เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"น้ำฝน กุลณัฐ" ย้อนเล่าลูกสาวติดโควิด 2 รอบ เครียดต่อร้องไห้หนักพบเนื้องอกที่หน้าอก

นักแสดงและผู้จัดละครคนเก่ง น้ำฝน กุลณัฐ ที่วันนี้ขอควงลูกสาวคนสวย น้องทาเรีย มาเปิดใจเหตุการณ์สุดพีคลูกสาวติดโควิด 2 รอบ พร้อมเปิดใจครั้งแรก วินาทีพบก้อนเนื้อที่หน้าอก เครียดหนักถึงขั้นร้องไห้กอดลูก เขียนพินัยกรรมไว้เรียบร้อยแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่องOne31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ย้อนไปรอบแรกที่น้องทาเรียเป็นโควิด ตอนนั้นเป็นที่อเมริกาใช่ไหม?

น้ำฝน : "ท้าวความตั้งแต่แม่ก่อน แม่เป็นตั้งแต่ 22 พฤศจิกายน ปีที่แล้วที่ภูเก็ต หนีจากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ต เพราะกรุงเทพฯ โควิดเยอะ ไปได้ที่ภูเก็ต 10 วันอยู่โรงพยาบาล ลูกก็อยู่เองกับแนนนี่ พอออกมาเราก็จองตั๋วไว้แล้วว่าเราจะเดินทางไปอเมริกาบวกกับว่าเราต้องขับรถไปกรุงเทพฯ ด้วย คือแบบมันหลายอย่างมาก พอบินไปอเมริกาได้สัก 3 วันญาติคุณสามีเป็นก่อน เราก็กักตัว 7-8 วัน เราตรวจไม่มีใครเป็นอะไร เราก็ขับไปซานฟรานไปเยี่ยมญาติ อยู่วันที่ 27-29 เช้าวันที่ 30 ขับรถกลับ LA ปรากฏว่าตี 4 คนนี้ปีนขึ้นมา มามี๊นอนด้วย แต่แปลกมากเราจับตัวเขาไม่ร้อน พอมานอนเสร็จปุ๊บอ้วกออกมา แล้วเขาหันมาบอกว่ามามี๊ให้กินเยอะไป เราก็ท่าไม่ดีแล้วก็เอาปรอทวัดไข้มาวัด 38.5 ก็แบบไม่รู้จะคิดอะไร นอนไปก่อนลูก เอาผ้ามาเช็ดจนไข้ลงประมาณ 6 โมงเช้า แม่ถึงเริ่มหลับ แฟนก็ถามสรุปจะเอายังไงจะอยู่นี่ดูอาการลูกก่อน หรือจะขับกลับ LA  เมืองที่เราอยู่มันเลยจากซานฟรานไปอีก 2 ชั่วโมง ฉะนั้นมันเป็น 7 ชั่วโมง ก็เลยตัดสินใจว่าขับกลับ"

"แต่ก่อนกลับ ตรวจ ATK ไม่ขึ้น ซึ่งตอนนั้นไข้เขาก็ยังไม่ได้ลงมาก 37.8 เราก็แบบเป็นไร พอถามเขาว่าจะกินข้าวไหมเขาก็ไม่กิน จะกินน้ำไหม เขาก็ไม่กิน ทีนี้แฟนกลัวว่าลูกจะขาดน้ำ ก็เลยให้กิน โอเคทาเรีย ถ้าทาเรียไม่กินข้าวไม่เป็นไรนะ ทาเรียต้องดื่มน้ำเรื่อยๆ เราก็ขับกลับมาเรื่อยๆ จำไม่ได้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เขาพูดว่ามามี๊เจ็บหัว เราก็อยากเอาลูกมานอนที่ตัก สามีก็แบบอเมริกันๆ ไม่ได้อันตราย เราก็แบบสงสารไม่รู้จะพูดยังไง แล้วแฟนก็ถามว่าเธอหิวข้าวไหม ฝนกินไม่ลง ถามทาเรียหิวไหม เขาบอกเขาไม่กิน สามีหิว จะกินเบอร์เกอร์ ซึ่งช่วงกำลังหาร้านอาหารทาเรียอ้วกออกมาอีก ทีนี้เป็นแต่น้ำที่เพิ่งให้กินไป คิดในใจถ้าลูกเป็นรอบ 2 ได้แน่ๆ ไม่รอดแน่"

แล้วมารู้ได้ยังไงว่าน้องติดโควิด?

 

น้ำฝน : "หลังจากนั้น 3 วันผ่านไป คือมันไม่ได้แบบรู้ทันที วันนั้นผจญภัยหนักมาก ไม่ได้เข้าโรงพยาบาล แล้วไข้เขาก็ได้มา 39 มา 38 คือลงก็ไม่ลง ลงมาแค่ 37.9 จนท้ายที่สุดพอขับกลับมาถึงบ้านมันเหลือ 36.8  คืองงมาก พอถึงบ้านถามเขาว่าหิวข้าวไหม เขาบอกหิว จะกินข้าวต้มกับไข่ เดี๋ยวก่อนนะ 7 ชั่วโมงในรถมันคืออะไร"

ผ่านมา 3 วันน้องก็เริ่มอาการปกติแล้วถึงรู้ว่าเป็น?

น้ำฝน : "ทาเรีย มีแค่ 24 ชั่วโมง ก็คือ 6 โมงเย็นของวันนั้น เขาสามารถทานข้าวได้ แม่ก็เริ่มโล่งใจแล้ว ก็เลยโทรมาคุยกับโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ คนคงสงสัยว่าทำไมถึงโทรมาคุยกับโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ เพราะคุณสามีไม่ยอมให้พาลูกไปโรงพยาบาล เขาบอกว่ามันแพงมาก คือเราไม่ได้มีประกันที่อเมริกา การที่จะไปหาหมอเริ่มแรกก็ 1,000 เหรียญเลย ก็เท่ากับ 33,000 บาท แค่พบหมอยังไม่รักษา แฟนบอกรอดู 2 วัน ฝนก็แบบ เห้ย…เราไม่ชิน อยู่เมืองไทยอะไรก็สะดวกไปหมด ก็เลยตัดสินใจโทรกลับมาคุยกับหมอที่โรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ หมอก็แนะนำนู่น นี่นั่น เสร็จปุ๊บเขาก็ไม่มีไข้เลย แล้วไข้เขากลับมาอีกทีตอนตี 2 คือแบบ 38 เลยนะ แล้วมาลงตอนตี 4 แล้วก็หายไปเลย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"

แต่ก็รู้ว่าเป็นโควิด?

น้ำฝน : "ใช่ นั่นคือวันที่ 30 วันที่ 31-1 กำลังขับรถพาเขาไปเล่นที่บ้านญาติที่เป็นคนแรก ญาติที่ซานฟรานโทรมาทางนั้นเป็นบวก เราก็แบบไม่รอดแน่ ปรากฏว่ารอด สงสัยเราคงเพิ่งเป็น"

แล้วทาเรียมาเจอว่าเป็นบวกวันไหน?

น้ำฝน : "หลังจากนั้นเราไม่ได้ตรวจ เราก็เดาแล้วว่าลูกต้องเป็น แล้วบวกกับสถานการณ์อเมริกาตอนนั้นคือระบาดหนักมาก ATK หมดตลาด ถ้าจะซื้ออันละ 20 เหรียญจากที่เคยแจกฟรี รู้ผลว่ามีคนเป็นวันที่ 1 ทาเรียได้คิว PCR วันที่ 12 จะพาไปตรวจทำไมวะ คือประชากรเขาเยอะ แล้วเขาเป็นแบบวันละแสนคน แล้วมันไม่พอ แล้วเราพก ATK จากประเทศไทยไปเหลืออยู่ 3 อัน เราเลยตัดสินใจตรวจให้ลูกในเดย์ 5 ถึงขึ้นบวก แล้วจะพาไป PCR ตอนนั้นคือเสียเงินแล้ว ไม่ฟรีสำหรับเขา"

รอบ 2 เป็นมายังไง ทำไมติดอีกรอบ?

น้ำฝน : "ทาเรียเป็นรอบ 2 ประมาณ 2 เดือน"

ไปติดที่ไหน?

น้ำฝน : "ไม่รู้ รอบสองติดที่เมืองไทย เราไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราทุกคนก็ใช้ชีวิตไปตามปกติ มารู้สึกตัวอีกทีในคืนวันอาทิตย์ ลูกปีนมานอนด้วยอีกแล้ว แม่ก็จะคลำก่อน มันดีกว่าปรอทอีกอะ ไม่ปกติ น่าจะ 37 ไม่ถึง 38 เราก็เลยให้ลูกนอนตรงกลาง แม่เอาผ้าห่มคลุมโปง พอตื่นเช้าขึ้นมายังอุ่นอยู่ ก็เลยเรียกแนนนี่บอกว่า เอาปรอทน้องขึ้นมา แล้วเอาแมสก์ขึ้นมาให้พี่ด้วย ก็ขึ้น 37.8 เสร็จแล้วเอา ATK ที่มันแพงๆ ที่บ้านมาตรวจเลยแล้วกัน เพราะว่าโรงเรียนอาจจะไม่ชัวร์ แล้วก็ขึ้นเลย 2 ขีด เสร็จแล้วทุกคนในบ้านก็ต้องไล่ตรวจ ปรากฏว่าคนที่โชคดีไปคือทาเรียกับแนนนี่"

รอบ 2 รักษายังไง?

น้ำฝน : "รอบ 2 ด้วยความที่ลูก 37.8 เราตรวจปุ๊บลูกเป็นบวก ตกใจ แนนนี่ตรวจ แนนนี่ก็มือเย็น ลืมทาเรียไปเลยว่ามีไข้ แม่ตรวจ พ่อตรวจ ทุกคนตรวจ ตื่นเต้นกันหมด ลืมให้ยาลดไข้ นึกได้ตอน 9 โมงวัดไข้ทาเรียอีกที 36.8 แล้วก็ไม่มีอะไรเลย"

รอบ 2 ได้ไป PCR ไหม?

น้ำฝน : "ไปๆ วันนั้นก็พาไปโรงพยาบาล เพราะว่า 1. เราต้องใช้ผล PCR เนื่องจากยืนยันกับโรงเรียน แล้วก็ใบรับรองแพทย์ในการกลับไปที่โรงเรียน"

แล้วที่บ้านอยู่กันยังไง?

น้ำฝน : "ที่บ้านเป็นคอนโด แต่เป็นคอนโด 2 ชั้น มี 2 ห้องนอน เรา สามี แล้วลูกนอนห้องข้างบน ในเมื่อลูกกับแนนนี่เขาได้รับโชค เขาก็เลยอยู่ด้วยกันข้างล่าง เราก็บอกทาเรียห้ามขึ้นไปชั้น 2 นะลูก เขาจะแฮปปี้มาเราจะใช้ไอแพดเป็นเครื่องล่อ จากเด็กที่ไม่เคยดู ก็จะได้ดูทุกวัน ส่วนฝนอยู่ชั้นบน สามีนอนโซฟาข้างล่าง แต่ว่าเขาไม่ได้อยู่บ้านทั้งวันเหมือนเรา เราตื่นเช้ามาไปออฟฟิศ ซึ่งมีเขาคนเดียว ตกเย็นกลับมาก็มาเล่นกับลูก เล่นกันแบบเว้นระยะ ฝนอะเว้นระยะ แต่สามีไม่เว้น ใส่แมสก์แล้วนั่งกับทาเรียอย่างนี้เลย ก็ไม่เป็น เขาบอกว่าเธอไม่เข้าใจหรอก คนที่เคยเป็นแล้ว กับได้วัคซีนเยอะ ฝนกับแฟนได้ไปคนละ 4 เข็มแล้ว อย่างน้อยมันค่อนข้างที่จะมีภูมิประมาณนึง เขาบอก เขาอ่านมาแล้วเขาก็มั่นใจของเขา พอเขาเล่นกับลูกเสร็จเขาก็ขึ้นไปอาบน้ำ แต่อิแม่นั่งเกาะบันไดดูลูกอยู่"

ช่วงนั้นก็มีเรื่องเครียดอีก ฝนไปตรวจร่างกาย แล้วไปเจอเนื้องอกที่หน้าอก?

น้ำฝน : "ใช่ ไทม์มิ่งมันเป็นประมาณว่าหลังจากกลับมาจากอเมริกา เราก็ไปตรวจร่างกายเพราะไม่ได้ตรวจมา 2 ปีแล้วเนื่องจากว่าจิ้มทำลูกอยู่ก็เลยไม่ได้ไปตรวจเลย พอตรวจเห็นหน้าหมอปุ๊บเราก็รู้สึกเลยว่าท่าไม่ดี พอตรวจเสร็จมันก็ต้องไปฟังผล หมอพูดประมาณว่ามันมีก้อนเนื้อตรงหน้าอก หน้าตามันแบบหย่อนๆ ถ้าซีสต์มันจะกลม หรือถ้าเป็นก้อนเนื้ออะไรสักอย่าง มันก็จะเป็นกลมๆ เกลี้ยงๆ เขาจะไม่สนใจ พอเขาบอกเหมือนเห็นเป็นเนื้อหย่อยๆ แล้วเหมือนเห็นเส้นเลือดไปเลี้ยงก้อนนั้น กลับบ้านก็เสิร์ชกูเกิลแบบเละเทะเลย หมออยากให้เจอหมอทรวงอกเดียวนั้นเลย เราก็เลยแบบท่าไม่ดีแล้ว"

ธัญญ่า : "โทรมาทั้งวัน จะเป็นมะเร็งป่ะวะ จะตายไหม ฉันตายไม่ได้ลูกฉันยังเล็ก เราก็เลยบอกฝนอย่าเพิ่งคิดอะไรไปก่อน มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ความเครียดนี่แหละจะทำให้เป็น พี่ก็บอกให้รอเจอหมอก่อน ให้เขาตัดชิ้นเนื้อมาตรวจให้มั่นใจ อย่าไปเครียดก่อน"

น้ำฝน : "พูดง่ายไง เราก็แบบคิด แบบเห็นแต่หน้าลูกลอยมาเลยนะ นั่งจดพาสเวิร์ดทุกอย่างในโทรศัพท์ มีอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง นู่นนี่นั่น เดี๋ยวจะส่งให้แฟน แล้วแบบเหมือนทำพินัยกรรม โอ๊ย…ฉันจะทำยังไง อาการหนักอะ"

เห็นว่าเข้าไปกอดลูกร้องไห้?

น้ำฝน : "กอดลูกแล้วน้ำตาไหล กลัวมากไม่อยากเป็น เพื่อนก็บอกว่าเป็นมันรักษาหาย รู้ว่าหายกูก็ไม่อยากเป็น แล้วมันก็เครียด บวกกับกว่าจะเจอหมอก็อีก 4 วัน พอเจอหมอ หมอก็บอกว่าโอกาสที่จะเป็นมัน 20-30 ก็ยังดูเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ไม่เยอะ แต่เราไม่สามารถทำไบออกซี่ เอาชิ้นเนื้อไปตรวจได้ทันที เพราะเนื่องจากเรากินยาวิตามินฟีดออยมันจะทำให้เลือดเราไม่แข็งตัว ก็ต้องอดอันนั้น 7 วันกว่าจะไบออกซี่ได้ แล้วคิดดู 7 วันนั้น"

เห็นว่าตรวจไบออกซี่หาค่ามะเร็งมันทรมานมาก?

น้ำฝน : "มันทรมานจิตใจดีกว่า คือ 1.ไบออกซี่คือการเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ เขาไม่ได้วางยานอนหลับ ฉีดยาชา แล้วตำแหน่งที่เป็นคือหน้าอก ก็เลยต้องนอนตะแคงแล้วก็ยกแขน หมอก็จะเอาผ้ามาปิดหน้าเรา ฉีดยาชา เราไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่นางพยาบาลเขาจะมาอธิบายให้เราฟังก่อนที่เราจะเข้าไปว่ามันจะเป็นเข้มยาวๆ ทิ่มเข้าไปในนม เสร็จแล้วพอมันตัดมันจะมีเสียงดัง พอตอนตัดมันกระแทกตัว คือตัดประมาณ 10 ชิ้น  ถามว่ากลัวที่เขาทำไหม ไม่กลัว แต่แบบน้ำตามันไหล กลัวจะเป็นอะไร แต่หมอที่ทำ ทำให้เราใจชื่นขึ้นมา เพราะเขาพูดบอกว่าหมอว่ามันดูไม่ใช่นะคะ"

แค่หมอวินิฉัย เห็นว่าพี่เตรียมวิธีรักษา?

น้ำฝน : "ระหว่างที่รอผล 7 วันกว่าจะได้ไบออกซี่ กว่าจะรอผลไบออกซี่ออก ไปหาหลายหมอมาก หมอดู หมอจีน คือทุกหมอว่ามันใช่ไหม ทุกคนก็บอกว่ายังไม่ใช่" 

ที่เราเป็นห่วงคือทาเรียจะมีแม่ใหม่ไม่ได้ แต่สามีจะมีเมียใหม่ได้?

น้ำฝน : "เราคิดอย่างนี้นะ ถ้าสมมติว่าเราเป็นอะไรไป เวลาเราคุยกับเพื่อนมันก็คิดขึ้นมาเองว่า ถ้าเราเป็นอะไรไป อย่างน้อยสามีก็มีแฟนใหม่ได้ อีก 10 คนเขาก็มีได้ แต่ทาเรียเขาคงหาแม่ใหม่ไม่ได้แล้ว แม่เรามีได้แค่คนเดียว เราก็รู้สึกว่าเหมือนเรายังไม่พร้อม เขายังเล็กอยู่ ใจแบบอยากอยู่กับเขาให้เขาอายุ 30 ได้ไหม มันก็หดหู่ นั่งท้อแท้ ข้าวก็กินไม่ลง"

ปีหน้าทาเรีย 5 ขวบจะต้องย้ายไปอยู่อเมริกาแล้ว?

น้ำฝน : "ไม่ใช่ปีหน้า ปีนี้ เชื่อไหมว่าสามีถามบ่อยมาก สรุปแล้วเราเคยคุยกันว่าทาเรีย 5 ขวบแล้วเราจะย้ายแล้วยังไงเราก็เงียบ ฉันว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะอยู่ดีๆ มาคุยแล้วมาแพคของไป มันคงมีอะไรที่ต้องจัดการเยอะ แล้วความนอยด์ฉันจะไปอยู่อเมริการอดเหรอ ไม่น่ารอด หาหมอก็ไม่ได้ คืออยู่ได้แหละ แต่มันต้องสตรองมาก แล้วอยู่นั่นเพื่อนก็ไม่มีให้นอยด์ด้วย" 

ตอนฝนไปอยู่ 1-2 เดือนชีวิตเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม?

น้ำฝน : "เหนื่อยมาก เหนื่อยฉิบหาย"

เห็นว่ามีทะเลาะกับสามีด้วย?

น้ำฝน : "ไม่มีพี่เลี้ยง คือไปมากี่ครั้งไม่รู้ มีพี่เลี้ยงเต็มๆ ครั้งเดียว สบายใจมาก ตื่นเช้ามาได้ออกไปวิ่ง กีต้าร์ดูน้องนะเราไปซุปเปอร์ เหมือนอยู่เมืองไทย เวลาไปเองมันอยู่อย่างนี้ มัน 24 ชั่วโมง ตัวเขาก็แอบติดนิสัยว่าอยู่เมืองไทยแล้วมีพี่เลี้ยง เขาก็จะมีความเคยตัวอะไรบางอย่าง เอาจริงๆ ฝรั่งมาอยู่เมืองไทย สปอยด์เสียนิสัยทุกคน เพราะว่าที่นี่อะไรก็สบาย บางทีเขาชอบบ่นๆ อย่างเดียว เราไปเมืองนอก เราไปอเมริการู้ใช่ไหมว่าเจ็ตแล็กมันทรมานมาก เขาก็พยายามปรับตัวนี้ให้เป็นเวลาปกติให้เร็วที่สุด มันปรับได้ไหม มันยากมาก เนี่ย 9 โมงแล้ว พวกเธอเพิ่งตื่น"

คิดว่าปีนี้ต้องย้ายไปอยู่อเมริกาไหม?

น้ำฝน : "ไม่ชัวร์ 50 : 50 ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า" 

ติดตามรายการคุยแซ่บ Show ได้ทุกวันจันทร์–ศุกร์ 13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

 

\

"น้ำฝน กุลณัฐ" โบกมือลาเมืองไทยเหินฟ้าเช็กอินอเมริกา บ้านสามีสวยน่าอยู่มาก

น้ำฝน กุลณัฐ คุณแม่ลูกสอง โบกมือลาประเทศไทย เก็บกระเป๋าอยู๋บ้านสามีที่ลอสแอนเจลิส อเมริกาแล้ว