เปิดหัวใจ "ชิปปี้ ศิรินทร์" รักครั้งนี้มั่นคงไม่โอ้อวด ตื่นเต้นจับไมค์มีซิงเกิลแรก
ผันตัวเป็นนักแสดงอิสระเต็มตัวแล้ว สำหรับนางเอกสาว ชิปปี้-ศิรินทร์ ปรีดียานนท์ ทำให้มีโอกาสเลือกรับงานได้หลากหลายมากขึ้น ล่าสุดเจ้าตัวขอลองจับไมค์โชว์เสียงร้อง ปล่อยซิงเกิลแรกในชีวิต คู่ชิป แถมยังเปิดตัวเป็นศิลปินเบอร์แรก ภายใต้สังกัดค่ายเพลงน้องใหม่ โรด รันเนอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ อีกด้วย
เมื่อ sanook.com มีโอกาสได้เจอ ชิปปี้ จึงได้พูดคุยถึงความรู้สึกหลังได้มาจับไมค์เป็นนักร้อง มีผลงานเพลงซิงเกิลแรกเป็นของตัวเอง รวมถึงเหตุผลที่เลือกผันตัวมาเป็นนักแสดงอิสระ พร้อมทั้งเผยมุมมองความรักครั้งใหม่ เน้นเรียบง่ายไม่หวือหวาเหมือนที่ผ่านมา
ทำตามฝันปล่อยซิงเกิลแรกในชีวิต “คู่ชิป”
“จริงๆ มันก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่มันก็ไม่ใช่ฝันที่ยิ่งใหญ่อะไรเพราะเหมือนเราก็เป็นนักแสดง เราก็คงเป็นแค่นักแสดงแหละ คงไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นนักร้อง แต่วันนี้ก็ได้มีโอกาสเป็นนักร้องแล้วนะคะ ก็ตื่นเต้นและสนุก มันก็เป็นอีกเวย์นึงที่เราไม่เคยทำ แล้วพอได้ทำแล้วก็รู้สึกว่ามันใหม่มาก มันก็เลยมีแพชชั่นเยอะ”
จุดเริ่มต้นเข้าสู่วงการเพลงของชิปปี้
“ได้รู้จักกับพี่โรจน์ ก็เป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ โรด รันเนอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ค่ะ ค่ายที่ชิปอยู่ใช่มั้ยคะ แล้วเขาก็แบบทำไมไม่ลองมีซิงเกิลเป็นของตัวเองบ้าง แล้วทีนี้พี่อัทธ์ Yes'sir days เขาก็ได้เขียนเพลงมาให้หนู ช่วยกับพี่ติ๊ก Playground แล้วพอชิปฟังครั้งแรกชิปก็ชอบเลย มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้สึกว่า โอเค ฉันต้องมีซิงเกิลเป็นของตัวเองแล้วแหละ”
พอได้ฟังเพลงของตัวเองครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง
“ชิปว่ามันเป็นใสใส แล้วชิปก็เป็นคนร่าเริงสนุกๆ แล้วเพลงมันก็เป็นแบบแนวนั้น คือความหมายมันจะเป็นฟีลแอบรัก แอบชอบ อยากให้เป็นคู่จริง พอฟังแล้วเรารู้สึก เออ เราชอบมาก”
เป็นศิลปินเบอร์แรกกับค่ายเพลงใหม่กดดันไหม
“ไม่นะคะ คือจริงๆ เราก็มีประสบการณ์แต่ไม่ใช่แบบซิงเกิลนะ แต่มันเป็นเหมือนเพลงประกอบละครเฉยๆ แล้วพอมาทำก็รู้สึกสนุกไม่ได้กดดันอะไร ทุกคนในค่ายก็คือชิลด้วยแหละ”
ได้มาสัมผัสการเป็นศิลปินนักร้องเต็มตัว
“ก็ดีนะคะ เหมือนเราได้ออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยของเรา แล้วเราก็รู้สึกว่าเหมือนพอเราทำอะไรอย่างเดียวมานานๆ เราก็จะเหมือนหยุดอยู่แค่นั้น พออันนี้เราได้ทำอะไรในอีกหน้าที่นึง มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่ามันมีอะไรอีกที่เราทำได้บ้าง นี่ก็เป็นน่าจะเป็นอย่างแรกที่ชิปออกมาพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง ที่ออกมาทำอย่างเต็มตัวกับค่ายโรด รันเนอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์”
กว่าจะตัดสินใจก้าวออกมาจากเซฟโซนของตัวเองยากไหม
“เอาจริงก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น พอเราได้เป็นตอนนี้ชิปเป็นฟรีแลนซ์แล้ว เราก็ได้ออกไปลองเล่นละครอื่นๆ แล้วพอเรามีโอกาสที่จะทำเพลงเราก็เลยคิดว่าแบบไม่ต้องคิดเยอะเลยค่ะ ก็ลุยเลยค่ะ”
มีส่วนร่วมอย่างไรบ้างกับเพลงนี้
“จริงๆ ชิปมีพาร์ทที่เป็นภาษาอังกฤษนิดนึง พอพี่เขาส่งตัวเพลงมาให้ฟัง เราก็แบบอยากมีแร็ปตรงนี้ เราก็ลองเขียนดูแต่ก็ยังไม่ได้ลองให้พี่เขาฟัง เพอเราไปเขาห้องอัดชิปบอกว่า เออ พาร์ทนี้เราเป็นแบบนี้ๆ ได้มั้ย แล้วพี่อัทธ์ก็บอกงั้นลองอัดเลยแล้วกัน พออัดเลยพี่อัทธ์ก็เลยบอกว่าเอาเลย เราก็เลยแบบจริงเหรอ อย่างท่าเต้นจริงๆ มีคนคิดให้ แต่ชิปก็มีปรับนิดหน่อยให้รู้สึกว่ามันเข้ากับตัวเองมากขึ้น”
คาดหวังขนาดไหนกับซิงเกิลแรกในชีวิต
“ก็ถ้าพูดตรงๆ ทุกคนทำอะไรก็อยากให้มันดีอยู่แล้ว ก็อยากให้คนฟัง คนชอบ คนเต้นกันเยอะๆ เพราะตอนนี้ชิปก็มีชาเลนจ์ในติ๊กต็อก คู่ชิปชาเลนจ์ ให้คนมาเต้นท่าเต้นของเราด้วย ซึ่งมันเป็นเพลงน่ารักๆ ท่าเต้นก็น่ารักๆ เราก็อยากให้คนฟังแล้วชอบ ฟีดแบคก็ดีนะคะ เราเพิ่งออกมาประมาณอาทิตย์กว่า หลายคนก็พิมพ์มาบอกชอบเพลงยูมากเลย เพลงน่ารักอะไรอย่างเนี่ย”
ถือว่าเราทำงานในวงการครบทุกด้านหรือยัง
“รู้สึกว่ายังไม่ได้ครบทุกด้านหรอก ว่าก็รู้สึกว่าในฐานะนักร้องก็ยังมีหลายอย่างให้ต้องพัฒนา แล้วก็มีหลายอย่างที่อยากลอง แนวเพลงก็มีเยอะจะตาย เหมือนแนวละครก็มีตั้งหลายแบบ แนวเพลงก็มีหลายอย่างที่ชิปไม่ได้ลอง ถ้าชิปอยู่ตรงนี้นานพอ ชิปก็อาจจะมีโอกาสทำเพลงแนวอื่นๆ”
ตั้งใจอยากเป็นนักร้องมีเพลงออกให้ฟังกันเรื่อยๆ
“คือชิปก็ยังตอบไม่ได้หรอก แต่ว่าตอนนี้ก็รู้สึกว่าทำแล้วมันก็สนุก แล้วมันก็ยังตื่นเต้น แล้วก็รู้สึกเอ็นจอยกับมัน ถามว่าชื่นชอบเพลงแนวไหนเป็นพิเศษ จริงๆ เป็นคนชอบฟังเพลงหลายอย่างอยู่แล้ว ฉะนั้นเวลาเราร้องเราก็พยามร้องเพลงหลายๆ แบบ ก็คงอาจจะไม่ได้สติ๊กว่าจะต้องร้องเพลงแบบนี้แบบเดียว”
มิวสิกวิดีโอเพลงนี้ได้ เพื่อน คณิน มาเป็นพระเอกให้ด้วย
“ก็คือเหมือนแบบด้วยแฟนๆ จากละครก็ชิปเราสองคนคู่กัน พอมีเพลงนี้ ซึ่งคู่ชิปมันชื่อเหมือนชิปด้วยไง มันก็เลยเป็นเพลงแรกของชิปด้วย แล้วเราก็เลยคุยกับพี่เพื่อน แล้วพี่เพื่อนก็โอเคมาเล่นให้ มันก็เลยตรงกันทุกอย่างคอนเซ็ปต์ใดๆ ”
ทำไมถึงตัดสินใจผันตัวเป็นนักแสดงอิสระ
“เหมือนชิปรู้สึกว่าชิปก็โตขึ้นแล้ว ตอนนี้ชิปก็แบบ 29 แล้วนะ ก็โตแล้ว ชิปยังมีหลายๆ อย่าง หลายๆ โอกาสที่ชิปรู้สึกว่าชิปน่าจะลองทำดูก่อนที่ชิปจะโตไปมากกว่านี้”
“ถามว่าเป็นอิสระแล้วรู้สึกเคว้งคว้างมั้ย ไม่ค่อยรู้สึกแบบนั้นนะ เหมือนจริงๆ แล้วชิปก็เป็นคนรู้สึกแบบ อะไรเข้ามาก็เข้ามา ชิปรู้สึกไม่ได้มีอะไรต่างกันเลย มีแต่แบบเหมือนมันจะเปิดมากกว่าให้งานต่างๆ มันติดต่อมาง่ายขึ้น เหมือนแบบใครก็ติดต่อได้ ไม่งั้นมันก็จะอยู่ที่ที่เดียวอะไรอย่างเนี่ย”
เป็นนักแสดงอิสระอาจจะไม่ค่อยได้รับบทนางเอกแล้ว
“ชิปไม่ติดอะไรเลย ไม่ได้ติดคำว่านางเอกอะไรเลย แค่รู้สึกว่าถ้าเราเล่นแล้วเราสนุกเราก็โอเค จริงๆ เล่นร้ายก็ได้ด้วยซ้ำไม่ติด จริงๆ เรื่องที่เพิ่งเล่นไปก็ไม่ได้นางเอกจ๋านะ ก็แรงนะ ก็สนุก ชอบ ถ้าเรามีสังกัดเขาก็จะแบบวางคาแร็กเตอร์เราให้เป็นแนวนี้ โดยที่เราอาจจะไม่มีโอกาสเลือก แต่พอเป็นฟรีแลนซ์เราก็สามารถเลือกได้ ว่าเราอยากลองเล่นแบบไหน อยากลองทำแบบไหน มันก็เปิดโอกาสให้ตัวเองมากขึ้น”
การเป็นนักแสดงอิสระมีความหลากหลายกว่า คิดว่าตัวเองตัดสินใจช้าไหม
“ไม่นะ ชิปว่ามันก็เป็นจังหวะเวลาของแต่ละคนด้วยแหละ หนูรู้สึกว่าถ้าเป็นก่อนหน้านี้หนูอาจจะไม่รู้ก็ได้ แต่ตอนนี้ก็รู้สึกว่าไม่ได้คิดว่าถ้าก่อนหน้านี้จะเป็นยังไง ก็แค่โฟกัสว่าตอนนี้เป็นยังไง ไม่ต้องคิดย้อนไปหรือคิดไปข้างหน้า คิดแค่ตรงนี้ก่อน”
ความรักครั้งใหม่ไม่อยากเปิดตัวเหมือนรักครั้งก่อน
“อันนี้ก็กล้าพูดนะ มันอาจจะเป็นคู่ของเราตอนนั้นแหละ เหมือนความต้องการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เรารู้สึกว่าแบบนี้ของเราก็สบายใจดี”
ด้วยวุฒิภาวะหรือเปล่าที่ทำให้เราลดความหวือหวาลง
“ก็อาจจะ ชิปอาจจะเป็นเพราะโตขึ้นด้วย ถามว่าอยากอยู่ในกระแสตอนมั้ย ก็ไม่นะ คือหมายความว่าแค่รู้สึกว่าความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าเกิดว่าเราแฮปปี้กับสิ่งที่มีอยู่ มันไม่จำเป็นต้องมานั่งถ่ายรูปถ่ายวิดีโอลงตลอด ก็นานๆ ทีมีให้ดูน่ารัก ให้รู้ว่าฉันไม่โสดแค่นี้ก็พอแล้ว”
มุมมองความรักครั้งนี้เป็นอย่างไร
“ครบกันมา 1 ปีแล้วก็ดีนะคะ ก็รู้สึกว่ามันมั่นใจ มันเหมือนเป็นพลังบวกให้กัน แล้วก็ไม่ต้องพยายามอะไรเยอะ เหมือนก็รู้ว่าก็คงมีความสัมพันธ์นี้อยู่ไปยาวๆ อะไรอย่างเนี่ย”
เขาเข้าใจที่เราเลือกจะไม่เปิดตัว
“เข้าใจค่ะ คุยกันทุกเรื่องเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าต้องโชว์ใคร คือเหมือนทุกวันนี้เราแค่แบบเห็นคนอื่นทุกคนทำไม่ได้แปลว่า เราจะต้องทำ ชิปไม่ได้โฟกัสว่ามีอะไรแล้วต้องโชว์ให้คนอื่นดูตลอด ยิ่งโตขึ้นยิ่งรู้ว่ามันไม่สำคัญเลยกับการโอ้อวด”
คนนี้ถือว่าตรงสเปคเลยไหม
“ไม่ตรงเลย แต่ว่ามันทำให้เรารู้สึกแบบ เออ เติมเต็ม คือจะมีความคล้ายๆ พ่อหนู แล้วตอนเด็กๆ ก็จะแบบ โอ้ย ถ้าคล้ายพ่อฉันไม่เอาหรอก สรุปแฟนตอนนี้ก็คือแบบมีความคล้ายพ่อ นิสัย บอกไม่ถูกอะ แต่เรารู้สึกมันเป็นฟีลลิ่งเดียวกันกับพ่อ อาจจะไม่ได้เหมือนพ่ออะไรอย่างนั้น แต่มันทำให้เรานึกถึงพ่อ เขาก็เข้ากับพ่อเราได้ด้วย พี่สาวกับแม่ชอบแซวว่าคล้าย”
พอเราไม่หวือหวาทำให้ความรักมั่นคงขึ้น
“มันทำให้เรายิ่งโฟกัสในสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าสิ่งที่เราเลือกที่จะโชว์มากกว่า เขาเข้าใจมากเลย เขาแบบโอเคเลยชิล เขาไม่ได้เป็นคนในวงการฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเป็นบางคนอยู่แล้ว เขาไม่ได้สนใจจะเปิดหรือไม่เปิด ก็เลยไม่ได้จำเป็นที่จะต้องบอกว่าคนนี้เป็นใคร พอถ้าเกิดว่าเราเปิดไปคนอาจจะไปอยากรู้เรื่องเขา แล้วเขาอาจจะรู้สึกไม่โอเคก็ได้ ซึ่งเขาโอเคกับชีวิตเขาแบบนี้”
ความรักเป็นกำลังใจให้เราขนาดไหน
“แค่รู้สึกไม่ได้มีเรื่องที่จะต้องคิดมาก หรือว่ากังวลเกี่ยวความสัมพันธ์สักเท่าไหร่ มันทำให้เรายิ่งโฟกัสกับงานหรือสิ่งที่เราทำตอนนี้ได้มากขึ้น พอเหนื่อยก็มีเพื่อนที่คุยหรือมีคนที่ปรึกษาให้ซัพพอร์ตตลอด ทำให้รู้สึกว่าหรืออันนี้คืออาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่ต้องการมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยเจอ”