"จิ๊ก เนาวรัตน์" 40 ปีที่ผูกพัน เล่าความทรงจำ "สรพงษ์ ชาตรี" พระเอกคู่ขวัญและพี่ชายแสนดี
ทำเอาอดีตนางเอกสาว จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อได้พูดถึงความผูกพันที่มีต่อพระเอกคู่ขวัญ สรพงษ์ ชาตรี ซึ่งเคยมีโอกาสร่วมงานกันในฐานะนักแสดงมากมายนับครั้งไม่ถ้วน อีกทั้งในแง่ของความสัมพันธ์ทั้งสองก็ยังเป็นพี่น้องที่สนิทสนมคุ้นเคยมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี
โดยล่าสุด ขณะที่เจ้าตัวเดินทางมาร่วมงานพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ บริเวณศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร จิ๊ก เนาวรัตน์ ก็ได้ถือโอกาสนี้ กล่าวคำขอบคุณและบอกเล่าเรื่องราวความหวังดีที่พี่ชายคนนี้มอบแด่เธอมาเสมอ ให้สื่อมวลชนฟังว่า "เราร่วมงานกับพี่เอกมารวมๆ แล้วก็เกือบ 40 ปีค่ะ ก้าวแรกที่เป็นดารา เข้ามาก็เจอ พี่เอก สรพงศ์ เล่นคู่กันเป็นร้อยเรื่องค่ะ ถือว่าเป็นครูในวงการ เพราะพี่เอกชอบสอน ชอบดูแลน้องๆ เวลาใครเข้ามาใหม่ พี่เอกก็จะคอยสอน ว่าต้องอย่างนี้ๆ
การได้ร่วมงานกับพี่เอก บอกเลยว่าพี่เอกน่ารักมาก แล้วก็เป็นคนดีมากๆ เป็นคนพูดแต่ความจริง เราไม่ดีตรงไหน พี่เอกก็จะว่าเรา ถ้าเราไม่พร้อม บางครั้งเล่นหนังเราก็ขี้เกียจ พี่เอกก็จะดุ เขาจะรู้ทันทีว่าเราไม่ตั้งใจ ไม่เต็มใจแล้ว เขาจะบอกเราว่าอาชีพเราเป็นนักแสดง เราไม่ได้เหมือนคนอื่น คนอื่นเขาได้นอนธรรมดา แต่เราตี 2-3 ต้องทำงาน ถ้าเราคิดว่าเราไม่ทำงานแบบนี้ เราก็ไม่ต้องมาเป็นดารา แกว่าพี่เยอะมาก ณ วันนี้คิดถึงคำพูดแกหลายๆ คำพูดเลยค่ะ มันจริงหมดทุกอย่าง”
ได้ทราบข่าวอาการป่วยตอนไหน ?
“มาทราบเอาตอนเดือนกว่าๆ นี่เองค่ะ เพิ่งทราบก่อนที่พี่ต้อย (เศรษฐา ศิระฉายา) จะเสีย ฟังจากข่าวแล้วก็เพื่อนสนิท เขาบอกพี่เอกสำลักกล้วยน้ำว้า เราก็อธิษฐานจิตเลย ว่าอย่าให้พี่เป็นอะไรนะ ถึงจะเป็นมะเร็งก็ขอให้มีชีวิตที่ยืดยาวออกไป อย่าเร็ว คือคิดในใจเอานะ เพราะช่วงนั้นไม่มีใครสามารถไปเยี่ยมพี่เอกได้เลย เราต้องรู้ตัวเรานะ เราไม่ได้สะอาดพอที่จะเข้าไปหาพี่เอกค่ะ ใจจริงๆ ก็อยากไปเยี่ยม คนเราคบกันมา 40 กว่าปี ถ้ารู้คนหนึ่งเป็นอะไร ใครจะไม่อยากไป (เสียงสั่น) สักครั้งหนึ่งก็ยังดีใช่ไหมค่ะ แต่มันไม่มีโอกาส มันไม่มีโอกาสจริงๆ มารู้ตอนนี้ก็คือไปแล้ว
วันนี้เขาไม่อยู่แล้ว ?
“บอกเลยว่ามันก็วูบเนาะ เราเคยทำงาน รู้จักกันมานานนมมาก เราเคยเสี่ยงตายกันมาหลายครั้งในการแสดง พี่เอกเราก็คอยปกป้องดูแลเรามาตลอดขี่ม้าจะตกก็คอยพยุง เรือจะล่มก็คอยช่วย เขาปกป้องเราตลอดเวลา เขาไม่ได้เป็นพระเอกที่เห็นแก่ตัว เขาดูแลคนข้างเคียงหมด สมควรที่เป็นพระเอกจริงๆ”
มีเหตุการณ์ไหนบ้างที่ทำให้เรารู้สึกว่า ถ้าหากไม่มีพี่เอก ก็อาจจะไม่มีเราในวันนี้ ?
“บ้านสีดอกรักที่เล่นกับพี่เอก และรถไปตกเหวทั้งคันเลยค่ะ รถจี๊ป กลิ้งลงมาตกเหวเลย พี่เอกเป็นคนขับ แต่พี่เอกก็พยายามประคอง เพราะมีทั้งพี่จิ๊ก มีจารุณี มีพี่เบิร์ด ธงชัย และก็พี่ทองก้อนที่เป็นผู้กำกับ คือตกลงมาจากเหวเลย อันนี้พี่เอกเขาก็พยายามที่จะช่วยดึงพี่ออกมาจากรถจี๊ป เพราะพี่ถูกรถจี๊ปทับ พี่เอกเขาก็พยายามจะดัน ดันรถจี๊ปขึ้นไป แต่แรงดันคนเดียวกับรถจี๊ปมันไม่ได้หรอก พี่เอกก็นั่งคอยอยู่ตรงนั้นแหละค่ะ คอยจนกว่าให้คนมาช่วย ช่วงนั้นเป็นช่วงทรหดจริงๆ เลย ก็คือเสี่ยงตายกันมาไม่รู้กี่ครั้ง หลายครั้งแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงลงเรือ เรือก็จะล่ม พอเรือจะล่มปุ๊บ แกก็จะรู้ตัวก่อนเรา หรือเวลาขี่ม้า เราจะตกม้า ก็มีแกที่คอยพยุง เพราะแกรู้ว่าเราไม่เป็น คือเราเป็นนางเอกเนอะ เราต้องทำได้ทุกอย่าง แต่เราไม่ได้อ่ะ บางทีเราก็ต้องหลอกคนอื่นว่าเราเก่ง แต่จริงๆ เราไม่ได้เก่งอย่างที่คนอื่นดูเรา เข้าใจไหมคะ (น้ำตาคลอ) แต่พี่เอกก็พยายามทำให้คนอื่นดูเราว่าเราเป็นคนเก่ง”
แสดงว่าพี่เอกเป็นคนหล่อหลอมให้เราเป็น เนาวรัตน์ อย่างที่ทุกคนเห็นในทุกวันนี้ ?
“พี่เอกทำให้พี่ได้ตุ๊กตาทอง ในเรื่อง ถ้าเธอยังมีรัก ซึ่งเรื่องนางเอกชื่อลำดวน พี่เอกได้บอกกับพี่ว่า ถ้าพี่อยากได้ตุ๊กตาทอง พี่ต้องไม่ใช่เนาวรัตน์ แต่พี่ต้องเป็นลำดวน เป็นผู้หญิงคนนี้ให้ได้ ซึ่งผู้หญิงคนนี้ในเรื่องถูกข่มขืน และพี่ต้องเล่นให้ได้ ซึ่งพี่เอกเขาก็จะเป็นคนบอกพี่ในเวลาที่พี่เล่นไม่ถึง พี่เอกจะบอกให้ เอาใหม่ เอาใหม่ เอาใหม่ ตอนนั้นพี่ก็แอบคิดในใจนะว่าเรื่องนี้ไม่น่าเล่นเลย เพราะพี่โดนทั้งพี่เอกดุ โดนทั้งท่านมุ้ยว่า ตลอดเวลาทั้งเรื่องไม่มีความสุขเลย แต่สุดท้ายตอนที่เรื่องนี้ถูกส่งชื่อเข้าประกวด และพี่กับพี่เอกได้ตุ๊กตาทอง พี่รู้สึกเลยว่าพี่อยากจะดึงเวลานั้นกลับมาและกรายพี่เอกมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ที่ผ่านมาด้วยความที่เราเป็นน้องสาว เราก็จะมีความงอแงอยู่บ้าง ?
“ใช่ค่ะ พี่งอแงตลอด บางทีเราง่วงนอนไงคะ ทำงานกันถึง ตี 2 ตี 3 เราก็ง่วงนอน เวลาเล่นอะไรเราก็เล่นไม่ถึงเพราะขี้เกียจ เล่นไปแบบตามมีตามเกิด แต่นั่นแหละค่ะ ก็คือโดนพี่เอกดุ บางทีก็จิกเสื้อ บางทีก็ฉุดกระชาก บางทีก็ตีบ่าตีไหล่ บอกเรา อย่าง่วง อย่าง่วง คือทำแบบนั้นตลอดเวลาเลย แต่สุดท้ายพี่ก็ได้เข้าใจในสิ่งที่พี่เอกทำ เข้าใจจริงๆ
และ ณ วันนี้พี่ก็ต้องบอกนะว่ามันสายจริงๆ จะเรียกพี่เอกกลับมาคุยก็คงไม่ได้แล้ว นอกจากจะบอกกับพี่เอกตรงนี้ว่า ขอบคุณทุกๆ สิ่งนะคะที่พี่เอกให้มา ส่วนหนึ่งที่เป็น เนาวรัตน์ ได้ ก็เพราะพี่เอก ถ้าหากวันนั้นไม่มีคู่ข้างเคียง ไม่มีคู่หูที่ดีพาเราไป เราก็คงไปไม่รอด จะไม่ลืมพี่เอกเลยค่ะ ขอบคุณมากเลยค่ะ”