"ชาร์เลท วาศิตา" นิยามคำว่า "นางเอก" ด้วยฝีมือ แง้มหัวใจไม่ปิดกั้นเรื่องรัก
ได้รับโอกาสขึ้นเป็นนางเอกเต็มตัวแล้ว สำหรับนักแสดงสาว ชาร์เลท-วาศิตา แฮเมเนา หลังโด่งดังจากการเป็นนักแสดงเด็ก โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมานานถึง 15 ปี ล่าสุดเจ้าตัวสวยสดใสสมวัย พร้อมรับบทนางเอกละครเรื่องแรก พระนคร 2410 ที่กำลังออกอากาศทาง ช่องวัน 31 ซึ่งเรื่องราวกำลังสนุกสนานเข้มข้นเลยทีเดียว
เมื่อ sanook.com มีโอกาสเจอ ชาร์เลท จึงได้พูดคุยถึงความรู้สึกกับการขึ้นแท่นเป็นนางเอกละคร แถมยังประกบคู่พระเอกรุ่นพี่ ฌอห์ณ จินดาโชติ เป็นครั้งแรกด้วย พร้อมทั้งซอกแซกไลฟ์สไตล์และมุมมองความรัก ของสาวใสวัย 17 ปี ที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อพิสูจน์ฝีมือมาตั้งแต่เด็ก จะเป็นยังไงบ้างไปฟัง ชาร์เลท กันเลย
พระนคร 2410 นางเอกละครเรื่องแรก
“ดีใจและก็เป็นเกียรติที่เขาเลือกเรา และก็มั่นใจให้เราได้ทำบทบาทนี้ พยายามจะทำให้เต็มที่ที่สุด ก็ฝากทุกติดตามและสนับสนุนด้วยค่ะ”
“คือตื่นเต้นกับตัวบทมากกว่าที่แบบว่าเป็นนางเอกนะ เพราะตัวบทค่อนข้างมีความแอดเวนเจอร์ในระดับนึง มีแบบว่าโดดน้ำ มีแบบว่าวิ่งผ่านระเบิดบู๊ ก็เลยรู้สึกตื่นเต้นกับตัวบทบาทตัวคาแร็กเตอร์มากกว่า แล้วก็พยายามทำให้เต็มที่ แฮปปี้ตรงนั้นมากกว่า”
อะไรทำให้ตัดสินใจรับเป็นนางเอกเรื่องนี้
“คือด้วยปกติแล้วเราจะเข้าไปแจมเข้า แต่เนี่ย โนรี ตัวเดียวและทุกเส้นทุกเรื่องโยงเข้ามาที่ตัวละครตัวนี้ ก็เลยรู้สึกว่าตรงนี้เป็นอะไรที่ท้าทาย เนื้อเรื่องแต่ละอันที่เข้ามาไม่ใช่ง่ายๆ เลย มีเป็นแบบบู๊ไปเลย รักไปเลย ตลกก็มา หรือว่าโดดน้ำ ทุกอย่างที่ความแอดเวนเจอร์มันอยู่ในเรื่องนี้ มันท้าทายมีอะไรหลายอย่างมาก ไม่สามารถตอบได้ว่าอันไหนท้าทายที่สุด เพราะรู้สึกว่ามันคืออะไรที่ใหม่แปลกใหม่ไปหมดเลยค่ะ ก็รู้สึกว่าอยากลอง มันเป็นก้าวที่ดีเป็นการรับน้องที่ดี”
เรื่องนี้ประกบ ฌอห์ณ จินดาโชติ โตกว่าเยอะมาก
“โตกว่าชาร์ 17 ปี เท่ากับชาร์หนึ่งคนเกิดได้ คือบางครั้งเราก็อาจจะเกร็งคุยกับผู้ใหญ่ใช่มั้ยคะ เพราะถือว่ามันห่างกันเยอะนะเกือบ 20 ปี เนอะ แล้วก็คาแรคเตอร์จะเขาจะดูสุขุม คาแรคเตอร์เขาจะดู พี่ฌอห์ณ จินดาโชติ นึกออกมั้ย เราก็ดูละครเขามาอะเนอะ เราก็จะเกร็งๆ ในครั้งแรก บอกทุกคนใครก็ตอบว่าเกร็งหมด แต่หนูไม่รู้มันคือจุดไหนที่ทำให้เราแบบ เฮ้ โย สีเหลือง เยลโลว์ แมงโก้ อยู่ๆ เราก็เป็นอย่างนั้น”
“หนูว่าอาจจะเป็นเพราะตัวบทเวลาไปไหน คือทั้งเรื่องมีสองคนนี้ที่เดินไปเรื่อยๆ และทุกอย่างก็เข้ามา เพราะฉะนั้นเราต้องทำงานด้วยกัน เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ซีนที่อยู่คนเดียวน้อยมาก อยู่ด้วยกันเยอะมากก็เลยรู้สึกว่าตรงนั้นมันคงทำให้เราซึมซับไปเรื่อยๆ แล้วบวกกับสาถานการณ์ในฉากแต่ละอันมันไม่ใช่ง่ายๆ ว่ายน้ำ ดำน้ำไปพร้อมกัน ถ้าไม่คุยกันไม่รู้เรื่อง พอเราเริ่มซึมซับเริ่มเล่นด้วยกันบ่อยๆ มันทำให้เราสนิทกันมากขึ้น หนูว่าเราเข้ากันได้ดีมาก เราชอบอะไรเหมือนกัน เราคุยกันรู้เรื่องจริงๆ จากที่เราคิดว่าไม่รู้เรื่องแน่ๆ”
ด้วยอายุไม่ได้ยากในการสร้างความสนิท
“จริงๆ หนูไม่ได้เป็นคนที่มายที่อายุ หนูแค่มายแค่ว่าเราจะทำตัวถูกกาลเทศะมั้ย เราจะน่ารักมั้ย บางทีเราอาจจะพูดเยอะไปหรือเปล่า หรือเราพูดน้อยไปหรือเปล่า หมายถึงนอกฉาก เราควรจะพูดอันนี้มั้ย เขาโตกว่ามันดูไม่มีมารยาทหรือเปล่า มันทำให้เรามากล้าพูดแล้วเราเกร็ง แต่เขาละลายพฤติกรรมชาร์ดีมาก”
“เขาไม่ได้จี้จุดเราว่าแบบเกร็งเหรอ เขาไม่ได้ถาม แต่เขาจะแบบน้องอ่านบทหรือยัง นี่น้องเรียนที่ไหนเนี่ย นี่เราห่างกัน 17 ปี เลยหรือเนี่ยอะไรอย่างเนี่ย ก็รู้สึกว่าตอนแรกมันก็เกร็งๆ ค่ะที่คุยประโยคเหล่านี้ แต่พอมองกลับไปมันก็ตลกดีนะคะ เพราะตอนนี้หนู โย พี่ฌอห์ณขับรถมาเหรอ อย่างเนี่ย เลยรู้สึกว่าเราผ่านมาเยอะจริงๆ ตอนนี้สนิทกันมากกว่าที่หนูคิดด้วยค่ะ หนูแบบเราสนิทกันขนาดนี้เลยเหรอ แต่ว่าแฮปปี้ดีค่ะ”
ฌอห์ณ ถือเป็นพระเอกคนแรกของชาร์เลท
“ถือว่าเขาเป็นคนแรก หนูคงให้เขาเป็นอันดับหนึ่งไปเลย เพราะว่าพอเราต้องเล่นเป็นนางเอกครั้งแรก มันมีหลายๆ อย่างที่เป็นครั้งแรกสำหรับเรา ทุกอย่างมันล้อมรอบตัวเราไปหมด เพราะฉะนั้นการที่เราเกร็งการที่เราแพนิค มันเกิดขึ้นง่ายค่ะ แต่เขาจะเป็นคนที่ทำให้ชาร์สบายใจในทุกครั้ง ทุกซีนที่มีเขาชาร์จะแบบปล่อยจอย ชาร์แฮปปี้ มันเหมือนมีเพื่อนสนิทอยู่ข้างๆ ชาร์รู้ว่าชาร์ทำอะไรเขาซัพพอร์ตแน่ๆ หรือถ้าชาร์ไม่โอเคชาร์แค่มองหน้าเขา”
“เขารู้เลยว่าแบบ อะโอเค น้องไม่แฮปปี้มันไม่สบายใจ มันพูดยาก บางครั้งเราพูดได้ไม่ใช่ทุกเรื่อง แต่หนูไม่ได้หมายความว่าพี่ฌอห์ณคือออกหน้ารับแทน ไม่ใช่นะ แต่เขาทำให้เรารู้สึกสบายใจ เพราะมันทำงานร่วมกัน มันเหมือนเพื่อนสนิทกัน ถ้าเราไม่ไว้ใจเขาเขาไม่ไว้ใจเรา การสื่อสารมันหายมันก็เล่นด้วยกันไม่ได้ ก็เลยรู้สึกขอบคุณและดีใจที่เป็นเขา คุณแม่คือหายห่วงทุกคนคือหายห่วงพอเป็นพี่ฌอห์ณ”
นางเอกเรื่องนี้คาแร็กเตอร์ตรงปก มีสีสันสดใสมากๆ
“คือพอหนูเล่นเรื่องนี้ไป หนูก็ว่า เอ๊ะ มันมีอะไรที่เราไม่ได้ทำอีกนะ มันเยอะไปหมดเลย ดำน้ำหนูก็ดำมาละ ระเบิดหนูก็ระเบิดมาละ กระโดดเหยียบต้นไม้เพื่อไปต่อยคนก็ทำมาละ หนูก็เลยคิดว่า เอ๊ะ มันมีอะไรที่เรายังไม่ได้ทำนะ แต่รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี เราได้ลอง เราได้ทำ ชาร์ว่าเป็นโอกาสเปิดทางที่ดี”
นอกจากการเป็นนางเอกเรื่องแรก มีอะไรที่ทำให้รู้สึกกดดัน
“หนูว่าพอมันมีความสนุกในตัวละครตัวนี้ค่ะ โนรี อะค่ะ หนูเลยไม่อยากให้คนอื่นผิดหวัง ทุกคนจะพูดว่าโนรีเป็นตัวละครที่น่ารักมาก รู้สึกว่าเราเล่นแล้วมันจะไม่น่ารักหรือเปล่า หนูกลัวเขาจะน่ารำคาญเกินไป กลัวเขาจะจุ้นจ้านเกินไป กลัวเขาจะดูไม่งามในบางเรื่อง พยายามจะเฉลี่ยทุกอย่างให้มันเท่ากัน คือมันอยู่ที่เราตีความค่ะ ทุกคนตีความบทต่างกัน บางคนแม้แต่โทนเสียงยังต่างกัน ทุกอย่างมันมีโทนเราสร้างได้ คาแรคเตอร์ทุกคนต่างกันหมด ก็รู้สึกว่ามันอยู่ที่ว่าเราจะหยิบตรงไหนแล้วเอามารวมกันให้สมดุลค่ะ”
เล่นละครมาตั้งแต่เด็ก มองภาพการแสดงออกเกือบทั้งหมด
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่แบบหนูมองในส่วนของหนู แต่ไม่ได้หมายความว่าหนูไม่ได้ดูของคนอื่นนะ คือทุกคนที่เล่นด้วยเป็นนักแสดงที่เก่งหมดเลย เพราะทุกคนโตกว่าชาร์หมดเลย แต่หน้าที่เขาคือทำหน้าที่ตัวละครตัวเองให้ดีที่สุด ชาร์ทำของชาร์ให้ดีที่สุด แล้วเรามาหาตรงกลางที่มันเป็นความสัมพันธ์ของตัวละคร และทุกอย่างมันจะสมูทมาก”
นางเอกเรื่องแรกต้องแบกความกดดัน
“ตอนแรกหนูบอกไม่กดดันนะ แต่พอสัมภาษณ์รู้สึกว่ากดดันเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้กดดันที่คำว่าเป็นนางเอก แต่กดดันที่คำว่าเราต้องเป็นนักแสดงที่ดี มันเป็นก้าวใหญ่ ถ้าพูดตรงๆ มันก็ก้าวใหญ่พอสมควร ก็เลยรู้สึกว่าต้องก้าวอย่างมั่นคงแล้วแบบต้องเตรียมพร้อมในระดับนึง มันไม่ได้หมายความว่างานก่อนหน้านี้ชาร์ไม่ได้ตั้งใจนะ แต่พออันนี้มันมีอะไรที่แปลกใหม่ที่เราต้องลองใหม่ๆ เราเลยต้องตั้งใจมากขึ้น มันต้องพยายามมากขึ้นค่ะ”
คำว่า นางเอก สำหรับชาร์เลท
“ชาร์มองว่ามันขึ้นอยู่กับคน นางเอกของพี่กับนางเอกของชาร์มันคนละคนกัน เรามองคนละแบบกัน แต่ตัวชาร์เองชาร์รู้สึกว่านางเอกคือใครไม่รู้ แต่นักแสดงหรือตัวละครตัวนี้เป็นยังไง นั่นคือสิ่งที่ชาร์สนใจมากกว่า ชาร์ไม่ได้บอกว่าเป็นนางเอกต้องสวย เป็นนางเอกต้องเรียบร้อย โนรี นี่คือเข็ดเลยนะ เรียบร้อยคือไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่ตัวละครมากกว่า ชาร์ไม่ได้จำกัดคำว่าเป็นนางเอกแล้วต้องเป็นยังไง เพราะสุดท้ายสิ่งที่ดีที่สุดคือตัวเราเองค่ะ”
ไม่ได้เอาคำว่า นางเอก มาแบกไว้
“ใช่ มันไม่ได้หมายความว่าพอเราเป็นนางเอกแล้วต้องพัฒนามากขึ้น ไม่ว่าเราจะเป็นอะไรเราต้องพัฒนา เขาให้งานเรามาหน้าที่ของเราต้องทำงานนั้นให้ดี ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้เป็นนางเอกชาร์จะเล่นดี อีกเรื่องนึงไม่เป็นนางเอกชาร์ไม่เล่นละ มันไม่ใช่อย่างนั้น หน้าที่เราคือเป็นนักแสดงต้องทำตัวละครให้ดีที่สุด”
ทำงานเล่นละครมาตั้งแต่เด็ก มองย้อนกลับไปชีวิตเดินทางมาไกล
“ก็เดินมาไกลเหมือนกันนะคะ ถ้ามองกลับไป ตอนนั้นเราอาจจะยังไม่ค่อยรู้ตัวเพราะเราก็ยังเด็กพอสมควร แต่พอโตมาเราจริงจังกับการทำงานมากขึ้น มันเป็นความรับผิดชอบมากขึ้น เป็นวินัยมากขึ้น หนูรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่เกิดขึ้น มันทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้น ประสบการณ์ชีวิตก็มากขึ้นล้วนเป็นข้อดีหมดเลย ก็รู้สึกว่าเดินมาไกลพอสมควร ก็ยังก้าวเล็กๆ และก็มั่นคงมาเรื่อยๆ อยู่เหมือนเดิมค่ะ”
ยังมีผลงานมาตลอด ไม่เคยหายไปจากวงการ
“หนูว่าอาจจะเป็นโอกาสที่เขาให้ค่ะ ขอบคุณผู้ใหญ่ที่ทุกคนเห็นโอกาสแล้วก็ไว้ใจให้หนูได้ทำงาน และหนูว่าความตั้งใจของหนูก็น่าจะมีผลด้วย หนูว่าหนูตั้งใจพอสมควร หนูไม่ได้บอกว่าหนูตั้งใจทำงาน แต่แบบหนูให้ค่ากับสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ได้ทำส่งๆ หนูก็เลยรู้สึกว่าทุกครั้งที่เขาให้งานชาร์มาชาร์เต็มที่ทุกอันเลย เขาหยิบยื่นโอกาสมาให้เรา เขาเห็นเราตั้งใจ แต่ไม่ว่ามันจะเข้ามาน้อยหรือเข้ามามากชาร์ตั้งในหมด”
ถ้าเจอเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่เขามีประสบการณ์น้อยกว่า จะกล้าแนะนำหรือสอนเขาไหม
“เชื่อมั้ยหนูเล่นละครมา 15 ปี หนูยังกังวลกับการทำงานอยู่เสมอเลยนะ ไม่ได้หมายความว่าแบบฉัน 15 ปีนะ ไม่ได้อย่างนั้น เพราะทุกตัวละครที่เจอมันคนละตัวหมดเลย ทุกอย่างมันใหม่ มันไม่ได้ถึงขั้นเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่เราต้องทำการบ้านใหม่ การทำงานอาจจะเป็นระบบเดิม มันก็ยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่เราไม่รู้”
“เวลาเจอเด็กที่ใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาบางครั้งมันก็ดูออกว่าคนนี้ตั้งใจ คนนี้ไม่ตั้งใจ เพราะรู้สึกว่าจุดประสงค์ของคนที่เข้ามาในวงการบันเทิงต่างกัน บางคนอาจจะเข้ามาเพราะอยากมีชื่อเสียง เรื่องของเขา อันนี้แล้วแต่คน มันอยู่ที่คน บางคนอยากจะเข้ามาเป็นนักแสดงที่ดี บางคนอยากเป็นนักร้อง ทุกคนมีความชอบ ทุกคนมีเป้าหมายที่ต่างกัน”
“แล้วเวลาเราเห็นเด็กที่พยายามรู้สึกว่าแบบ อืม เก่ง สู้ๆ ถ้าเราพยายามอะไรเราจะได้กลับมา เพราะตัวเราเองเราก็ยังเดินอยู่ หนูก็ยังเป็นอีกคนที่ยังเดินอยู่ หนูก็ไปบอกเขาไม่ได้หรอกว่า เดินอย่างนี้ๆ เพราะเราก็ยังทำอยู่ แต่สิ่งที่เราทำได้คือให้กำลังใจเขา ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าแบบ ฉันรุ่นพี่นะ ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยค่ะ เราไม่รู้ทุกอย่างบนโลกนี้มันก็มีบางเรื่องที่เราไม่รู้”
ผ่านประสบการณ์มาเยอะ มีวันหมดที่แพชชั่น
“บางครั้งมันอาจจะอยู่ในจุดที่อิ่มตัวในบางครั้ง พอทุกอย่างมันเข้ามาพร้อมกัน และเราพยายามทำทุกด้านให้ดี มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะทำทุกอย่างในชีวิตให้ดี ทุกคนมีขึ้นมีลงแล้วแต่ดวง ไม่รู้เหมือนกัน แต่แบบมันก็ต้องมีทั้งขึ้นและลง มันอยู่ว่าเราจะยอมรับมันได้หรือเปล่า ถ้าจุดที่ลงถ้าคนเรามันลงไปเรื่อยๆ มันมีทางเดียวคือต้องขึ้นอีกรอบนึง ถ้าเราลงไปสุดแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้กดดันตัวเองอะไรขนาดนั้น ทุกอย่างมีขึ้นมีลง พยายามทำให้มันดีที่สุด ให้มันเต็มที่พอ ไม่ต้องเป๊ะต้องเพอร์เฟคทุกอย่าง มันจะเหนื่อยเราเปล่าๆ ”
ยังมีอะไรในวงการบันเทิงที่อยากจะทำอีก
“อยากเต้นค่ะ อยากเป็นนักเต้นในบางครั้ง ส่วนเรื่องการร้องเพลงคือมันไม่ได้ ไม่ได้แบบไม่ได้ แต่แค่มันเป็นจุดที่เรายังไม่ได้เปิดประสบการณ์ตัวเอง ยังไม่เคยเรียน ยังไม่เคยแบบจริงจัง มันเขินๆ ด้วยแต่ไม่ได้แอนตี้ว่าแบบจะไม่ร้องๆ ไม่ได้ขนาดนั้น ติดต่อได้ค่ะ เป็นแค่ในอีกหนึ่งสิ่งที่เราไม่ได้ลอง เรายังไม่ได้พยายามขนาดนั้น ก็เลยแบบยังไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเราร้องไม่ได้ ในอนาคตถ้าได้เรียนสัญญาว่าจะพยายามค่ะ”
เป็นสาวยุคใหม่วัย 17 ปี แต่ไม่ติดโซเชียล
“ต้องบอกก่อนว่าเพิ่งมาเล่นโซเชียลค่ะ ตอนแรกเป็นคุณแม่ดูเพราะว่าไม่อยากเล่นเอง ชาร์รู้สึกว่าไม่เข้าใจในบางมุมของโซเชียล หมายถึงว่าก่อนที่จะมาเล่นอันนี้ก็มีเล่นของตัวเอง ตอนครั้งแรกที่แบบแม่แบบ อะ ชาร์เลทเล่นไอจี เราลงรูปตัวเองให้ใครดูอะ นี่เป็นคำถามที่ถามอันแรก คือเป็นคนที่เขินในระดับนึงด้วยค่ะ เวลาลงรูปที่เราแบบลงแล้วคนเขียนว่า ปังมาก เริ่ดมาก หื้ย มันขนลุกอะ แต่เวลาลงรูปบ้าบอหนูมั่นใจ”
ตอนนี้เข้าใจแล้วทำไมต้องโพสต์รูปในไอจี
“เพราะหนูหางานอยู่ (หัวเราะ) โซเชียลมันค่อนข้างมีผลนะถ้าพูดตรงๆ ในสมัยนี้ มันเป็นจุดที่เราจะได้โชว์ความเป็นตัวเองออกไปว่าเราเป็นยังไง ถ้าอยากรู้ว่าชาร์เป็นยังไงให้ไปดูรูปที่มันบ้าบอ อันนั้นคือชีวิตจริง ส่วนมากจะมีงานอยู่มากๆ ในแอคเคาท์ของชาร์แต่ว่าอันไหนที่บ้าบอกระโดดโลดเต้นก็คือตัวชาร์เอง พยายามจะใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปนะคะ แต่ว่ามือใหม่ระดับนึงค่ะ”
“แล้วก็หนูรู้สึกว่าเราแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโซเชียลเลยนะ ถ้าเอาดีๆ แล้วอะ เราเล่นเพื่อความสนุกเท่านั้น บางครั้งเรารู้เท่าไม่ถึงมันเลย หนูอาจจะบ้าไปเองเวลาดูหนังเรื่องโซเชียล มันน่ากลัวนะ ถ้าเราใช้มันไม่ถูกวิธี ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นเส้นบางๆ มากที่เราจะก้าวไปอันที่ไม่ถูกต้อง มันทำให้เราหลุดได้ง่ายมาก รู้สึกว่าบางครั้งไม่อยากหลุด ไม่ได้แอนตี้นะ ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แค่รู้สึกว่าถ้ามันผิดแค่นิดเดียวมันจะอยู่ตรงนั้นไปตลอด โซเชียลมันจะอยู่กับเราไปตลอดเลย ตอนนี้กลับมาเคลื่อนไหวแล้ว ติดตามได้ที่ @charlettewasiiita นะคะ ไอจีหนูเองก็เคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆ นะคะ”
โตเป็นสาวเริ่มมีเรื่องความรักเข้ามาหรือยัง
“ก็ตอนนี้รักตัวเองนะคะ มุ่งแต่งานและก็การเรียนค่ะ คือถ้าให้ตอบปกติทั่วไปไม่ปิดกั้นค่ะ ถ้าพูดตรงๆ มันก็เป็นวัยพอสมควร หนูแค่ไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นอันดับหนึ่ง เพราะตอนนี้แค่ตื่นไปทำงานพรุ่งนี้เช้าเป็นเรื่องใหญ่มากแล้ว แค่เรียนให้ทันมันก็เป็นเรื่องใหญ่มากแล้ว ทุกอย่างมันค่อนข้างล้นมือในระดับนึงแล้ว ก็เลยไม่ได้แบบต้องมีแฟน ไม่ได้เป็นอันดับหนึ่งที่เราตามหา แต่ว่าถ้าเข้ามาก็คือเรื่อยๆ ไม่ได้แอนตี้ ไม่ได้มีแฟนไม่ได้ ก็เฉยๆ ค่ะกับเรื่องนี้”
ที่ผ่านมาก็มีหนุ่มๆ เข้ามาจีบบ้าง
“มันก็มีบ้างตามวัย แต่ก็เรื่อยๆ ค่ะ มันมีเพื่อนที่โรงเรียนด้วย ไม่ได้หมายความว่าหนูไม่เล่นโซเชียลขนาดนั้น แต่แค่แบบตอนแรกเราไม่ได้เปิดสาธารณะไงคะ เราปิดเป็นส่วนตัวเอาไว้ก็มีเพื่อนในชั้นเรียน มีคนในโรงเรียน มีรุ่นพี่รุ่นน้องอะไรอย่างเนี่ยค่ะ ถามว่าอยู่ที่โรงเรียนเป็นสาวฮอตมั้ย ไม่นะคะ หนูเป็นคนค่อนข้างเข้าถึงยากในระดับนึง พอเราทำงานด้วยเราไม่ได้ไปโรงเรียนทุกวัน เราจะไม่มีเวลาให้เขาว่าง่ายๆ บางครั้งอาจจะต้องใช้คนที่เข้าใจหน่อย ยังโสดค่ะ(หัวเราะ)”
มีหนุ่มคนไหนสู้ไหม เธอไม่มีเวลาฉันก็จะจีบ
“ยังไม่ค้นพบนะคะ แต่ว่าก็เข้ามาได้ค่ะ (หัวเราะ) อันนี้หนูขายขำนะ หนูไม่ได้พูดจริงๆ นะ แต่ว่าถ้าคุยแล้วเข้าใจก็คือต่อไปเรื่อยๆ ถ้าคุยนิดเดียวไม่เข้าใจชาร์ก็ออกแล้ว อายุมากกว่าน้อยไม่สนใจหนูว่ามันอยู่มาความคิดเขา ว่ามันเข้ากันได้หรือเปล่า คุยกันรู้เรื่องมั้ย ส่วนมากน่าจะเป็นคนที่โตกว่าในระดับนึง เพราะว่าเวลาทำงานบางคนจะแบบถ่ายละครดึกขนาดนี้เลยเหรอ เราต้องทำงานเยอะขนาดนี้เลยเหรอ เขาอาจจะไม่เข้าใจ มันก็เลยอาจจะเป็นปัญหาบ้างนิดหน่อย ถ้าเป็นคนที่เข้าใจในการทำงาน เข้าใจในสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ชาร์ก็ว่าน่าจะโอเค”
หนุ่มในสเปคของชาร์เลท
“ไม่มีค่ะ แล้วแต่ได้หมดเลย ส่วนมากจะดูที่ข้างในที่ความรู้สึก เพราะชาร์รู้สึกว่านั่นคือสิ่งที่เราต้องอยู่ไปเรื่อยๆ ภายในของคน ความคิดของคนนั่นคือสิ่งที่เราต้องอยู่ด้วยกัน นั่นคือเหตุผลที่เราคุยกันก็เลยมองที่ข้างในมากกว่า หนูก็ยังเด็กนะแต่ไม่ได้คิดว่าเด็กแล้วห้ามมีแฟน แต่ด้วยงานของเราอย่างที่บอกแบ่งเวลายากจริงๆ ค่ะ”
มุมมองความรักของสาววัย 17 ปี
“หนูค่อนข้างมองไม่ได้ไกลถึงแต่งงานขนาดนั้น แต่ว่าคนที่เข้าใจคือสำคัญที่สุด ชาร์มอง ถ้าสมมติจะมีแฟนจริงๆ ชาร์มองเขาเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นคู่ได้เลย เขาต้องเป็นทุกอย่างให้ได้ สำคัญของชาร์ต้องเป็นคนที่ชาร์พูดได้ทุกเรื่อง เป็นคนที่ไม่ตัดสินกัน เราฟังซึ่งกันและกัน ไม่ได้หมายความว่าต้องการคนแบบนี้นะ แต่ว่าถ้าเราคอนเนคกันมันคือโอเคเลย อยู่ด้วยกันเข้าใจเขาเข้าใจเรา มันไม่ใช่เราให้เขาห้าสิบ เขาให้เราห้าสิบ มันคือเราให้เขาร้อย เขาให้เราร้อย”
เป็นสาวขาลุยจีบก่อน หรือต้องรอให้เขาเข้ามาจีบ
“ไม่เลยค่ะ เป็นคนขี้อายมาก ต่อให้หนูชอบเขาเป็นปี ถ้าเจอคนที่ชอบจะไม่คุย จะเงียบ จะนิ่ง จะเห็นได้อย่างชัดเจน จะไม่พูดฉันชอบเธอ ไม่พูดๆ เก็บไว้คนเดียวจริงๆ เพราะบางครั้งหนูรู้สึกว่า เรายังไม่รู้ทั้งหมดความรู้สึกของตัวเอง บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าเราชอบเขาหรือเปล่า มันยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นเราไม่อยากพูดไปก่อน พอทุกอย่างมันเปลี่ยนไปมันยากละที่จะแก้ อยากให้ชัวร์พอสมควรแล้วค่อยพูดค่ะ”