"ดู๋ สัญญา" เปิดใจเป็นครั้งแรก ทิศทางรายการ "เจาะใจ" หลัง JSL ประกาศยุติงานบางส่วน
ได้มีโอกาสออกมาพูดถึงเหตุการณ์สุดช็อก! กรณี "เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ประกาศยุติการดำเนินงานบางส่วน" กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก รวมถึงกรณีที่หลายคนจับตามองเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของรายการ "เจาะใจ" สำหรับ ดู๋-สัญญา คุณากร พิธีกรหนุ่มมากความสามารถ วัย 58 ปี โดยเจ้าตัวเผยว่า...
- "เจ เอส แอล" สุดยื้อ! ร่อนจดหมายยุติการดำเนินงานบางส่วน หลังข่าวลือปิดตัวฟ้าผ่า
- "JSL" ยุติงานบางส่วน กว่า 43 ปี ย้อนดูรายการดังในตำนานสร้างความสุขให้คนดู
"ตัวผมเองก็เป็นลูกจ้างชั่วคราวที่ทำรายการ เป็นพิธีกร เป็นผู้ดำเนินรายการ และผมก็สนิทกับทั้งลูกจ้าง รวมถึงสนิทกับทั้งเจ้าของ ซึ่งผมก็ได้คุยกับทั้งสองฝ่าย คือในฝั่งลูกจ้างก็เป็นกระบวนการปกติที่ต้องเรียกร้องสิ่งที่ตัวเองต้องได้ ส่วนฝั่งนายจ้างที่ผมได้ยินมาก็คือมีความยากลำบากในการจัดการการเงินของตัวเอง นั่นคือปัญหาที่เกิดขึ้น"
"สิ่งหนึ่งที่ผมต้องช่วยต่อก็คือ ถ้าหากรายการไหนไปต่อได้ ก็ต้องออกไปทำงานเพื่อให้เกิดการจ้างงานแก่พนักงานที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งก็ไม่เหลือแล้วแหละ จ้างเป็นฟรีแลนซ์แล้วแหละ เพื่อที่มันจะได้เกิดงาน ฝั่งที่ผู้จะต้องจ่ายเงินจะได้หาเงินมาจ่าย แต่แน่นอนฝั่งผู้ที่จะต้องเรียกร้องสิทธิ์ที่ตัวเองควรจะได้รับก็ต้องเรียกร้องครับ ผมคิดว่ามันก็ต้องเป็นแบบนั้น"
"ส่วนตัวรายการเจาะใจ สำหรับผมมันไม่ได้อยู่พ่วงไปกับการเกิดกระบวนการมองไม่ตรงกันหรือปฏิบัติการไม่ตรงกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ตัวรายการเป็นรายการที่มีเนื้อหาในทางดี เป็นการให้ความรู้ เป็นแรงบันดาลใจ จะเป็นประโยชน์จริงๆ สำหรับผู้ที่เคยดูจะเข้าใจ และผมแยกว่าประโยชน์ที่ยังเหลืออยู่ของวงการโทรทัศน์ต้องดำเนินการต่อเพราะมันเป็นส่วนน้อยแล้ว แน่นอนแต่สิ่งที่อยู่รอดจะเป็นความบันเทิงมากกว่า และสื่อโซเชียลฯ จะใหญ่กว่าตลอดเวลา แต่ว่าถ้าวงการโทรทัศน์ยังมีสื่อที่ยังเป็นประโยชน์อยู่ สำหรับผมผมก็จะต้องช่วยให้มันไปต่อได้เท่าที่จะทำได้ครับ"
แสดงว่ารายการเจาะใจยังไปต่อ ?
"ใช่ครับ เจาะใจยังไปต่อครับ ด้วยทีมงานเดิมด้วยนะครับ ทีมงานเท่าเดิม"
ตัวเราเองในฐานะพิธีกรได้รับผลกระทบอะไรบ้าง ?
"ก็มีเรื่องของความไม่สบายใจ เพราะว่า คือ...สมมติฝั่งท่านเจ้าของบริษัท ผมก็บอกท่านว่า 'ถ้าเป็นผม ผมเป็นพนักงาน ผมก็ฟ้องพี่เหมือนกัน' แต่พอเขาเล่าว่าฝั่งเขามีความเดือดร้อนมีความลำบากในเรื่องการเงินมาก ผมก็เห็นใจเขา ผมก็มองว่ากระบวนการที่ต้องเป็นไปในความถูกต้องก็ต้องเกิด กระบวนการช่วยเหลือให้รายการที่ยังดีอยู่ที่ยังไปได้เพื่อให้เกิดการจ้างงาน หรือเพื่อให้เกิดรายได้ที่จะสามารถนำไปจ่ายพนักงานได้ก็ต้องทำ"
"คือถ้ามองจากฝั่งเจ้าของรายการเขาก็บอกว่า 'ถ้าผมไม่ทำมันจะเกิดปัญหา เพราะว่าผมทำมา 30 ปีแล้ว ซึ่งถ้าผมเลิก และเขาเอารายการเดิมแต่เป็นคนใหม่ก็คงดูจะลำบาก' ผมก็เลยบอกว่า 'ไม่เป็นไร ผมจะรักษาคอนเซปต์ของความตั้งใจดีที่ยังมีอยู่ของรายการโทรทัศน์ และจะทำให้มันดำเนินการต่อได้' ครับผม"
"ผมก็หวังนะครับ หวังว่ามันจะเกิดกระบวนการที่มาเจอกันในเร็ววันด้วยนะครับ เพราะผมรู้ว่าใครก็ตามที่ทำงานมา 10-20 ปี ในองค์กรใดองค์กรหนึ่ง พอคุณออกคุณหางานใหม่ไม่ง่าย และบางคนอายุ 30-40 ปี หางานใหม่ไม่ง่าย ฉะนั้นต้องเห็นใจครับ ต้องเร่งกระบวนการให้เขาได้รับสิทธิ์ของตัวเอง เพื่อที่เขาจะได้มีกำลังใจในการมูฟออน"
ตอนที่ข่าวประกาศออกมาเราทราบมาก่อนอยู่แล้วไหม หรือทราบพร้อมๆ กับุทกคน ?
"ผมรู้พร้อมพนักงานเลยครับ แต่ก็ไม่ช็อกนะครับ เพราะจริงๆ สถานะของบริษัทก็เหน็ดเหนื่อยมานาน ได้ยินมาว่าเขาเลย์ออฟคนไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ชัดเจนอยู่แล้ว คือถ้าองค์กรใดค่อยๆ ลดจำนวนคนออกไปเรื่อยๆ ก็พอเดาได้ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะอยู่ๆ วูบเดียว ตกใจทุกคนครับ และก็หวังว่าจะดีขึ้น ผมเชื่อว่าจะดีขึ้นด้วยครับ"