เนื้อหาในหมวด ข่าว

สัมผัสมุมมอง \

สัมผัสมุมมอง "โอห์ม ฐิติวัฒน์" ผู้ชายคิดบวก เลือกความสุขมากกว่าเปลี่ยนเพื่อให้คนมาชอบ

เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่กำลังมาแรงแซงทุกโค้ง สำหรับหนุ่มมากความสามารถ โอห์ม-ฐิติวัฒน์ ฤทธิ์ประเสริฐ หนุ่มหล่องานดีขวัญใจแฟนๆ ที่ค่อยๆ เติบโตในวงการบันเทิงมาจากการถ่ายแบบ เดินแบบ ถ่ายโฆษณา มาตั้งแต่เด็กๆ จนตอนนี้เจ้าตัวประสบความสำเร็จแจ้งเกิดเต็มตัวเรียกว่าดังพลุแตกกลายเป็นขวัญใจสาววายเบอร์ต้นๆ กับซีรีส์  Until We Meet Again the Series (ด้ายแดง)  ที่แสดงคู่กับ ฟลุ๊ค-ณธัช ศิริพงษ์ธร เกิดเป็นคู่จิ้นฟินกระจายจนแฟนๆ พากันสมาสมัครเป็น "มายบลู" กันล้นหลาม

ไม่พอเท่านั้น เพราะตอนนี้หนุ่มโอห์มก็กำลังโชว์ฝีไม้ลายมือในบทบาท "ผาเมือง" และ "มิ่งเมือง" ในละครสุดเข้มข้น "ภูตรัตติกาล" ออนแอร์ทางช่อง 8 ที่บอกเลยว่าละครเรื่องนี้หนุ่มโอห์มทุ่มสุดตัว ทั้งเตะต่อยและดราม่าเต็มขั้น ฮอตขนาดนี้พลาดไม่ได้ sanook.com ขอคว้าตัวหนุ่มโอห์ม มานั่งพูดคุยถึงผลงานชิ้นล่าสุด และพูดคุยถึงชีวิตของหนุ่มคนนี้แบบเอ็กซ์คลูซีฟสักหน่อยว่าจะเป็นยังไงกันบ้าง

"พระรอง" ครั้งแรกในชีวิต

การทำงานในละครเรื่อง "ภูตรัตติกาล" สนุกสนาน ท้าทายยังไงบ้าง?

"ความสนุกในการทำงานละครเรื่องนี้ก็เป็นการสวมบทของตัวละครนี่แหละครับ เราได้เป็นพระรองเต็มตัวเรื่องแรกด้วย ในเรื่องมีสองพาร์ท ทั้งอดีต และ ปัจจุบัน  ตัวละคร "ผาเมือง" และ "มิ่งเมือง" เขาจะมีความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ มุ่งมั่นและตั้งใจในทุกๆ เรื่อง เป็นมือขวาของพระเอกที่คอยซัพพอร์ตเขาและไปแอบรักน้องสาวเขาต้องคอยแก้ปัญหาต่างๆ ให้ เพราะฉะนั้นเราต้องเจอเรื่องอะไรเยอะแยะเลย"

"ความท้าทายมากๆ เลย คือ ในเรื่องจะมีความเป็นแอคชั่นแฟนตาซี ซึ่งตัวผมเองก็ไม่เคยเล่นแอคชั่นหนักขนาดนี้มาก่อนด้วย ทำให้เราต้องปรับตัวเยอะมาก ต่อยตีกันในป่า ก็สนุกมากเลยครับ มีซีจี มีถ่ายทำสถานที่จริง เรียกว่าครบรสแล้วก็จัดเต็มมากๆ"

 แฟนๆ ก็ให้การตอบรับกับผลงานชิ้นนี้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

"ดีมากเลยครับ ผมต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่ชอบผลงานเรื่องนี้ของผม ก็มีฟีดแบ็คที่ดีตั้งแต่ปล่อยทีเซอร์เลย ผมก็ดีใจที่แฟนๆ อยากชมละครของเรา ผมก็อยากจะฝากละครเรื่องนี้ไว้ด้วย เป็นละครแอคชั่นแฟนตาซีที่รับรองว่าครบทุกรสและทุกคนไม่ว่าจะนักแสดง ทีมงาน พวกเราตั้งใจกันมากๆ ยังไงต้องฝากไว้ด้วยนะครับ"

 ดาวรุ่งอนาคตไกลและความฝันวัยเด็ก

โอห์มก็เป็นดาวรุ่งที่มาแรงมากคนหนึ่ง เราคาดหวังกับงานในวงการนี้ไว้ยังไงบ้าง?

"สำหรับผมผมชอบงานตรงนี้นะครับ สนุกกับการได้รับบทต่างๆ ยิ่งได้รับโอกาสให้แสดงบทที่ต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งชอบ แต่ถามว่าคาดหวังว่าอยากให้เป็นยังไงต่อไปผมว่าอยู่ที่โอกาสและเวลามากกว่า ผมอยากจะพัฒนาตัวเองในด้านต่างๆ ไปเรื่อยๆ และให้เวลาพิสูจน์ตัวเราเองดีกว่าครับว่าเราจะได้ไปถึงจุดไหน เราค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปดีกว่า ไม่กดดันตัวเอง"

เดินแบบ ถ่ายแบบมาตั้งแต่เด็ก แสดงว่าการเข้าวงการคือความฝันของโอห์มเลย?

"จริงๆ เหมือนผมโตมากับงานด้านนี้ครับ เพราะคุณพ่อเป็นซาวด์เอ็นจิเนียร์ พี่ชายเป็นโปรดิวเซอร์ละคร การเข้ามาตรงนี้ของผมมันเริ่มจากที่บ้านเขาอยากฝึกให้เราเป็นคนกล้าแสดงออกมากกว่า อยากให้เราได้เรียนรู้ประสบการณ์การทำงานร่วมกับผู้อื่นด้วย ผมเริ่มเดินแบบ ถ่ายแบบตั้งแต่อายุ 15 จากตอนเด็กที่เราซึมซับงานตรงนี้จากคนในครอบครัวแต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าวันนึงจะได้มาอยู่หน้าจอกับเขาบ้าง (หัวเราะ) จนมาถึงวันนี้ก็โอเคครับ เป็นอีกหนึ่งงานที่ผมทำด้วยความรักมาเรื่อยๆ"

"แต่ถามว่าตอนเด็กๆ มีฝันอยากทำอาชีพอื่นไหม ก็มีครับ คือ ผมเป็นคนชอบเครื่องบิน ผมมีความฝันว่าอยากเป็นนักบิน อยากเป็นสจ๊วต เพราะคุณแม่ก็เคยทำงานในสนามบิน ท่านก็จะปลูกฝังเรามาว่าอยากให้ลูกเป็นลูกเรือจังเลย ตอนแรกเราก็สงสัยว่าสจ๊วตคืออะไร ก็เลยได้เริ่มศึกษาว่าเป็นพนักงานบนเครื่องบิน และเราก็ศึกษามาเรื่อยๆ กลายเป็นอีกหนึ่งความชอบและอยากเป็น จนถึงตอนนี้เราก็ยังฝันอยู่ว่าอยากเป็นครับ"

 อยู่นิ่งๆ ก็ขึ้นหิ้ง "หยิ่ง" ตัวพ่อ

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่โดนข่าวว่าหยิ่ง เรื่องจริงแล้วเป็นยังไง?

"ผมไม่หยิ่งนะ แต่ด้วยความที่บางครั้งผมอาจจะพูดน้อยเกินไป ถ้ามารู้จักกันจริงๆ จะรู้ว่าผมพูดเยอะนะ แต่บางทีบางจังหวะเราอาจจะกำลังไม่รู้จะพูดอะไร ก็ได้แต่นั่งยิ้ม นั่งมองเฉยๆ คนเลยคิดว่าหยิ่งหรือเปล่า เป็นอะไรหรือเปล่า หรือเราดึงหน้าใส่ แต่จริงๆ ผมไม่ได้ดึงนะ มันตึงเอง (หัวเราะ) ล้อเล่นครับๆ"

"จริงๆ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีหลายๆ มุมหลายๆ ด้าน บางทีเราอาจจะไม่ได้ยิ้มตลอดเวลา เราก็ยินดีจะปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับทุกๆ คนอยู่แล้วครับ"

แล้วจริงๆ เราเป็นคนยังไง?

"ผมจะออกแนวซึนๆ หน่อย แล้วก็จะกวนแบบแป๊กๆ (หัวเราะ) อย่างที่บอกว่าเป็นคนเงียบๆ อาจจะไม่ได้พูดฉอเลาะเก่ง แต่ถ้าได้สนิทกันก็จะรู้ว่าพูดเยอะครับ"

 ชีวิตดีๆ มีอะไรก็คิดบวกไว้ก่อน

เป็นธรรมดาที่เวลามีกระแสดีก็ต้องมีกระแสลบหรือดราม่าต่างๆ ณ จุดนี้ โอห์มมีวิธีรับมือยังไง?

"เวลามีเรื่องอะไรก็พยายามอย่าคิดลบ เราคิดบวกไว้ก่อนดีกว่า แต่ไม่ใช่ว่าพร้อมบวกนะ (หัวเราะ) ในสิ่งที่คนอาจจะติ คนอาจจะไม่ชอบ เราก็ต้องมองว่ามันเป็นเรื่องอะไรที่เราทำไม่ดีหรือเปล่า แต่ถ้าเราไม่ได้ผิดอะไรก็ไม่ต้องเก็บมาคิดลบๆ อย่าไปใส่ใจในคำพูด หรือ ตัวอักษรที่พิมพ์มาเพื่อให้เราไม่สบายใจ บนโลกนี้คนร้อยพ่อพันแม่ มีคนรักเราก็ต้องมีคนเกลียดเราเป็นธรรมดา ถ้าเรามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดร้อน เราก็คิดซะว่าเขาก็คงมีเหตุผลของเขา ปล่อยผ่านไปครับ"

"อะไรที่คนติมาถ้าเป็นเรื่องการแสดง เช่น ว่าเราเล่นไม่ดี เล่นแข็ง เราพร้อมจะปรับปรุงเสมอครับ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ คงไม่ถึงขั้นว่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้คนชอบ เราก็เป็นธรรมชาติของเราแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องพลิกตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ เราต้องทำในสิ่งที่เรามีความสุข และคนที่ชมผลงานเราเขาก็มีความสุขแบบพอดีกันครับ"

คู่จิ้นฟินเวอร์ "โอห์ม-ฟลุ๊ค" และ "มายบลู" ของเขา

ผลงานซีรีส์ ซีรีส์เรื่อง Until We Meet Again the Series (ด้ายแดง) แจ้งเกิดการเป็นคู่จิ้นวายของเราที่แฟนๆ ฟินมาก?

"ตอนแรกผมก็ตกใจเหมือนกันนะครับ เพราะกระแสตอบรับดีมาก ดีใจที่วันหนึ่งเราได้ทำงานตรงนี้และมีคนรักคนชอบในผลงานของเรา ทำให้เรามีแฟนคลับมากขึ้น ซึ่งตอนที่เราเล่นละครแรกๆ เราก็มีแฟนคลับอยู่บ้าง พอมาถึงจุดนี้เหมือนเราก็มีคนติดตามเรามากขึ้น เป็นกำลังใจให้เราอยากผลิตผลงานดีๆ ออกมาให้เขาชมกันเรื่อยๆ ครบ"

ก่อนจะได้แสดงซีรีส์วาย เรารู้มาก่อนไหมว่าวงการซีรีส์วายเขาเป็นยังไงกันบ้าง?

"ได้เห็นครับ แต่ไม่ได้เข้าไปศึกษาจริงจัง ตอนแรกเราก็หวั่นใจเหมือนกันว่าเราจะแสดงออกมาได้ดีไหม แฟนๆ จะอินไหม พอเราได้รับงานชิ้นนี้มาจริงๆ เราตั้งใจมากๆ เอาจริงๆ ผมตั้งใจในงานทุกชิ้น เพียงแต่รู้สึกว่างานชิ้นนี้หินมาก เลยต้องทำการบ้านเยอะ ศึกษาเยอะว่าซีรีส์วายเป็นยังไง"

"พองานออกมาแฟนๆ ชมว่าน่ารัก เราก็ดีใจมากๆ เลยนะครับ เพราะแฟนๆ ทุกคนก็น่ารักมากเหมือนกัน เขาอุตส่าห์ยอมออกจากบ้านมาหาเรา ดีใจทุกครั้งที่ได้เห็นแววตาของพวกเขาที่ส่งมาเพราะเราสัมผัสได้ว่าเขามีความสุข จนทุกวันนี้ผมก็ยังขอบคุณเขาอยู่ที่คอบสนับสนุนผลงานของเราทุกๆ อย่าง ไม่เคยหนีไปไหน ไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไร เขาขอแค่ให้เราเป็นตัวเราเท่านั้นเอง"

แฟนคลับคู่จิ้น "โอห์ม-ฟลุ๊ค" ยังเหนียวแน่นอยู่ไหม?

"เหนียวแน่นอยู่ครับ ด้วยความที่ผมกับน้องฟลุ๊ค เรามีความสุขกับการทำงานตรงนี้ เราเองก็ใช้ชีวิตแบบธรรมชาติของเรา น้องฟลุ๊คเขาก็ทำตัวเป็นธรรมชาติของเขา เราอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แฟนคลับเขาก็เหมือนเห็นอะไรบางอย่างในตัวเราสองคนเขาก็เลยมาอยู่เป็น "มายบลู" กับเรา"

"ผมก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะมีคู่จิ้น เรียกว่าเราทำบุญร่วมกันมากับทุกๆ คน (หัวเราะ) ที่วันหนึ่งเราได้มาเจอ มามีความสุขร่วมกัน เรามอบความสุขให้กันและกัน อยากให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ครับ"

โอห์ม กับ ฟลุ๊ค สนิทกันมากแค่ไหน?

"สนิทมากครับ เราคบกันมาเป็นปีแล้ว ผมเป็นคนที่เวลาสนิทกับใครก็จะเล่นเหมือนเพื่อนกันไปเลยเหมือนเราเป็นครอบครัวเดียวกัน มีสารทุกข์สุขดิบอะไรก็เล่าสู่กันฟังครับ"

จะได้เห็นร่วมงานกันอีกไหม?

"มีนะครับ ต้องรอผู้ใหญ่พิจารณา ตอนนี้ก็มีซีรีส์ มีละครติดต่อเข้ามา ตัวเราเองก็พร้อมจะรับบทบาทใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ก็อยากให้รอชมกันครับ"

บางครั้งแฟนคลับคู่จิ้นเขาจะค่อนข้างหวง อย่างคู่เราเองแฟนคลับหวงไหม?

"มีหวงบ้างครับ ก็น่ารักดี (ยิ้ม)"

รู้สึกหวั่นๆ ไหมว่า ถ้าเราไม่ได้คู่กับฟลุ๊คแล้วกระแสจะลดลง?

"ไม่หรอกครับ เพราะที่ผ่านมาแฟนๆ ก็น่ารัก จะซัพพอร์ตในทุกๆ งานที่เราทำอยู่แล้ว ผมว่าแฟนๆ เข้าใจว่าการทำงานของเราว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามบทบาท ซึ่งแฟนๆ เหมือนเขาเอ็นจอยกับการได้ดูผลงานของเรามากกว่าครับ"

ความในใจถึงแฟนๆ 

"แฟนคลับเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจกับการเข้ามาอยู่ในวงการนี้ เพราะพวกเขา คือ ส่วนสำคัญที่ทำให้เราถึงวันนี้ได้ ทุกคนทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นคนในครอบครัวเขา เขาให้ความรัก ความห่วงใย จริงๆ ผมมีคำพูดมากมายที่อยากจะบอก แต่โดยสังเขปก็ขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ ที่เดินทางร่วมกันมา ขอบคุณที่ซัพพอร์ตทุกๆ อย่าง ขอบคุณที่เป็นแรงผลักดันไม่ให้ผมหยุดอยู่กับที่จนทำให้ผมโตมาจนถึงทุกวันนี้ ยังไงก็อยู่กันแบบนี้ไปนานๆ นะ ไม่ต้องเดินตามหลังผมแต่ขอให้เดินไปพร้อมๆ กันครับ"

\

"โอห์ม ฐิติวัฒน์" จากหนุ่มขี้อายสู่บทพระเอก วัยเบญจเพสคือพลังงานใหม่ของชีวิต

โอห์ม ฐิติวัฒน์ จากหนุ่มขี้อายสู่พระเอกเจ้าบทบาท เผยวงการบันเทิงทำให้เข้าใจหน้าที่ในการทำงานทุกภาคส่วน