"หนิง ปณิตา" ขอจบปัญหาด้วยการหย่า อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่อยากเกลียดกัน
หนิง ปณิตา เปิดใจครั้งแรกปมเลิกสามี จิน จรินทร์ หลังมีภาพหลุดคล้ายฝ่ายชายควงสาวบินไปฮ่องกง
ก่อนหน้านี้ หนิง ปณิตา ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการคุยแซ่บ Show หลังจากมีข่าวลือข่าวหลุดเป็นภาพของชายหนุ่มหน้าตาคล้าย จิน จรินทร์ สามีหนิง ควงสาวไปฮ่องกง และมีประเด็นโยงไปถึงนักแสดงสาว เข็ม รุจิรา ที่เธอคือเพื่อนสนิทของฝ่ายหญิงที่ถูกโยง เรื่องราวดังกล่าว และ เข็ม ก็ได้ออกมาเคลียร์ในส่วนของตนเองแล้วโดยบอกว่าไม่ทราบเรื่องรายละเอียดรู้เท่ากับทุกคน
ล่าสุด หนิง ปณิตา ได้ออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นร้อนดังกล่าวโดยบอกว่าจะเป็นการพูดครั้งเดียวให้จบไม่ให้เกิดคำถามอีกแล้ว โดยมี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรสัมภาษณ์ในทุกประเด็น
หลายๆ คนคงรู้สึกว่ามานั่งสัมภาษณ์ในรายการ เราต้องเข้าข้างพี่หนิงแน่ๆ ซึ่งจริงๆ แล้วมันคือการชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน แล้วได้ยินจากปากพี่หนิง?
หนิง : ก่อนอื่นต้องบอกว่าการที่มาสัมภาษณ์วันนี้ หนิงได้มีการพูดคุยและปรึกษากับณิรินแล้ว ซึ่งณิรินก็เป็นเด็กที่พร้อมจะเข้าใจ แล้วตัวเราเองจะเลี้ยงลูกบายจิตแพทย์ มีการพูดคุยกันเป็นขั้น เป็นตอนเรียบร้อย แล้วก็ตกผลึกกันแล้วว่าการสอนลูกจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และแก้ปัญหาจากเรื่องจริง น่าจะเป็นสิ่งที่ดีทีสุดสำหรับณิรินด้วย
ก่อนหน้านี้มันมีกระแสตั้งแต่ต้นปีแล้ว มันเป็นเรื่องของคนนี้หรือเปล่า แต่ตอนนั้นพี่หนิงออกมาตอบแล้ว แต่เหมือนยังไม่เคลียร์ แต่บ่าสุดสิ่งที่พี่หนิงโพสต์ยาวๆ ตอนนั้น ตัดสินใจยังไงถึงได้โพสต์?
หนิง : ต้องบอกว่าสภาพจิตใจเรา เห็นเราเป็นแบบนี้ ขออนุญาตใช้คำว่าเราพยายามสตรองมากกว่า แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นคนสตรองเลย ก็โพสต์ออกไปแบบนั้น
ตัดสินใจนานไหม?
หนิง : ก็นานนะ คือถ้าเมื่อก่อนทำอะไรปุ๊บ คิดปุ๊บทำปั๊บทันที แต่เดี๋ยวนี้คิดปุ๊บ เขียนเสร็จ ก็จะนั่งถอยเวลามา ผ่านไป 2-3 ชั่วโมงรู้สึกยังไง ผ่านไปหนึ่งวันครึ่งรู้สึกยังไง คือความรู้สึกถ้าเราตัดสินใจเลย ณ โมเมนต์นั้นมันจะเป็นอีกแบบ หลังๆ หนิงจะเป็นคนที่ทำอะไรช้ามาก ดึงจนบางทีบางคนไม่เข้าใจว่าดึงอะไร แต่เมื่อตัดสินใจทำแล้วขอให้มันเกิดข้อผิดพลาดได้น้อยที่สุด
เหตุผลอะไรที่ทำให้หนิงตัดสินใจโอเคฉันพร้อม จะออกมาพูดแล้ว?
หนิง : มันเริ่มกระทบแล้วลามไปคนรอบๆ ข้าง เราคิดว่าเรื่องนี้เราน่าจะเคลียร์หลังบ้านได้ แต่มันได้เคลียร์หลังบ้านมาประมาณนึงแล้ว แต่มันไม่สำเร็จ พอมันไม่สำเร็จปุ๊บ มันก็ไม่ควรจะมีข่าวหรือมีเรื่องเกิดขึ้นอีก แต่ข่าวมันเกิดขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เรานิ่งนอนใจแบบนี้ การตัดสินใจเรื่องครอบครัวมันเป็นเรื่องใหญ่ แล้วตัวหนิงเองข้อผิดพลาดในชีวิตหนิง หนิงเป็นคนตัดสินใจเร็ว หนิงเป็นคนชัดเจน หนิงเป็นคนแรง ใจร้อน คือผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด ตลอดชีวิตการใช้ชีวิตแต่งงานของหนิงหลายๆ เรื่อง ต้นเหตุหนิงไม่ผิด แต่จบด้วยหนิงเป็นคนผิดทุกครั้ง เพราะหนิงขาดสติ ใช้อารมณ์ ไม่ฟังเหตุและผล แล้วมันเป็นปมในใจหนิงเสมอตลอด หนิงพยายามที่จะแก้ไขตรงนี้ เพราะวันนี้หนิงกำลังต้องสอนเด็กคนหนึ่ง นั่นคือลูกหนิงให้เป็นคนที่ใช้ชีวิตในสังคมที่มันเกิดอะไรก็ไม่รู้ทุกวันนี้ หนิงแข็งแรงต่อหน้าทุกคน แต่เวลาที่หนิงถอยไปอยู่คนเดียว คนใกล้ตัวจะเห็นว่าหนิงเป็นยังไง ฉะนั้นถ้ามันสุดแรงเอื้อม หนิงขอจบปัญหาเองดีกว่า
ตลอดที่แต่งงาน 10 ปีพี่หนิงใช้ชีวิต หรือปรับกับมันเยอะแค่ไหนถึงมาจุดนี้?
หนิง : เยอะมากทุกวิถีทาง จากหนิงเป็นผู้หญิงทำงานแล้วกลับบ้าน ถ้าหนิงจะกินข้าว แฮงค์เอ้าท์ก็จะอยู่ในกลุ่มเพื่อนถึงเวลาก็จะกลับบ้านนอน เพราะกลัวแก่ กลัวไม่สวย ปาร์ตี้ ไปเที่ยวบ้างก็ไปด้วยกัน แต่พอระยะยาว นานๆ เข้า หนิงรู้สึกว่าเช้าหนิงต้องทำงาน หนิงก็ทำงานไม่ได้ แล้วมันก็ไม่ใช่ตัวหนิง หนิงก็ต้องกลับมาอยู่ในจุดที่มันเป็นตัวหนิง
มีลูกด้วยแหละ มันเลยไม่สามารถใช้ชีวิตกลางคืนได้?
หนิง : มันเหนื่อย
มันถูกปรับและเข้าใจแล้วว่าเราใช้ชีวิตเหมือนเดิม เขาใช้เหมือนเดิม มันน่าจะดีนะ?
หนิง : มันไม่ดี หนิงไม่รู้จริงๆ ว่าจุดเริ่มต้นมันเริ่มมาจากตรงไหน เพราะปัญหาเรื่องนี้มันมีมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ตั้งแต่เดย์วันที่เคยมีปัญหาข่าวใหญ่โตในอดีตหลังจบจากนั้นมันก็มีมาของมันเรื่อยๆ แต่คนเราพอเวลาอยู่ไปแล้วมันปรับไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตหลายๆ อย่างโดยเราก็ยอมรับ ส่วนใหญ่เราก็ผิด ไปจิก ตามไปหลายๆ อย่าง ก็ไม่รู้ว่ามันยังไง จนสุดท้ายเราก็ยอมรับในความแบบ ถ้าจะมีก็มีไปเลย ก็คือเราก็ทำใจได้
แล้วจริงๆ ทำใจได้ไหม?
หนิง : ทำใจได้ค่ะ
คือถ้าเขาไปมีผู้หญิงอื่น โดยที่เรายังอยู่ในสถานะภรรยา อันนี้หนิงรับได้?
หนิง : ใช่ แต่ว่าอย่างที่หนิงพูด มันต้องมีเส้นที่ต้องไม่ล้ำเส้นกัน แล้วต้องไม่ทำให้เราต้องออกมาพูด ออกมาเคลียร์ ไม่ไปกระทบต่อความรู้สึกลูกเรา
มันก็มีภาพครอบครัวที่ดูเหมือนว่าหนิงกับจินดูรักกันดี?
หนิง : ใช่ หนิงคิดว่ามันน่าจะอยู่ตัวแล้วโอเค ก็ไม่คิดไม่ฝัน ตอนนี้หนิงยังรู้สึกว่ามันจริงใช่ไหม แต่เมื่อมันเกิดปัญหาขึ้นแล้วจริงๆ จะหลอกตัวเองว่ามันไม่จริง แล้วเดินหนีปัญหาเหมือนที่ผ่านมาว่าปล่อยให้เรื่องมันเงียบ แล้วพอมันซาๆ แล้วค่อยออกมาพูดเบาๆ แล้วปล่อบเรื่องเงียบ ที่ผ่านมามันทำอย่างนี้มาตลอด แต่ ณ วันนี้มันแรงขึ้นเรื่อยๆ
แล้วคนก็ไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร?
หนิง : เลยตัดสินใจว่าผ่าตัดทีเดียวให้มันจบแล้วก็รักษาแผล รักษาใจหลังจากนี้ แล้วก็ให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมีพลัง หนิงตัดสินใจมาพูดวันนี้เพราะว่าหนิงเชื่อทุกๆ ปัญหา ณ วันนี้จบแบบนี้ หนิงเองหนิงก็มีส่วนผิดแหละ แต่หนิงทำในส่วนที่หนิงผิดดีที่สุดแล้ว แล้วหนิงไม่อยากเกลียดจิน หนิงอยากให้วันนี้หนืงทีโอกาสจับมือกับจินเพื่อลูก แต่ถ้ามันดึงไปมากกว่านี้ หนิงไม่มานั่งแอ๊บ คนเรามันช้ำเยอะๆ มันจะเปลี่ยนความช้ำเป็นความเกลียด รักเยอะ รักมาก ก็เกลียดมาก หนิงไม่อยากเกลียด หนิงอยากจับมือกับเขาต่อ แต่ในสถานะที่เขาเป็นพ่อของลูกหนิง ไม่ใช่ในสถานะที่เขาเป็นสามีหนิง หนิงว่าหนิงไตร่ตรองมาจนสุดแล้ว แล้วน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด และเป็นวิธีที่จินเองจะได้มีอิสระและทำทุกอย่างได้อย่างมีความสุข แล้วไม่ทำให้ใครต้องเสีย
คิดดีแล้ว?
หนิง : จริงๆ หนิงคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพราะว่าที่ผ่านมาเราสองคนเวลาทะเลาะกัน เขาจะมั่นใจว่าเรารักเขา ต่อให้เขาทำผิดยังไงเราก็จะให้อภัย หนิงก็มั่นใจว่าเขารักหนิงมาก ต่อให้หนิงวี๊ดวาดยังไง เขาก็รักหนิง ก็จะมีการท้าหย่ากันเบาๆ มาตลอดเวลา แล้วระยะหลังมันพูดบ่อยจนมันไม่ได้พูดกับหนิง แต่ไปพูดกับเพื่อนและคนรอบข้างหนิง แล้วพอคนรอบข้างหนิงมาถามหนิงว่าจะหย่ากันเหรอ หนิงก็ขำ ไม่มีอะไรหรอก บ้าบอใครจะไปหย่ากับมัน เราก็จะพูดอย่างนี้
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
หนิง : จนกระทั่งหนิงพาลูกไปทำงาน ตอนนั้นหนิงไปเกาหลี แล้วหนิงก็อยู่เที่ยวกับครอบครัวหนิงต่อ แล้วมันก็เป็นข่าวนี้ช่วงวันวาเลนไทน์ หลังจากกลับมาที่เมืองไทยแล้ว พี่ๆ ที่เป็นพี่ที่เคารพทั้งของหนิงและของจินเองหลายๆ ท่านก็ทนไม่ไหว เรียกให้มาเคลียร์ มาคุย แต่การคุยวันนั้นก็ยังพูดว่าต้องการจะหย่า
เราหรือเขาพูด?
หนิง : จินพูด
แสดงว่าการที่จินขอหย่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก พอมีผู้หญิงทีก็ขอหย่าที?
หนิง : ใช่ๆ พอมีผู้หญิงทีก็ขอหย่าที
ที่ผ่านมาหนิงสามารถฝ่าฟันมันมาได้ แต่ ณ วันนี้อะไรที่ทำให้รู้สึกว่าฉันจะหย่าให้ หนิงไม่รู้สึกว่าจะสู้ต่อ เดี๋ยววันนึงเขาเบื่อผู้หญิง แล้วกลับมาใช้ชีวิตครอบครัวกันเหมือนเดิม หนิงไม่คิดแบบนี้เหรอ?
หนิง : หนิงเหนื่อย
พี่ก็เหนื่อยนะ?
หนิง : แต่มันไม่กระทบกับครอบครัวไงพี่ ทุกครอบครัวไม่มีใครไม่มีปัญหา ทุกความสัมพันธ์ไม่มีใครไม่มีปัญหา แต่ทุกความสัมพันธ์จะดีขึ้น มันต้องได้รับความร่วมมือทั้งสองฝ่ายที่จะแก้ไข
เราได้นั่งคุยกันเองสองคนไหม ที่ไม่ใช่มีคนอื่นเรียกเราไปคุย?
หนิง : คุยค่ะ มันก็จะจบลงแบบเดิมๆ จนพี่เป๊กเรียกไปนั่งคุย ก็จะได้รับการจบที่ว่าเราสองคนจะทำให้ดีที่สุด แต่เหตุการณ์หลังจากที่กลับจากเกาหลีก็ยังยืนยันในแบบนี้ ด้วยคำพูดที่ว่า ต่อให้ไม่มีผู้หญิงคนนี้ก็จะเลิก พูดคำรี้หนิงบอกว่าได้ แล้วเราจะรับผิดชอบลูกร่วมกันอย่างไร เขาก็ให้ข้อเสนอมา 1.2.3.4. ก็ได้มีการทำบันทึกข้อตกลง 1 ฉบับ เพื่อจะเอาเอกสารฉบับนี้ยื่นไปให้ทนายทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย หลายคนคงคิดว่าเอกสารฉบับนั้นมันคงยิ่งใหญ่มหาศาล แล้วหนิงต้องได้รับอะไรที่แบบเยอะแยะมากมาย หนิงขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้เคลียร์ตัวหนิงเอง เพราะอันนี้คือจุดวี๊ดของหนิงเวลาหนิงได้ยินสิ่งเหล่านี้ คนจะเข้าใจว่าดาราแต่งงานกับคนรวย เพราะเราอยากสุขสบาย อยากใช้เงินเขา เวลาเราเกิดปัญหาอะไรเหล่านี้ คนก็เขียนว่าก็เลือกเอง คบเอง อยู่สวยๆ ใช้เงินไป มันไม่เลิกหรอก เพราะว่าเงินอะเท่าไหร่ โคตรเจ็บปวดเลย ผู้หญิงคนนี้ทำงานหาเงินมาตั้งแต่อายุ 15 ส่งน้องเรียน 3 คน จบการศึกษาที่ดีมากทุกคน ดูแลแม่และแต่งงาน หนิงไม่เคยไปเดือดร้อนหรือพึ่งพาอะไรคุณจินเลย หนิงดูแลตัวหนิงเองทั้งหมด ทุกควเห็นว่าหนิงทำงานยังไงบ้าง หรือแม้กระทั่งในส่วนของลูก หนิงรับผิดชอบลูกครึ่งหนึ่ง แต่เอกสารฉบับนี้ที่มันไม่จบ เพราะว่าจินไม่มาทำอะไรในสิ่งที่จินตกลงว่าจะทำ และสิ่งที่หนิงห่วงที่สุดเลยคือถ้าวันใด วันหนึ่งมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของหนิง คนเป็นแม่จะรู้ดีว่าความมั่นคงของลูกเรามันขะเป็นยังไงในอนาคต หนิงห่วงอย่างเดียวแค่ณิรินเท่านั้น แล้วสิ่งที่หนิงขอให้กระทำให้ณิริน มันก็เป็นเรื่องเล็กมากๆ ซึ่งถ้าหนิงจะทำสิ่งเหล่านั้นเองในวันนี้ หนิงก็ทำได้ แต่หนิงคิดว่าให้ลูกได้รู้สึกภูมิใจว่าพ่อยังได้ทำหน้าที่การเป็นพ่อให้กับลูก
หนูยังเชื่อว่าจินรักลูกมาก?
หนิง : หนิงก็ยังมีความเชื่อตรงนี้อยู่ แต่สิ่งที่หนิงต้องการ หนิงไม่ต้องการอะไรที่เป็นปากเปล่า ปากเปล่าใครจะพูดอะไรก็ได้ แล้วปากเปล่าเนี่ย พอเวลาที่เราแยกสถานภาพความเป็นสามี ภรรยา เราคือคนนอก เราไม่มีสิทธิ์ไปสั่งอะไรเขา ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดมันควรจะทำเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นเอกสาร เพราะเราต้องกันตัวเราในอนาคตว่าวันนี้เราเป็นสามี ภรรยา เราทะเลาะกัน เราพูกกันไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าวันนึงเราแยกกัน เป็นเพื่อนกัน เราก็ต้องไม่ทะเลาะกันด้วย เราต้องคิดอะไรหลายๆ อย่าง อย่างละเอียดและไกลๆ ไม่งั้นกลายเป็นว่าถ้าต้องทะเลาะกันในฐานะการเป็นเพื่อนกันวันนี้ก็อยู่ด้วยกันไม่ต้องเลิกกันดีกว่าไหม ซึ่งเอกสารฉบับนี้หนิงได้เซ็นไปเรียบร้อยแล้ว
เป็นแค่ข้อตกลง?
หนิง : เป็นแค่ข้อตกลง ยังไม่ได้มีการจดเซ็นใบหย่าใดๆ แล้วจากวันนั้นจนถึงวันนี้หนิงก็ยังรอการที่จะมาเคลียร์ว่าจะทำอย่างไร แล้วหนิงก็ไม่ได้รับการเคลียร์ตรงนั้นเลย ซึ่งหนิงก็ไม่รู้ว่าหนิงควรจะทำตัวยังไง แล้วพอมันมีข่าว มีปัญหาอะไรเข้ามา หนิงก็ไม่รู้ว่าหนิงจะตอบยังไง เพราะหนิงพยายามแก้ไขปัญหาหลังบ้านให้ดีที่สุด ซึ่งหวังว่า เดี๋ยวมันก็กลับมาจนเนี่ยมีข่าวล่าสุด หลังบ้านมันมีอะไรที่วุ่นวายกว่านั้นเยอะ จนหนิงตัดสินใจว่าถ้าหนิงไม่ลุกขึ้นมาเดินนำ เรื่องนี้ก็จะไม่มีวันจบ
จริงๆ เรื่องนี้หนิงเป็นคนรู้เอง?
หนิง : หนิงไม่ใช่เป็นคนรู้เรื่องนี้ คนที่เป็นคนรู้เรื่องนี้คือลูกหนิง แล้วมาเล่าให้หนิงฟัง
แล้วตอนที่พี่ได้ยินจากปากณิรินพี่รู้สึกยังไง?
หนิง : ตอนนั้นมองเป็นเรื่องขำ มองเป็นเรื่องตลก คิดว่าณิรินพูดเล่นห่วงพ่อ ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง
แล้วพี่ไปบอกลูกว่าไง?
หนิง : ไม่บอกลูกเลย ไม่ต้องกลับไปบอกอะไร เพราะว่ากับเด็กเนี่ย บางทีพอเราเคลียร์เรื่องนั้นจบแล้วเราต้องไม่ไปซ้ำเรื่องเดิมกับเด็ก หน้าที่ของแม่คือแค่ประคองความจริงที่เขารู้ ให้เขาเข้าใจความจริงในมุมที่เด็กควรจะเข้าใจ แล้วเราเป็นคนที่เวลาเรามีอะไรเราคุยกับลูกทุกเรื่อง เราก็พอเดาทางลูกถูกว่าความเข้าใขอันนี้มันเข้าใจไปแบบติดลบ หรือเข้าใจแบบเชิงบวก หรือเข้าใจกลางๆ
การที่หนิงตัดสินใจว่าอยากหย่าแล้ว แสดงว่าหนิงคุยกับลูกเรียบร้อย?
หนิง : หนิงผ่านการคุยกับลูกเรียบร้อยแล้ว
ณิรินว่ายังไงบ้าง?
หนิง : ณิรินยังไม่เข้าใจการหย่า คนสำคัญที่สุดเลยที่เขากลัวว่าจะไม่ได้เจอ คือคุณอาระรินกับคุณปู่ แล้วริงลงมาก็จะเป็นคุณพ่อเขา เราเลยบอกว่าไม่มีปัญหาเลย เพราะแม่ก็ยังเป็นลูกสาวปู่ แล้วยังเป็นพี่สาวอา และยังเป็นเพื่อนพ่อหนูอยู่ หนิงคิดทบทวนแล้วทบทวนอีก จนหนิงมั่นใจแล้วหนิงออกมาพูด เพราะนี่คือสิ่งที่ผ่านกระบวนการความคิดของหนิงมานานมากแล้ว
ใจจริงหนิงอยากหย่าไหม?
หนิง : อยากนะ เจ็บไหมเจ็บ แต่หนิงไม่อยากเกลียดจิน หนิงยังอยากให้จินเป็นพ่อที่น่ารักมากๆ ของลูก หนิงว่ามันคือทางออกที่ดีที่สุด
สำหรับลูกได้คุยกับณิรินหรือยัง?
หนิง : คุยแล้วค่ะ อย่างที่บอกหนิงกับลูกมีอะไรคุยกันทุกเรื่อง เขาก็โอเค
โอกาสกลับมาคืนดีกับสามีจะมีหรือไม่ ?
หนิง : หนิงว่าเรื่องของอนาคตหนิงไม่สามารถตอบได้ หนิงตอบได้แค่เรื่องวันนี้ ณ ปัจจุบัน ที่หนิงตอบได้เพราะหนิงคิดทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว อะไรก็แล้วแต่ในอดีตเอามาขึ้นตราชั่งบวกลบคูณหารหลายๆอย่าง หนิงว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด หนิงอยากมีชีวิตใหม่ที่มีเพื่อนชื่อจิน
ย้อนกลับไปสมัยก่อนหนิงจะมีความโกรธ ความแค้น ผู้หญิงหรือบุคคลที่สามที่เข้ามา ครั้งนี้ความรู้สึกเป็นยังไง มีความแค้นความโกรธมั้ย ?
หนิง : ใช่ คือจะพูดว่าไม่มีเลยเป็นไปไม่ได้ มี แต่หนิงจะไม่ใช้การแก้ไขปัญหาด้วยวิธีเดิมๆ ที่สุดท้ายแล้วอย่างที่หนิงพูดว่า จุดตั้งต้นหนิงไม่ได้ผิดแต่จุดจบหนิงเป็นคนผิดตลอดเวลา เพราะความไม่มีสติของหนิง หนิงจะไปฟาดฟันอาละวาดตบตีแย่งชิงด่าทอ เธอด่ามาแบบนี้ ฉันด่าไปแรงกว่านี้ เธอให้ข่าวแบบนี้เดี๋ยวฉันให้ข่าวหนักกว่า เพราะฉันถือว่าฉันเป็นคนของสื่อ แต่วันนี้ฉันพยายามปิดทุกอย่างให้เงียบที่สุด แต่หนิงใช้วิธีการจัดการตามกฎหมาย ณ วันนี้ถึงจะมีข้อตกลงในเอกสารตรงนั้น แต่หนิงยังไม่ได้เซ็นหย่า ใช้วิธีจัดการตามกฎหมาย หรือจะพูดง่ายๆ เมียหลวงที่ควรจะมี เค้ามีกฎหมายเอาไว้ให้จัดการ หนิงได้ฟ้องบุคคลที่สาม ซึ่งศาลได้รับฟ้องแล้ว
พี่หนิงออกมาพูดครั้งนี้มันจะไปช่วยผลที่จะออกมากระทบน้องณิรินมากกว่าจะไม่พูด ?
หนิง : ณิรินเจอคำถามที่โรงเรียนทุกครั้งที่เป็นข่าว มันเจ็บปวกมากนะพี่ญ่า ณิรินไม่มาเล่า หนิงไปรู้จากแม่เพื่อนสนิทณิรินแล้วหนิงก็ถามลูกว่าทำไมไม่มาเล่าให้แม่ฟัง คำตอบของณิรินคือ “ช่วงนี้แม่ก็มีปัญหาเรื่องงาน แม่เครียด แม่มีปัญหาเยอะแยะมากมาย หนูไหวแม่ หนูโอเค หนูสบาย” หรืออย่างเรื่องล่าสุดที่เกิดขึ้น หนิงก็ถามลูกว่าไปโรงเรียนมาเป็นยังไง เค้าก็ต้อบว่าโอเคแม่ ทุกคนเค้าก็จะมาถามหนูแหละ แต่เค้าก็จะบอกว่าแม่ฉันเล่าให้ฟัง แต่แม่ฉันไม่ให้มาพูดกับเธอ เพราะกลัวเธอเสียใจ เค้ารู้กันทั้งโรงเรียน ก็ถามเค้าว่าแล้วณิรินตอบไปว่าอะไร เค้าก็ตอบว่า “ใช่ ก็พ่อฉันแหละในข่าว เดี๋ยวพ่อกับแม่ฉันกำลังจะหย่ากัน แต่เค้ายังรักกันนะ เค้าเป็นเพื่อนกัน
แล้วครอบครัวของจินล่ะคุณปู่คุณย่า ?
หนิง : หนิงถึงบอกไงว่า หนิงพูดก็มีผลกระทบ หนิงไม่พูดก็มีผลกระทบ ไม่ว่าหนิงจะทำอะไรมันกระทบหมด แต่ถ้าหนิงไม่ตัดสินใจที่จะเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาในครั้งนี้ ผลกระทบระยะยาวมันจะหนักกว่า แล้วหนิงก็เชื่อว่าทุกคนเข้าใจหนิง ซึ่งก่อนหน้าที่หนิงจะมาที่รายการ หนิงเองก็ปรึกษาคนที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตหนิงเลยก็คือลูก
สรุปแล้วก็รอเคลียร์ให้ชัดเจนว่าจะเอายังไง ?
หนิง : ใช่ เพราะอย่างที่บอก เงียบก็เสี่ยงให้หลายๆคนเข้าใจผิดและกระทบอีกหลายๆคน พูดก็เสี่ยงต่อคนที่ไม่เข้าใจเราจะไม่เข้าใจ แต่อย่างที่หนิงบอกว่าข้อผิดพลาดในชีวิตหนิงมากที่สุดคือ บางทีหนิงทำอะไรขาดสติ บางที่เรื่องเพื่อนพร้อมเป็นด่านหน้าลุย พอเป็นเรื่องตัวเองล้มไม่เป็นท่า หนิงใช้เวลาค่อยๆคิด ล้มก็ลุกขึ้นมา ทบทวน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า หนิงตัดสินใจพูดครั้งนี้อย่างที่มี่สติที่สุดแล้ว
ธัญญ่า : การที่หนิงออกมาพูดในวันนี้ เรารับรู้ได้ถึงความเข้มแข็งที่หนิงรู้สึกว่าฉันต้องพูดนะ จะต้องเคลียร์ความชัดเจน ซึ่งจริงๆแล้วเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น อย่างเราเองเราก็ผ่านมาก่อน เราไม่ได้ทำเราต้องออกมาพูด อันนี้ไม่ได้ทำก็ต้องอกมาพูด ซึ่งถือว่าเป็นการเข้มแข็งของแม่ที่ทำเพื่อณิรินจริงๆ หนิงโอเคมั้ย ?
หนิง : ที่นั่งมาทั้งรายการหนิงไม่มีน้ำตาเลยนะ แต่สิ่งที่หนิงอยากให้คนเข้าใจคือสิ่งที่พี่ญ่าพูด พยายามมากนะ แล้วหนิงอยากให้คนเห็นหนิงในสิ่งที่หนิงพยายามปรับปรุงในสิ่งที่มันแย่ หนิงไม่อยากมีน้ำตาเพราะไม่อยากให้คนด่าว่ามาร้องไห้ออกรายการ
เราก็เคารพในการตัดสินใจของพี่หนิง เชื่อว่ามันจะทำให้พี่หนิงมีความสุขมากขึ้น ทำให้ณิรินมันมีความสุขมากขึ้น ทำให้บรรยากาศในบ้านมีรอยยิ้มมาขึ้น เพราะตอนนี้เชื่อว่าไม่ได้ยิ้มกันหรอก ?
หนิง : มันยิ้ม แต่ยิ้มแบบเหมือนเราเล่นละคร มันยิ้มแบบร้องไห้ข้างใน ยิ้มแบบที่เราฝืนยิ้ม ฝืนที่จะทำอะไรให้ลูกเราไม่รู้สึก แต่เราโคตรเหนื่อย
ถ้าเกิดพี่หนิงได้คุย พี่หนิงอยากบอกอะไรเขา?
หนิง : จริงๆ หนิงคุยไปทุกเรื่องแล้ว
หลังจากเกิดเรื่องเหรอ?
หนิง : เกิดเรื่องแล้วหนิงก็พยายามที่จะคุย แต่เขาไม่คุย หนิงก็จะใช้วิธีส่งข้อความ ซึ่งในการส่งข้อความนั้นจะมีน้องสาวคุณจินอยู่กำลังใจที่คอยช่วยซัพพอร์ตพี่ชาย คุยให้เข้าใจ หนิงว่าหนิงคุย หนิงว่าหนิงคุยไปหมดทุกเรื่องแล้ว ในหลายๆ เวอร์ชั่นแล้ว
ยังรักเขาไหม?
หนิง : รักในความที่ข้างหน้า น่าจะรักกันเป็นเพื่อนได้ อย่างเดียวเลยที่อยากจะบอกคือ ทำเพื่อลูก ไม่ต้องทำเพื่อหนิง เพราะวันนี้ในส่วนของหนิง หนิงจบแล้วที่เหลือคือทำเพื่อลูก ไม่ต้องอึดอัดใจในส่วนของหนิงเลย
คนที่พูดแบบนี้คือมันต้องคิดมาไม่ใช่แค่ 7 วัน มันต้องกรองแฃ้ว กรองอีก ถึงพูดออกมาอยากจะไปเริ่มอะไรใหม่ๆ มันยากนะ 11 ปี?
หนิง : ยายบอกหนิงเสมอว่าคนเราจะแก้ปัญหาอะไรได้ ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น และจบมันให้เร็ว เราถึงจะได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ได้เร็ว ถ้าเราไม่ยอมจบ เราเริ่มใหม่ไม่ได้
สุดท้ายเลยหนิงอยากให้เรื่องนี้จบยังไง?
หนิง : ให้หนิงและจินอยู่ในสถานะ พ่อและแม่ที่ดีของณิริน อยากให้ทำทุกอย่างเพื่อลูก เพื่อความั่นคงของลูกที่ชัดเจน ไม่ใช่เพื่อหนิง เพราะหนิงไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับใคร วันนี้นั่งๆ คุยๆ กันอยู่ พรุ่งนี้ได้ข่าวว่าคนนั้นเสีย คนนี้เสีย อะไรก็ได้ที่ดีที่สุดสำหรับลูกให้จัดการให้ลูกซะ จะมากจะน้อยขอให้ทำให้ลูกได้มีความภาคภูมิใจว่า พ่อรักเขา
มันเป็นไปได้ไหม สมมติถ้าสถานะเปลี่ยน แต่อยู่ด้วยกัน?
หนิง : เคยคิด แต่สำหรับคู่หนิงไม่น่าจะเหมาะ ขอแยกกันก่อนสักพักดีกว่า บางคู่ทำได้ แต่บางคู่ทำไม่ได้ แต่ในมุมของหนิง หนิงมีแต่ความหวังดีจริงๆ หนิงอยากให้เขทเจอคนที่แมชต์กับเขา ที่เข้าใจเขา แล้วอยู่กับเขาอย่างมีความสุข เพราะหนิงเชื่อว่าถ้าชีวิตเขามีความสุข ลูกหนิงก็จะมีความสุขด้วย
ให้อภัยเขาไหม?
หนิง : ให้อภัยเขาไปนานแล้ว ไม่งั้นหนิงจะไม่กล้าพูดคำว่า จะไปไหนบอกหนิงตรงๆ หนิงช่วย เดี๋ยวมีข่าวหนิงช่วย
บางคนดูจากภายนอกก็จะบอกว่า ก็พี่หนิงเป็นอย่างนี้ไง ซึ่งจริงๆ เขาไม่รู้หรอกว่าเราทำอะไรไว้แล้วบ้าง เราปรับขนาดไหน เราพยายามที่สุดแล้ว จนมันถอยมาสุดทางแล้ว มันถึงมีแบบนี้ถูกไหม?
หนิง : ถ้ามีคนเห็นว่าหนิงพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น แค่นี้มันก็กำลังใจแล้ว คนเราเวลาอยากจะทำอะไรให้มันดีขึ้น หนิงเป็นคนไม่ดี หนิงรู้มีคนเกลียดหนิงเยอะแยะ หนิงเป็นคนลุย เป็นคนห่ามๆ เป็นคนชัดเจน มันเลยมองหนิงติดลบ แต่วันนึงหนิงก็อยากจะแก้ไขตัวหนิงเอง ขอให้โอกาสหนิงหน่อย และให้กำลังใจหนิงหน่อย หนิงก็อยากเป็นคนดีกับเขาเหมือนกัน หนิงอัดมาทั้งรายการหนิงไม่มีน้ำตา แต่หนิงรู้สึกในมุมบางๆ ว่าหนิงเปลี่ยนตัวเองได้ พอแล้ว แล้วหนิงก็จะทำให้มันดี ทั้งหมด ทั้งมวล หนิงบอกเลยว่าหนิงอยากเป็นแม่ที่ดีเพื่อลูกแค่นั้นเองเลย
วันนี้ต้องขอบคุณพี่หนิง?
หนิง : หนิงต้องขอบคุณทุกคนโดยเฉพาะรายการเราที่สละเวลาทำเทปนี้ให้ หนิงบอกเลยว่าครั้งเดียวที่พูด แล้วหนิงอยากพูดในสิ่งที่มันเป็นเซฟโซนของหนิง หลังจากเทปนี้ออกอากาศไปไม่ต้องมาถามอะไรหนิงอีกแล้วนะ
ธัญญา : ตอนนี้ยังไม่หย่ากัน สถานะยังเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นการที่บุคคลที่สามเข้ามา หรือว่าไปเกี่ยวพัน เกี่ยวโยงอะไร ที่มันมีสาเหตุทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก สั่นคลอนก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นอยากจะเตือน เอาเป็นว่ารวมๆ สาวๆ ทั้งหลาย หรือว่าบุคคลที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่เขาจดทะเบียนสมรส ตรงนี้เขามีกฎหมายคุ้มครอง เพราะฉะนั้นก่อนจะทำอะไรต้องคิดให้ดีๆ ซึ่งเราก็เห็นแล้ว การที่บ้านใหญ่แล้วกัน มีความเจ็บปวดนะ ทุกข์ใจ ลูกอีก มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกๆ สังคม เพราะฉะนั้นก่อนที่จะทำอะไรคิดดีๆ
หนิง : ปัญหามันเกิดขึ้นแล้วแหละ เคลียร์ปัญหาให้มันจบเร็วๆ หนิงว่าดีที่สุดสำหรับณิริน ในสถานะของความเป็นเพื่อนที่ดี เรายังอยากรักกันในสถานะที่ดีของความเป็นเพื่อน
เราจะไม่เกลียดกันเนอะ?
หนิง : ทุกครอบครัวอย่าเกลียดกันเลย พ่อ แม่ อยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่เป็นไร สังคมสมัยนี้ มันเกิดขึ้นอย่างนี้ นี่มันยุคไหนแล้ว อย่าทน ทนเพื่อเกลียด อย่าๆ เคลียร์ดีกว่า ผ่าตัดทีเดียวให้มันจบ แล้วรักษาแผล รักษาใจหลังจากนี้ แล้วก็ให้เดินไปข้างหน้สได้อย่างมีพลัง ฉะนั้นเมื่อมันสุดแรงเอื้อม หนิงขอจบปัญหาเองดีกว่า หนิงอยากจับมือกับเขาต่อแต่ในสถานะที่เขาเป็นพ่อของลูกหนิง อย่างน้อยๆ ให้ลูกได้รู้สึกภูมิใจว่าพ่อยังได้ทำหน้าที่การเป็นพ่อให้กับลูก
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama