให้เรารู้สึกเชื่อ พอเรากลับมากรุงเทพฯ เราได้ปฏิบัติตัวใหม่เลย 3 เดือนผ่านไป คือ หลวงพ่อบอกเราว่า 3 เดือนถ้ากลับตัวไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ไม่ต้องกลับมาหาหลวงพ่อ ผมก็เลยลองปฏิบัติศีลดูหยุดทุกอย่าง รักษาศีล 5 เลย ชีวิตก็กลับมาดี เพลงมีขื่อเสียงขึ้น ชีวิตดีขึ้น สุขภาพก็ดีขึ้น เพื่อนฝูงรอบข้างเพื่อนก็ดีหมดเลย ก็เลยเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตั้งแต่วันนั้นเลยครับ
ตัดกิเลสได้แม้กระทั่งเรื่องของความรัก
พี สะเดิด : ผมก็มีครบปกติ เป็นเพื่อนที่ดี เป็นกัลยาณมิตรกัน เป็นพี่ เป็นน้องเป็นทุกๆ อย่าง ก็เลยอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข โดยที่ไม่ได้เอาเรื่องของเพศเรื่องผู้หญิง ผู้ชาย เรื่องอารมณ์แบบว่าผู้ชายต้องเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงต้องเป็นเท้าหลัง ไม่ใช่เราอยู่ด้วยกันแบบความเข้าใจ
เห็นว่ามีแม่ยก หรือแฟนเพลงที่ชื่นชอบเรามากถึงขนาดที่จะยกปั้มน้ำมันให้เลย
พี สะเดิด : ใช่ครับ เหมือนมีแฟนเพลงจะยกโน้น ยกนี่ให้ครับ เขาอาจจะชอบเรามากจนอยากจะมีเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เราก็ไม่ได้รับไม่เอาสิ่งที่เขามอบให้ เราหาเองดีกว่าครับ เราภูมิใจกว่า
เราจะเห็นพี สะเดิด แต่งงานมีลูกไหม
พี สะเดิด : ที่คิดไว้ก็คือจะไม่มี อยากใช้ชีวิตไปลองศึกษาความจริงของชีวิตไปเรื่อยๆ มันก็มีความสุขแล้ว
ถ้าวันหนึ่งไปเจอผู้หญิงที่ถูกใจใช่เลย
พี สะเดิด : ตอนนี้ก็ไม่ใช่ไม่มีนะครับ ตอนนี้ก็ดูอยู่ครบอยู่ แต่เรามีหลักการใช้ชีวิตไปในทางเดียวกัน
เวลาที่ดวงไม่ดี เขามีเคล็ดลับคือ ล้างเท้าคุณแม่
พี สะเดิด : จริงๆ ผมเป็นคนที่ผูกพันกับแม่อยู่แล้วตั้งแต่เด็กๆ ถ้ามีโอกาสกลับไปบ้านผมก็จะล้างเท้าแม่ กราบเท้าแม่ ตัดเล็บเท้าตัดเล็บมือให้แม่ ทำอะไรให้ท่านได้ในช่วงเวลานี้เราก็ทำให้ได้มากที่สุด ผมไม่ได้ทำเฉพาะในวันพิเศษหรือ ต้องมีอะไรพิเศษเลยครับ แต่ทำเป็นประจำอยู่แล้วให้กับคุณแม่เมื่อเราได้กลับไปที่บ้าน เราได้ทำเรารู้สึกสุขใจ อุ่นใจ
หลายคนโพสต์ในเฟสบุ๊ค สถานที่ท่องเที่ยวแต่พี สะเดิดโพสต์คำคมสอนใจจนคนแชร์ไปเป็นพันๆ
พี สะเดิด : เริ่มแรกเลยผมโพสต์ตอนแรกเพื่อเตือนใจตัวเองสอนตัวเองไว้ว่าวันหนึ่ง เผื่อเราผิดพลาดไปเรายังกลับย้อนมาดูว่าวันนั้นเราพูดอะไรไว้เราทำอะไรไว้ มันก็จะทำให้เตือนตัวเองว่าเรา ไม่ควรทำอะไรที่มันชั่วร้าย ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถ้าเราเชื่อเรื่องนี้ ผมก็เลยอยากจะทำแต่สิ่งที่ดีๆ เลยโพสต์ไป ถ้าพอจะช่วยใครได้ก็จะเป็นเรื่องทีาดี แล้วอีกอย่างหนึ่ง ในเพจของผมจะมีแฟนเพลงมี่ทุกข์ยากลำบากมากเท่าที่ผม ได้อ่านดูเขาอยากจะได้กำลังใจ เราอาจจะ เป็นกำลังใจเล็กๆหนึ่งในร้อยหรือหนึ่งในล้านของเขาถ้าเราทำให้เขายิ้มได้สักวินาที ผมเชื่อว่ามนุษย์จะตื่นฟื้นขึ้นมาได้จะจุดประกายได้ ก็เลยมีการโพสต์ไปให้กำลังใจกันครับ
อีกเรื่องคือ ช่วงโควิดกลับบ้านไป คือ บ้านสวยหรูอลังการมากได้ยินมาว่าราคาหลายสิบล้าน
พี สะเดิด : เป็นบ้านใหม่ที่สร้างแบบคลาสสิคเป็นชิโนโปรตุกีสเป็นแบบจีน ผสมกับ โปรตุเกส ครับ ที่เลือกทำแบบนี้เพราะบ้านเก่าของคุณตาจะเป็นลักษณะแบบนี้ครับ บ้านจะเป็นไม้ แล้วหลังคาจะเป็นว่าว ผมจำได้เพราะพอโตมากับบ้านหลังนั้น ก็เลยอยากจะสร้างให้เป็นนั้น แล้วโดยส่วนตัวผมชอบงานศิลปะ ชมความเก่าชอบความคลาสสิคด้วย บ้านหลังนี้ผมออกแบบเอง
หมดไปกี่สิบล้าน
พี สะเดิด : หมดไม่ถึง 10 ล้านครับ
หลังจากนี้มองไหมว่าทิศทางการเป็นนักร้องของเราจะไปในทิศทางไหนต่อ คิดว่าตัวเองจะไปสุดตรงจุดไหน
พี สะเดิด : ตอนนี้มันก็มาเกินจุดที่ผมฝันไว้แล้วครับ ได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ ได้มามอบความสุขให้กับ แต่ก็ยังอยากจะทำเพลง เขียน มอบความสุขให้ทุกคนต่อไป มอบสิ่งดีๆ ให้กับสังคม
ใครที่อยากติดตามชีวิตหรือข้อคิดธรรมะที่นักร้องคนเก่งได้ลงไว้ก็สามารถติดตามได้ที่ เพจ P-Saderd (พี สะเดิด) กันได้เลย ส่วนใครที่อยากฟังเรื่องราวเต็มๆของ พี สะเดิด สามารถชมย้อนหลังได้ใน รายการต้มยำอมรินทร์