"น้าเน็ก" จากคนเบื้องหลังสู่คนเบื้องหน้า เผยบทเรียนชีวิตสุดติ่งในวัย 52 ปี
เผยประสบการณ์พิธีกรฝีปากกล้า น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ในวัย 52 จากคนเบื้องหลังสู่คนเบื้องหน้า ก่อนจะผันตัวเองเป็นเจ้าของรายการ เผยโดนพิษโควิดจนคิดผันตัวเองไปเป็นพ่อค้าขายน้ำ ในรายการคุยแซ่บ SHOW ที่มี หนิง ปณิตา และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
เห็นเปิดเพจรับปรึกษาปัญหาและแนะนำวิธีการต่างๆ ให้อยู่ได้ใน
น้าเน็ก : "ผมขอตอบเลยว่าเพจ Nanake555 (น้าเน็ก 555) มันเป็นคอนเทนต์เกี่ยวกับปัญหาชีวิตในแง่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชีวิต ปัญหาความรัก ครอบครัว การทำงาน เรื่องเพื่อน ปัญหาการเงิน กฎหมาย เรื่องเพศ เรียกว่าทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิต ก็จะมีผมและผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา อย่างเรื่องการเงินก็จะมีโค้ชนม อย่างเรื่องเพศก็มีผมและหมออีก 3 ท่าน ซึ่งเรื่องเพศถามว่ามีคนกล้าถามผ่านทางเพจหรือ คือเขาจะโทรเข้ามาซึ่งเราจะไม่เห็นหน้าเขา เขาไม่เห็นหน้าเราและเขาอาจจะไม่ได้ใช้ชื่อจริง ที่สำคัญคือผมจะมีหมอ 3 ท่าน ท่านหนึ่งจะเป็นหมอยูโร เป็นหมอเกี่ยวกับอวัยวะเพศชาย ท่านหนึ่งเป็นหมอสูตินารีซึ่งเกี่ยวกับผู้หญิง และอีกท่านเป็นจิตแพทย์ คือเราไม่ทำชุ่ยๆ คือผมจะดำเนินเรื่องให้มันเบาๆ แต่สุดท้ายแล้วหมอก็จะเป็นคนตอบ"
"พอรับได้ฟังปัญหาของผู้คนมากๆ เราก็จะทราบว่า ทุกคนมีปัญหามากมาย โดยเฉพาะยุคที่มีโควิดด้วย ทุกคนก็จะไม่มีความสุข ทำมาหากินยาก หมดกำลังใจ สิ่งที่แย่กว่าปัญหา คือกำลังใจในการรับมือกับปัญหา คือทุกคนสิ้นหวัง ต่อทุกกระบวนการในสังคม เราก็เลยคุยกันในทีมงาน เพราะถ้าเราแค่ตอบปัญหาเราก็แก้ได้แค่ทีละคน เราจะทำอย่างไรให้คนลุกขึ้นสู้ ผมก็เลยคุยกับน้องๆ ในทีม ว่าเราลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างให้ลูกเพจเราซึ่งมีอยู่ประมาณ 4 ล้านคน และแฟนคลับในยูทูบประมาณ ล้านกว่าคน ว่าขนาดเรายังทำเลย ผมก็เลยตั้งใจว่าอะไรที่เป็นสูตรเด็ดในบ้าน ทุกคนก็สามารถทำแบบเราได้เหมือนกัน มันก็เลยเป็นที่มาของการเริ่มต้มน้ำเก๊กฮวย
เริ่มต้นอย่างนี้ คือในช่วงโควิดระลอกแรกเราเคยทำคอนเทนท์ ที่ชื่อว่ามหากาพย์ไลฟ์สด รีวิวอาหารช่วยชาติเพราะว่า คนที่ลุกขึ้นมาทำโฮมเมดเขาอาจจะทำอร่อย แต่เขาไม่มีช่องทาง โปรโมท ผมก็เลยประกาศไปว่าใครก็ตามที่ทำอาหารโฮมเมดส่งมา เราจะรีวิวให้ บอกจุดจำหน่าย ชิมให้ดู และให้คะแนน เราชิมไปประมาณ 1010 ร้านค้า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลายคนก็ขอบคุณเรา หลายคนก็รู้สึกว่ามันพลิกชีวิต และของอร่อยถ้าไม่ได้รับการพบเห็นมันก็ไร้ค่า พอมาระลอกนี้ ผู้คนก็เจ็บหนัก และโดยส่วนใหญ่เวลาเจอปัญหาก็จะฟูมฟาย ท้อใจ หดหู่ ห่อเหี่ยว สิ้นหวัง ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ผมรู้สึกความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง ห่อเหี่ยว มันจะทำให้เราไปต่อไม่ถูก ผมก็เลยชวนน้องๆ ทีมงานต้มเก๊กฮวย แล้วถ่ายลงในเพจ ว่าพวกเรายังลุกขึ้นมาทำ ผมเริ่มทำครั้งแรกวันที่ 21 เมษายน โดยการไลฟ์สด แล้วเราได้พบว่าผมจะแนะนำหรือสอนผู้คนไม่ได้เลยถ้าผมไม่ได้เริ่มจากคนรอบข้าง"
หลายคนมองว่าเป็นดารา ทำอะไรก็เป็นจุดสนใจแตกต่างจากคนทั่วไป อยากบอกอะไรกับคนกลุ่มนี้
น้าเน็ก : "ผมจะใช้ประโยชน์ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์กับผู้คน อย่างที่ผมเคยบอก ใครที่ติดตามเพจน้าเน็ก 555 จะรู้ดีว่า ถ้าคุณทำอาหารโฮมเมดหรือมีธุรกิจกิจการอะไร ที่คุณไม่มีช่องทางโปรโมท เรายินดีโปรโมทให้ฟรีๆ แน่นอนว่าผมเป็นคนมีชื่อเสียงผมได้เปรียบ ดังนั้นผมก็จะเอาความได้เปรียบตรงนี้ช่วยผู้คน ผมเชื่อว่าหลายคนคงจะนึกออกแล้วว่าเรามีของดีอะไรในบ้าน เราทุกคนต้องตระหนักว่าเราทุกคนต้องเอาตัวรอด ต้องช่วยเหลือตัวเอง และผมเชื่อว่าคนในวงการบันเทิง พร้อมดูแลแฟนๆ ถ้าคุณทำธุรกิจอะไร ให้คุณติดต่อไปที่เซเลบที่คุณเป็นแฟนคลับ ผมเชื่อว่าเขาพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณ ผมอยากให้เป็นค่านิยมใหม่ของเซเลบทุกคน ว่าเอาความมีชื่อเสียงของเราช่วยผู้คนเถอะ ที่ผ่านมาก็มีระดมเงินบริจาค ใช้โซเชียลโปรโมทกิจกรรมดีๆ เพื่อสังคม มาวันนี้ผู้คนลำบาก ต้องการอาชีพที่สองที่สามทำอะไรขาย คนที่มีชื่อเสียงจะดีมากถ้าคุณใช้พื้นที่ตรงนี้ ในการโปรโมทของให้บรรดาแฟนคลับของคุณ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คือพวกคุณจะต้องทำของดีมีคุณภาพ นี่คือเหตุผลที่ผมลุกมาทำเก๊กฮวย"
มีแต่คนขายจะมีคนซื้อเหรอ
น้าเน็ก : "ผมคิดว่ามันมี เพราะประเทศเรามันมีภาวะรวยกระจุกจนกระจาย และอะไรที่มันเป็นโฮมเมด ถ้ามันออกสู่ตลาด มันมีช่องทาง มันอยู่รอดได้ เพราะมันมีคนกินทุกวัน อย่างน้อยๆ ผู้คนในสังคมที่ยังพอดูแลตัวเองได้ และยังเผื่อแผ่คนอื่นได้ ก็อุดหนุนกัน"
มีโปรเจคอะไรเพิ่มอีกไหม
น้าเน็ก : "ไม่มีเลย ผมรู้สึกว่าเก๊กฮวยเป็นโมเดลโฮมเมดโปรเจค ซึ่งผมบอกกับน้องทุกคนว่า มันเป็นคอนเทนท์ มันเป็นสิ่งที่ผมยืนต้มเองหลังครัว เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าอะไรก็เป็นไปได้ และที่สำคัญคือผมอยากให้พี่น้องในวงการบันเทิง ช่วยกันดูแลแฟนคลับของพวกเรา ในแง่ของปากท้องและอาชีพ แต่ก็ต้องดูดีๆ ว่าต้องเป็นธุรกิจที่บริสุทธิ์ใจ ว่าเป็นโฮมเมดจริงๆ ทำเพราะความอยู่รอดจริงๆ"
แล้วจะมีวิธีคัดกรองอย่างไร
น้าเน็ก : "ผมเชื่อว่าเราดูออก เพราะเวลาที่เราทำงานในเพจ ผมอ่านคอมเม้นท์ทุกอัน เพราะสิ่งสำคัญในการทำออนไลน์คือการสื่อสารกับผู้คน อย่างทีวีเราไม่ได้คุยกับคนดูแต่ออนไลน์ ผมไลฟ์สดและพูดคุยกับคนตลอดเวลา เพราะฉะนั้นคอมเมนต์ในการสื่อสารกับผู้คนจึงสำคัญมาก ที่เป็นธุรกิจจ๋าๆ ก็มีมาเหมือนกัน แต่เราอาจจะต้องเลื่อนความช่วยเหลือไปก่อน"
อยู่ในวงการมา 30 ปี จากเบื้องหลังขยับมาเบื้องหน้า
น้าเน็ก : "ในช่วงหลายสิบปีที่ทำงานในวงการบันเทิง ผมก็วางตัวเองไว้แตกต่างกันไป ช่วงแรกๆ ก็ตลกโปกฮา เน้นเฮฮาตลอดเวลา ในวันที่โลกสงบสุขเราก็เฮฮาเต็มที่ แต่ในวันนี้ยุค 2021 ยุคออนไลน์ ยุคที่ผู้คนอยากพัฒนาตัวเอง ยุคมืดมน ไม่ตลกโปกฮาแล้ว เราก็จริงจัง ใช้ความสามารถที่มีแก้ปัญหาให้ผู้คน"
ทุกวันนี้มีคนมาปรึกษาเยอะขนาดไหน
น้าเน็ก : "เอารายการหลักๆ อย่าหาว่าน้าสอน ผมจะไลฟ์สด 5 ชั่วโมง และอีพีล่าสุดมันครบอีพีที่ 55 มันก็เลยไลฟ์สด 8 ชั่วโมง มีสายหนึ่งมาตีหนึ่งตีสอง เป็นซึมเศร้า สิ้นหวังหดหู่และดื่มแอลกอฮอลล์ และใส่ยาอะไรไม่รู้เป็นกำๆ คุยๆ กับผมอยู่ อยู่ดีๆ ก็บอกว่าหายใจไม่ออก แล้วก็เงียบไปเลย เราก็เลยส่งรถพยาบาลไป โดยการหาพิกัดเขาจากเบอร์โทรศัพท์ ลากเขาจากห้องไปส่งโรงพยาบาล และอัปเดตอาการเขาเป็นอย่างไรบ้าง สิ่งที่ได้ผมพบว่างานของเรายากขึ้นทุกที มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย และเหมือนเราต้องรับผิดชอบชีวิตทุกคนที่โทรมา ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่าผู้คนในสังคมต้องการที่พึ่ง ต้องการคนที่ปรึกษาพูดคุยได้ ส่วนเคสที่ทำให้เสียน้ำตามีสารพัด มีเคสหนึ่งที่เขาถูกเลี้ยงมาในครอบครัวที่ไม่ดีเลย เขามีพ่อที่แย่มากๆ และเขาก็ระบายสิ่งแย่ๆ ที่เขาถูกกระทำด้วยความขมขื่น ผมนั่งฟังไปก็น้ำตาก็น้ำตาร่วงไป บางเคสก็เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 15 แล้วไปเห็นว่าแม่เลิกกับพ่อ ไปเห็นไลน์แม่ส่งคลิปโป๊ให้ผู้ชายมากหน้าหลายตา เขาก็พูดขึ้นมาคำนึงว่าเขาแค่อายุ 15 ทำไมเขาต้องมารับรู้เรื่องราวอะไรแบบนี้ด้วย คือเขาเห็นแม่เป็นไอดอล พอเห็นแม่เป็นแบบนี้เขาก็รู้สึกใจสลาย ผมก็ต้องประคับประคองความรู้สึก ผมก็บอกเขาเลยว่านี่อาจจะเป็นเรื่องที่คุณไม่ควรเห็น แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายเมื่อคุณโต คุณอาจจะกลายเป็นแม่ของใครสักคน หรือเป็นเมียของใครสักคน คำว่าตัวอย่างอาจจะหมายถึงตัวอย่างที่ดีและไม่ดีก็ได้ ถ้าเห็นตัวอย่างที่ดีก็โชคดี แต่ถ้าเห็นตัวอย่างที่ไม่ดี อย่างน้อยโตขึ้นคุณยังบอกกับตัวเองได้ว่าโตขึ้นฉันจะไม่เป็นแบบนี้ได้ แล้วผมก็บอกกับเขาได้แค่ว่า ทุกคนย่อมผิดพลาดได้ แม้ว่าคนๆ นั้นเราไม่คิดว่าเขาจะผิดพลาดได้ อย่างพ่อแม่ของเรา ถ้าเราจะหาบทเรียนจากผู้คนสักอย่าง เราดูจากความสำเร็จของเขาหรือความผิดเขาก็ได้ นี่คือสิ่งที่ผมบอกกับเขา เราก็ต้องประคับประคองเมือเขาวางสายไปเขาจะได้คิดได้ว่าเรื่องที่เขาเจอมันก็ไม่ได้หดหู่เกินไปนัก"
มีวิธีจัดการกับความเครียดของตัวเองอย่างไร
น้าเน็ก : "ผมก็ได้แต่บอกตัวเองว่าผมเครียด แต่บนความเครียดก็ยังมีคำตอบอีกด้านหนึ่ง ว่าเราได้ช่วยให้คนคลายทุกข์ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาว และผมรู้สึกว่าคำขอบคุณจากผู้คน แต่ก่อนผมอาจจะได้รับคำชมเรื่องตลกโปกฮาแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไป กลายเป็นว่า มีคนเข้ามาทักผมว่าน้าเน็กผมชอบคลิปนั้นมาเลย ผมชอบคลิปนี้มากเลย เพราะมันทำให้ผมเป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้ เรารู้สึกว่า ดีจังเลยเพราะก่อนเราตายเรากลายเป็นคนมีคุณค่า แต่ก่อนใครๆ ก็รู้ว่าผมปากไม่ดีแค่ไหน แซวคน บูลลี่คนไปเรื่อย มันทำให้ผมคิดว่าผมจะแก่ตายโดยเป็นคนแบบนั้นไม่ได้ เพราะผมไม่ภาคภูมิใจ ผมเลยเปลี่ยนวิธีการทำงานของผม"
"ส่วนเคสไหนที่ผมเห็นสมควรโทรกลับ และเขาต้องการคำตอบจริงๆ ก็โทรกลับ มีบางเคสที่เคยให้คำปรึกษาเขาก็กลับมาอัพเดทให้ฟังเยอะเลยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเคสเจ็บป่วย เคสปรึกษา มันมีเคสหนึ่งที่เป็นแฟนกันแล้วผู้ชายแอบถ่ายคลิปตอนมีอะไรกัน ปรากฎว่าผุ้หญิงไม่เคยรู้เลยว่าโดนแอบถ่าย แต่พอคบกันไปแล้วมันไปไม่รอดผู้หญิงอยากเลิก ผู้ชายก็ใช้คลิปนี้มาแบล็กเมล์ ที่ขู่ไม่ได้เพื่ออยากกลับมาคืนดีกันนะแต่ขู่เพื่อขอมีเพศสัมพันธ์ เคสนี้ผมก็จัดทนาย ตำรวจและฟ้องร้องคดีไป เพราะเรื่องบางเรื่องเราไม่สามารถตอบปากเปล่าได้ มันต้องมีคดีเพื่อการแก้ปัญหา"
ชีวิตไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ คิดว่าทำแล้วได้อะไร
น้าเน็ก : "ผมบอกกับคนรอบข้างเสมอว่าสิ่งที่เรามี มันเป็นเงินจากผู้คนทั้งนั้น ผู้คนชอบเราสนับสนุนเราก็เลยมีงานจ้างมา มันจะเป็นเรื่องไม่แฟร์เลยถ้าเราไม่ได้ตอบแทนผู้คน และวันนี้ออนไลน์มันให้ความหมายของคอนเทนท์ใหม่ ผู้คนไม่ได้อยากตลกโปกฮาแล้ว ผู้คนอยากดูอะไรที่มันสามารถแก้ปัญหา ชีวิตเขาดีขึ้น และผมอยากให้ผู้คนจำตอนผมตายไปว่า ผมเป้นคนมีประโยชน์ ผู้คนที่มี คอนเน็กชั่นที่มี พื้นที่เพจที่มีถ้ามันไม่ได้ใช้เพื่อผู้คนมันไร้ความหมาย ผมอยากสง่างาม ผมบอกลูกเพจแบบนั้น และผมก็พยายามทำแบบนั้น"
เคสไหนที่เราช่วยไม่ได้เรารู้สึกอย่างไร
น้าเน็ก : "ผมไม่ได้เป็นผู้วิเศษที่สามารถช่วยปัดเป่าเภทภัย เรื่องบางเรื่องผมก็ทำได้แค่ร้องไห้เป็นเพื่อน รับฟัง ปลอบใจ และทำให้เขารู้สึกว่ามีคนได้ยินเรื่องนี้ เข้าอกเข้าใจ คือผมไมได้ยืนยันว่าทุกปัญหา ที่เดินเข้ามาหาผมจะได้รัรบการแก้ไข แต่อย่างน้อยๆ เวลาที่เราทุกข์ใจแล้วมีคนที่เข้าใจเรา แล้วรับฟังเรา เมื่อความรู้สึกหม่นๆ มันจางลง ผมเชื่อว่าเขาจะไปต่อได้ และผมก็ไม่ได้ทำตัวเป็นไลฟ์โค้ช กูรู หรืออาจารย์อะไร ผมเป็นพี่ ผมบอกผู้คนเสมอว่าโทรติด เป็นน้องกูทันที เราก็เลยไม่เรียกว่าแฟนคลับ แต่เรียกว่าน้องๆ ของน้า ทุกคนเรียกผมว่าน้า แต่ผมเรียกตัวเองว่าพี่ ผมคิดว่าคนที่อายุน้อยควรที่จะมีครอบครัวให้คำปรึกษาดูแล แต่กลายเป็นว่า ครอบครัวพูดคุยด้วยยากเขาก็เลยต้องคุยกับเพื่อน ซึ่งอายุเท่ากัน และวุฒิภาวะก็น้อยพอๆ กัน มันก็เลยไปกันใหญ่"
มีคนโทรมาเล่าเรื่องลบ มีคนมาบอกเล่าพลังบวกให้น้าเน็กบ้างไหม
น้าเน็ก : "อันนี้ดีมาก บางทีมีบางสายโทรมาบอกว่าไม่มีอะไร เห็นวันนี้เครียดเหลือเกินก็เลยโทรมาเป็นกำลังใจ เชื่อไหมที่รับมาเป็นสิบๆ สายแล้วเครียดนะ พอมีสายนี้โทรมาหายเลยเพราะเขาสนใจว่าเราทำอะไรอยู่"
มีวิธีให้ความสุขกับตัวเองอย่างไรบ้าง
น้าเน็ก : "ผมก็คงบอกกับตัวเองเหมือนที่บอกคนอื่นว่าอย่างน้อยๆ เรากำลังทำสิ่งที่มีคุณค่าให้กับผู้คน เหมือนคำขวัญในเพจเรา “ชีวิตดีขึ้นและสนุกด้วย” เรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องและมีคุณค่าต่อผู้คน แต่เมื่อผลลัพธ์ออกมาดีมันก็จะดีอย่างแน่นอน ถามว่าผมเคยมีวันที่หดหู่ไหม คือทุกสิ่งที่ผมทำ ผมไม่พยายามปิดซ่อนความรู้สึกตัวเอง ถ้าคนไหนเป็นแฟนเพจผมจะรู้เลยว่าในแต่ละวันผมจะรู้สึกอย่างไร เพราะผมจะบอกเลยว่าวันนี้ผมไม่โอเค กลายเป็นว่าวันนี้แทนที่ผมจะต้องตอบปัญหาคน ก็มีแต่คนโทรเข้ามาให้กำลังใจ น้าสู้ๆ นะ"
เรียกว่าใช้ประสบการณ์ตัวเองเป็นบทเรียน
น้าเน็ก : "ความล้มเหลวเป็นบทเรียนชั้นดีที่จะแจกจ่ายให้ผู้คน ถ้าผมทำอะไรสำเร็จแล้วแจกจ่ายให้ผู้คน ผู้คนก็จะทำตามได้ไม่ทั้งหมดเพราะมันอาจจะเกิดจากความรู้ไม่จริงแล้วบางทีก็อาจจะเกิดจากโชคดวง แต่อะไรที่เป็นความล้มเหลวมันสามารถแจกจ่ายได้ทันที"
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama