"แอน มรกต" ทนจนถึงที่สุดแล้ว แฉ #แม่นางงามติดหนี้ ช่วยเห็นใจด้วย ป่วยหลายโรครุมเร้า
กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับกรณีฉาว #แม่นางงามติดหนี้ เคยมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา
เมื่อล่าสุด (2 ต.ค. 63) อดีตนักแสดงและนางแบบชื่อดัง แอน-มรกต มณีฉาย ได้ออกมาเปิดใจถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว โดยอ้างว่าเธอคือหนึ่งในผู้เสียหายและต้องการเรียกร้องให้อีกฝ่ายนำเงินมาคืนให้เร็วที่สุด เนื่องจากเธอเองก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในการรักษาตัวจากอาการป่วยโรคต่อมหมวกไตและระบบฮอร์โมนในร่างกายเช่นกัน
ส่วนเรื่องการดำเนินคดี แอน มรกต เผยว่า ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งความใดๆ กับคู่กรณี เพราะอยากให้โอกาสจนถึงที่สุดก่อน แต่ถ้าหากอีกฝ่ายยังไม่มีท่าทีเคลื่อนไหวหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ สุดท้ายแล้วก็คงต้องให้กฎหมายเข้ามาช่วยจัดการ
เรารู้จักกับแม่ของน้องนางงามได้อย่างไร ?
"กับแม่ของน้องนางงามเราเคยรู้จักกันมาก่อน เคยเจอกันตามงานต่างๆ ก็เคยพูดคุยกันอยู่ค่ะ น่าจะประมาณ 2-3 ปี แต่ถามว่าทำไมถึงไว้ใจ เอ่อ...คือเราเป็นคนวงการเดียวกัน และลูกสาวเขาก็เป็นคนมีชื่อเสียง เราเลยรู้สึกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร"
เขามาชักชวนเราให้ร่วมทำธุรกิจหรืออะไรยังไง ทำไมถึงเกิดปัญหาขึ้น ?
"ก่อนหน้านั้นเขาทักแชทมาค่ะและเขาก็บอกว่าเขากำลังทำโมเดลลิ่ง จากนั้นเขาก็ถามอีกว่าแอนสนใจไหม ถ้าหากแอนสนใจก็ให้มาคุยกัน หลังจากนั้นเราเลยได้นัดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งตอนที่คุยกันเขาเองก็ได้เล่ารายละเอียดหลายๆ อย่างให้ฟังว่ามีงานลักษณะอะไรบ้าง"
ตอนนั้นเขาชวนเราทำงานในรูปแบบบริษัทหรือว่ายังไง ?
"เป็นบุคคลค่ะ คือเขาทำตรงนี้อยู่แล้ว เพียงแค่เขาขาดในเรื่องของทุน เขาบอกว่าเงินเขาจม และถ้าหากมีทุนเขาก็จะได้เริ่มขายจ็อบเลย เพราะแค่ 3-4 จ็อบ ก็ฟื้นแล้ว ตอนนั้นพอเราฟังเราก็รู้สึกว่าอยากให้โอกาสเขา และเราก็อยากจะลองทำงานใหม่ๆ เช่นเดียวกัน อีกอย่างเขาเป็นคนที่รู้จักอยู่แล้วด้วย สุดท้ายเราก็เลยตัดสินใจว่าจะลองทำดู"
เบื้องต้นเราลงเงินไปจำนวนเท่าไหร่ ?
"ช่วงแรกๆ ก็จะเป็นหลักหมื่นค่ะ ซึ่งพอจ็อบแรกผ่านไปเราก็ได้เงินคืนกลับ มันเลยทำให้เรามั่นใจมากขึ้น แต่พอผ่านจ็อบแรกๆ ไปแล้ว และถึงเวลาครบดีลที่เราต้องทวงถามว่าเงินเข้าบัญชีไหม หรือเช็กมีปัญหาหรือเปล่า ถ้ามีแล้วพี่อย่าลืมโอนให้แอนนะ คือเราคุยกันแบบนี้ตลอด แต่มันกลายเป็นว่าเราก็ได้รับการผลัดผ่อนตอบกลับมา อย่างเช่น เดี๋ยวจัดการให้ เดี๋ยวเคลียร์ให้ แต่สุดท้ายก็ไม่เคลียร์"
หน้าที่ของเราในการทำงานครั้งนี้คืออะไร ?
"เป็นพาร์ทเนอร์ค่ะ ก็คือลงทุนร่วมกันและช่วยกันดูแล แต่ที่นี้คือเรายังไม่มีโอกาสได้เข้าไปทำอะไรเลย เพราะเขาบอกว่างานนี้เป็นงานเก่าที่เขาดีลไว้แล้ว เราเลยเข้าไปทำอะไรไม่ได้"
ตอนที่เขาเริ่มผลัดมาเรื่อยๆ แบบนี้ ตัวเราเองรู้สึกเอะใจบ้างไหม ?
"เริ่มเอะใจค่ะ คือมันถึงกำหนดดีลแล้วและเขาก็บอกว่าเงินเข้าแล้ว แต่ทำไมเขาถึงยังไม่โอนเงินให้เรา ทำไมไม่เคลียร์เงินให้เรา ตรงนี้เราเลยเริ่มรู้สึกว่าเราได้กลิ่นแปลกๆ หลังจากนั้นเราก็เลยเริ่มตรวจสอบดูว่ามีใครลงทุนบ้าง และก็เริ่มเช็กข้อมูลต่างๆ จนเจอกับคนที่เขาร่วมลงทุนด้วย ซึ่งมีหลายคนเลยทีเดียว และพอได้คุยกันก็ปรากฏว่าจ็อบที่เขาขายงานให้เรา มันเป็นจ็อบที่เคยทำผ่านมาแล้ว และก็ไม่ได้ทำจริงในปัจจุบัน บางงานก็คือเคยทำแต่ว่ามันผ่านมานานแล้ว แล้วะก็ไม่ได้มีแล้วด้วย มันเลยทำให้เราแปลกใจว่าการที่เขาชวนเราลงทุนในธุรกิจนี้ แต่ไม่ได้เอาเงินไปทำธุรกิจจริงๆ แล้วคุณเอาเงินไปทำอะไรกันแน่"
ช่วงที่เขาผลัดผ่อนเรายังติดต่อเขาได้เรื่อยๆ ไหม ?
"ติดต่อทุกวัน คุยกันทุกวัน และเขาก็ผัดผ่อนทุกวันเหมือนกัน เขาไม่ได้แจ้งสาเหตุเลยว่ามีปัญหาอะไร เขาบอกแค่ว่าเดี๋ยวเขาเคลียร์ให้ เราก็ได้แต่รอเขาทุกวัน แต่ก็ไม่โอนให้สักที"
ยอดเงินที่เขาค้างเราตอนนี้มูลค่าประมาณเท่าไหร่ ?
"แสนกว่าบาทค่ะ"
ตอนนี้ใช้คำว่าแตกหักได้ไหมสำหรับเราทั้งคู่ ?
"ยังคุยได้ค่ะถ้าเขาพร้อมที่จะรับผิดชอบ เราไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว และเราก็พร้อมที่จะเคลียร์ตลอดเวลา"
จํานวนผู้เสียหายที่เราทราบตอนนี้มีประมาณกี่คน ?
"10 คนขึ้นไปค่ะ ตกใจมากเหมือนกันค่ะที่มีผู้เสียหายเยอะขนาดนี้ และก็แปลกใจด้วยว่าเขาเอาเงินไปทำอะไร แต่ก็พยายามเคลียร์กับเขานะคะ บอกเขาว่าให้เขาเคลียร์ให้เราก่อนได้ไหม เพราะเงินแอนก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ ส่วนกำไรแอนก็ไม่เอาขอแค่ได้ทุนคืนก็พอ หรือถ้าหากไม่มีเงินก้อนก็ทยอยคืนให้แอนเป็นรายเดือนก็ได้ คือเราพูดกับเขาทุกอย่างแล้วแต่เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเขาจะจัดการให้ เขาขอเวลาก่อน ขอเวลาตลอดจนเราไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะให้เรา"
"ที่แอนออกมาพูดวันนี้ก็เป็นเพราะที่ผ่านมาแอนพูดกับเขาแต่เขาไม่สนใจ ฉะนั้นจึงอยากให้สังคมได้รับรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดกับสื่อว่าเขารับผิดชอบเขาเคลียร์จบแล้ว จริงๆ แล้วมันยังไม่ได้รับการเคลียร์นะคะ ยังไม่ได้เคลียร์ให้ใครเลยด้วยซ้ำเพราะฉะนั้นจึงอยากให้เขาออกมารับผิดชอบและก็เห็นใจคนที่คุณเอาเงินเขาไปด้วย เขาอยากได้เงินคืนกันครบทุกคน ทุกคนลำบาก รวมถึงแอนก็เช่นกัน"
ตัวเราเองได้ติดต่อไปพูดคุยกับลูกๆ ของเขาบ้างไหม ?
"แอนไม่ได้คุยค่ะ คือมันเป็นเรื่องของแม่ แอนเลยไม่อยากจะยุ่งกับลูกของเขา คนในครอบครัวเขาต้องไปคุยกันเองว่าเขาจะเคลียร์กันยังไง"
ทิศทางของคนในกลุ่มตั้งใจว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ ?
"บางส่วนก็ดำเนินการในเรื่องของกฎหมายไปแล้วค่ะ แต่ว่าแอนยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เพราะแอนก็มีกำหนดไว้ในใจของแอนแล้วเหมือนกัน คือภายในอาทิตนี้แอนอยากให้เขาเคลียร์ตัวเอง และถ้าเขาไม่เคลียร์จริงๆ แอนก็คงต้องขอดำเนินการตามกฎหมาย กฎหมายมันมีค่ะ คือแอนไม่ได้อยากขึ้นศาล ไม่ได้อยากให้ใครต้องติดคุกนะคะ สิ่งเดียวที่แอนต้องการคือต้องการเงินคืนค่ะ"
แสดงว่าเราเตรียมหลักฐานรอไว้แล้ว ?
"แอนมีสัญญาครบทุกจ็อบค่ะ หลักฐานโดยรวมก็ชัดเจนค่ะ"
เห็นว่าตัวเราเองก็ลำบากเพราะต้องใช้เงินในการรักษาสุขภาพด้วย ?
"ก็คือแอนมีปัญหาในเรื่องของต่อมหมวกไตค่ะ และก็เรื่องของระดับฮอร์โมน แอนต้องรับประทานยาควบคู่กันเพื่อปรับระดับฮอร์โมน และก็กระตุ้นการทำงานของต่อมหมวกไตให้กลับมาเป็นปกติ ไหนจะมีปัญหาเรื่องผมร่วงอีก คือมันมีปัญหาสุขภาพของเราที่เราต้องดูแลทุกๆ เดือน ค่าใช้จ่ายมันค่อนข้างสูง แค่เฉพาะปีนี้ก็ 4-5 แสนบาทแล้ง แอนจำเป็นต้องใช้เงินค่ะ"
"คือทุกคนเดือดร้อนหมด ทุกคนมีภาระหมด บางคนมีครอบครัวมีลูกที่ต้องรับผิดชอบ แต่ทำไมคุณไม่กลับมาใส่ใจความเดือดร้อนคนอื่นเขาบ้าง คุณกลับมองแค่ความเดือดร้อนของตัวเอง แบบนี้มันไม่ถือว่าเป็นการเห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ"
อาการป่วยของเราที่เป็นอยู่ ต้องดูแลรักษาตัวมานานแค่ไหนแล้ว ?
"รักษามาเป็นระยะเวลา 1 ปีแล้วค่ะ และก็คงจะต้องทานยาไปเรื่อยๆ และก็ตรวจเช็กไปเรื่อยๆ จนกว่าร่างกายจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ"
ตัวยาที่เราต้องทานมันส่งผลกระทบอะไรกับร่างกายบ้างไหม ?
"คือมันเป็นการทานวิตามินและก็ทานสมุนไพรเป็นหลัก ดังนั้นผลกระทบที่แอนได้รับมันเลยมีน้อย แต่ว่าการที่เราใช้ฮอร์โมนกระตุ้นซึ่งเป็นฮอร์โมนทดแทน มันก็อาจจะมีผลบ้างในเรื่องของระดับฮอร์โมนและทำให้เราต้องคอยระวังในเรื่องของมะเร็ง เพราะมันอาจจะไปกระตุ้นได้"
แสดงว่ามีความเสี่ยง ?
"โอกาสเสี่ยงก็มีค่ะ แต่เราก็ทานวิตามินควบคู่กันไปด้วยเพื่อช่วยในเรื่องของการดีท็อกซ์สิ่งตกค้างที่อาจจะไปกระตุ้นมะเร็ง"
เป็นไปได้ไหมว่าเราจะต้องทานยาตลอดชีวิต ?
"คงไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ อาจจะเป็นแค่การทานบางตัว แต่บางตัวอาจจะไม่ต้องทานแล้วหากร่างกายกลับมาเป็นปกติ แต่ว่าช่วงนี้ยังต้องรักษาอยู่"
เครียดไหมเพราะสุขภาพก็ต้องดูแล และเงินที่ต้องเอามาใช้จ่ายก็ยังไม่ได้คืน ?
"เครียดค่ะ เพราะเราเองก็คาดหวังเนอะว่าจะได้เงินคืน แต่พอมาถึงวันนี้ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด ฉะนั้นความเครียดมันมีค่ะ แต่เราก็พยายามปล่อยวางให้ได้มากที่สุด"
มีอะไรอยากฝากถึงเขาไหมเผื่อว่าเขาฟังอยู่ ?
"วันนี้สิ่งที่แอนอยากพูด คือแอนอยากพูดให้สังคมรับรู้ และก็อยากให้เขาฟังในสิ่งที่เราต้องการบอกด้วยเช่นกัน อยากให้เขาเห็นใจคนอื่นที่เดือดร้อน คุณต้องมีความรับผิดชอบ เพราะคนอื่นเขาเดือดร้อนจริงๆ"