"ขวัญฤดี" เปิดใจวันทราบข่าว "หยดน้ำ" เลิก "ท็อป จรณ" บทเรียนนี้จะทำให้ลูกเข้มแข็งขึ้น
ได้มีโอกาสออกมาพูดถึงข่าวคราวการสิ้นสุดสถานะคนรัก ของลูกสาวที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ หยดน้ำ นัดดาภรณ์ กับพระเอกหนุ่ม ท็อป จรณ เป็นครั้งแรก สำหรับ ขวัญฤดี กลมกล่อม นักแสดงสาวรุ่นใหญ่ ขณะเดินทางมาร่วมงานบวงสรวงละคร ซ่านเสน่หา ณ ช่อง 3 หนองแขม
โดย ขวัญฤดี กลมกล่อม ได้เผยว่า สำหรับสภาพจิตใจของ หยดน้ำ ณ เวลานี้ ส่วนตัวมองว่ายังคงแฮปปี้มีความสุขกับทุกๆ อย่างเหมือนปกติ แต่สำหรับสาเหตุที่ทั้งสองตัดสินใจจบความสัมพันธ์เกิดจากอะไรนั้นตนไม่ทราบ แต่ถ้าถามในความรู้สึกของคนเป็นแม่ก็พร้อมที่จะเคารพการตัดสินใจของลูกเสมอ
สภาพจิตใจน้องหยดน้ำเป็นอย่างไรบ้าง ?
"เขาแฮปปี้ มีความสุข มีความสุขกับการทำงาน กับเพื่อนฝูง และก็พ่อแม่ค่ะ (ยิ้ม)"
เขาได้มาขอคำปรึกษาบ้างไหม ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเลิก ?
"ก็มีค่ะ เพราะว่าพี่ก็มีลูกสาวแค่คนเดียว เขาก็มีมาคุย ส่วนเราก็ให้คำแนะนำในสิ่งที่ถูกต้องไป"
ตอนนั้นคุณแม่แนะนำว่าอย่างไรบ้าง ?
"พี่ก็บอกว่ามันก็เป็นชีวิตของหนูนะ หนูก็โตแล้ว หนูก็ตัดสินใจเลือกเอง แต่ถ้าหนูคิดว่าอะไรที่หนูทำและหนูมีความสุขหนูก็ดำเนินต่อไป แต่ถ้าหนูทำแล้วหนูรู้สึกว่ามีความทุกข์ ก็อย่าทำ ก็จบไป"
กับ ท็อป จรณ เราได้มีโอกาสคุยกันบ้างไหม ?
"ไม่ได้คุยค่ะ"
ก่อนหน้านั้นตอนที่เขายังคบกัน ท็อปเคยมาเจอกับเราบ้างหรือเปล่า ?
"ก็มีค่ะ ได้มีโอกาสเจอบ้างค่ะตามโอกาส"
น้องหยดน้ำได้บอกสาเหตุจริงๆ ไหมว่าทำไมถึงเลิก เพราะหลายคนมองว่าเลิกกันเพราะข่าว ?
"สาเหตุจริงๆ เหรอ เอ่อ...จริงๆ ก็ไม่ทราบนะ เพราะว่ามันก็เป็นเรื่องของเขา เป็นเรื่องของลูก และตัวพี่ก็ได้ฟังเท่าที่หยดน้ำเขาเข้ามาคุย ส่วนพี่ก็ให้คำแนะนำต่างๆ เขาไป เพราะว่าจริงๆ แล้วเราจะไปบังคับเขาก็ไม่ได้ สมมติเราไปบอกเขาว่า 'ต้องคบคนนี้นะ ต้องคบคนนั้นนะ' คือมันก็ไม่ได้ เพราะเด็กสมัยนี้บังคับไม่ได้อยู่แล้ว หรือจะบอกว่าให้เลิกนะ แต่ถ้าเขาจะไม่เลิก เขาก็ไม่เลิกอ่ะค่ะ มันก็อยู่ที่ตัวเขานั่นแหละที่ตัดสินใจ เพียงแต่ว่าพี่ก็ทำหน้าที่ในฐานะแม่ คือชี้ทางที่ถูกต้องให้ลูก อันไหนคือสิ่งที่ดี อันไหนคือสิ่งที่ไม่ดี"
ระหว่างทางที่ผ่านมาเราได้เห็นปัญหาความรักของลูกไหม หรือรู้ตอนที่น้องเดินมาบอกว่าจะเลิก ?
"ก็รู้ตอนที่เขามาเล่าให้ฟังค่ะ"
เครียดไหมสถานการณ์นั้น ?
"ไม่เครียดเลย พี่ก็ถือว่าเราก็เคยผ่านจุดนี้มา แต่ก็มีความสงสารความรู้สึกลูกนิดหนึ่ง เป็นห่วงความรู้สึกเขา แต่ว่าเขาก็กลับมาฟื้นตัวได้เร็วนะ เขาก็บอกเองว่าได้ครอบครัวช่วยให้มีพลัง ส่วนตัวพี่เองก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างลูกตลอดเวลาอยู่แล้ว"
สาเหตุจริงๆ มันเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ออกมาไหม ?
"ไม่นะคะ พี่ว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคนนะ"
แสดงว่า ณ ตอนนั้น น้องหยดน้ำก็รู้สึกเครียดเหมือนกัน ?
"เครียดไหม พี่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะเครียดมากมาย เขาก็ยังแฮปปี้กับชีวิตของเขา พี่ว่ามันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของจังหวะชีวิตที่มันเข้ามามากกว่า ซึ่งมันก็เป็นประสบการณ์ชีวิตของเขา ยังไงเขาก็ต้องดำเนินชีวิตของเขาต่อไป"
พี่ขวัญเองเป็นห่วงไหม พอลูกสาวเราคบกับคนนี้ก็มีข่าวมาตลอด ?
"จริงๆ พี่ไม่เป็นห่วงหรอกนะ พี่ถือว่าเวลาลูกสาวจะคบใครขอแค่เขาเป็นคนที่ทำให้ลูกเรามีความสุข เป็นคนดี แค่นั้นก็พอแล้ว แต่ถ้าตราบใดที่ลูกพี่ไม่มีความสุข พี่ก็พร้อมที่จะเคารพในการตัดสินใจของลูก"
หนักใจไหมที่ต้องตอบคำถามแทนลูกสาวเพราะว่าได้เจอกับสื่อบ่อยกว่า ?
"พี่ก็ไม่ค่อยได้ตอบอะไรเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้หนักใจ พี่ก็ตอบตามความจริงนี่แหละ ตอบตามในฐานะความรู้สึกของคนที่เป็นแม่"
เห็นลูกเป็นแบบนี้ เรามีความเป็นห่วงคูณสองไหมกับการที่ลูกจะคบคนใหม่ ?
"พี่ก็บอกเขาว่าอะไรก็ตามทั้งหมดทั้งมวลไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน เรื่องเพื่อนฝูง ที่ทำให้เรารู้สึกผิดหวังหรือรู้สึกเฟล มันก็เป็นประสบการณ์และเป็นบทเรียนของเรา ที่จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น มีภูมิต้านทานขึ้นในการที่จะพบเจอกับบุคคลอื่นๆ อีกต่อไป หยดน้ำก็จะได้เปิดโลกให้กว้างขึ้น"
ตอนนี้เขาก็ไม่มีการร้องไห้อะไรเลย ?
"ไม่มีเลย หยดน้ำเขาไม่ได้ร้องไห้ ไม่มีอะไรเลยค่ะ"
คิดว่ามีบทเรียนอะไรที่น้องหยดน้ำได้จากรักครั้งนี้บ้าง ?
"ก็ให้เขามีความเข้มแข็งมากขึ้น และก็คนเรามันต้องมีมุมมองกว้างขึ้น "
หลังจากนี้ต้องดูเยอะขึ้นไหมเวลาจะเลือกใคร ?
"พี่ว่าทุกอย่างก็ต้องดูให้เยอะๆ เพราะพี่ก็บอกลูกเสมอว่า ขนาดเหรียญยังมีสองด้านเลย เราจะมองด้านเดียวไม่ได้ เราก็ต้องมองอีกด้านหนึ่ง และเราก็ต้องมองด้วยใจที่เป็นกลาง แล้วเราจะตัดสินอะไรได้ง่ายขึ้น"
เราจะสามารถร่วมงานกับแฟนเก่าของลูกสาวได้ไหม ?
"(หัวเราะ) ได้ค่ะไม่มีปัญหา เพราะว่าเราก็เป็นนักแสดง ไม่มีปัญหาค่ะ สามารถค่ะ"
ไม่ได้โกรธแทนลูกใช่ไหม ?
"ไม่โกรธ เพราะพี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่าโกรธเลยนะ มันเป็นเรื่องความรักของคนสองคนที่ ณ จุดหนึ่งเขาไปด้วยกันไม่ได้ มันก็คือจบแค่นั้นเอง มันไม่ใหญ่โตเลย"