"โบว์ เมลดา" หุ่นหนูน่าขย้ำ ตอบตรงโดนใจ! ดราม่าวิจารณ์รูปร่าง อ้วนขึ้นหรือเปล่า
เจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างหนักเลยทีเดียว สำหรับ โบว์-เมลดา สุศรี เนื่องจากมีชาวเน็ตบางรายเข้ามาสาดคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์รูปร่างในทำนองว่า อ้วนขึ้น อวบขึ้น อยากให้ลดเอว ลดต้นแขน
ซึ่งล่าสุดได้มีโอกาสเจอกับเจ้าตัวในงานเปิดตัวซิงเกิ้ล แนะนำให้เป็นแฟนเรา ณ ชั้น 10 อาคาร มาลีนนท์ 1 จึงไม่พลาดที่จะเข้าไปสอบถามความเห็นเกี่ยวกับประเด็นร้อนดังกล่าว รวมถึงอัปเดตสเตตัสหัวใจกับ อาเล็ก ธีรเดช หลังคุณแม่ออกมาประกาศผ่านสื่อว่า อยากอุ้มหลานแล้ว!!!
ล่าสุดมีดราม่าที่ชาวเน็ตเข้ามาวิจารณ์ว่า เราอวบขึ้น อ้วนขึ้น ปล่อยตัว ?
ไม่ได้ปล่อยตัวนะ แต่อาจจะด้วยความที่เราแบบเป็นคนน่าขย้ำอ่ะ มันก็เลยอาจจะดูน่ารักไปอีกแบบ อีกอย่างคือร่างกายของเราแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เราเป็นคนโครงใหญ่ สัดส่วนเรามันเชฟบ๊ะ แบบหุ่นฝรั่ง มันก็เลยยากนิดนึงในการลด
แสดงว่าเราเองก็เห็นคอมเมนต์ที่คนเข้ามาวิจารณ์ ?
เห็นค่ะ และก็โดนทักเยอะด้วย แต่ก็ช่างมัน คือถ้าเราทำได้ก็คงเห็นว่าผอมแล้วแหละ
ไม่ได้บั่นทอนความรู้สึกใช่ไหม ?
ก็รู้สึกเสียใจนะที่ทุกคนมีมาตราฐานความสวยไม่เหมือนกัน เพราะสำหรับเรา แบบนี้เราก็คือมั่นใจแล้ว เราไม่ได้ไปทับไลน์ใคร และเราก็ได้เป็นแบบอย่างให้กับคนที่ใส่เสื้อผ้าแนวนี้ด้วย เพราะทุกวันนี้หลายคนเขาก็มีปัญหาสะโพกใหญ่เอวเล็ก และทักมาถามเราว่า เราใส่กางเกงร้านไหน ซึ่งโอเคเราก็พอที่จะแนะนำได้
มีคำไหนบ้างที่เขาใช้ติติงเรา ?
เอ่อ... ก็จะมีแบบ 'อยากให้เน้นออกกำลังกายนะ ลดช่วงเอว ลดช่วงต้นแขน' ซึ่งเราก็ทำนะ ไม่ใช่เราไม่ออกกำลังกายเลย แต่ด้วยความที่โครงสร้างของเรามันเป็นแบบนี้เนอะ
เคยเจอคนเข้ามาทักเรื่องนี้ด้วย ?
มันก็เป็นปกติแหละที่คนเขาอยากจะทัก อยากจะรู้จักเรา หรือว่าอยากคุยด้วย แต่จริงๆ มันก็มีหลายเรื่องให้คุยเนอะ ก็อารมณ์แบบ 'อ้วนขึ้นป่ะ ผอมลงป่ะ' ...อ้วนขึ้นแล้วบ้านมันแคบลงป่ะ หรือยังไง (หัวเราะ) คือฉันก็ทำงานของ และฉันก็พยายามผอมให้แหละ แต่ผอมในแบบที่เราเองก็สุขภาพดี ไม่เหี่ยว ไม่โทรม
นอกจากคนอื่นๆ ทักแล้ว เวลาทำงานมีโดนทักบ้างไหมเพราะต้องออกกล้อง ?
มีอยู่แล้วค่ะ โดยเฉพาะพี่แอนทอง พี่แอนทองถึงกับชวนไปออกกำลังกาย แต่พอพี่แอนเขาได้เห็นหุ่นเราจริงๆ ได้เห็นโครงเราจริงๆ พี่แอนก็เข้าใจได้ว่ามันคือเรา มันคือโครงสร้างของเรา มันไม่ใช่ว่าเราอ้วน ซึ่งพี่แอนเขาก็โอเคค่ะ
อาเล็กเขาชอบแบบนี้ใช่ไหม ?
ลองไม่ชอบสิ (หัวเราะ)
จริงๆ แล้วน้ำหนักเราขึ้นไหม ทำไมคนถึงได้ทัก ?
น้ำหนักไม่ได้ขึ้นเลยค่ะ แต่อาจจะเพราะอายุของเราที่เพิ่มขึ้นมากกว่า มันเลยทำให้ดูอวบด้วยผิวพรรณ หรือดูอาจจะเปล่งปลั่งขึ้น ไม่ได้ดูลีนเหมือนตอนเด็กๆ
ก่อนหน้านี้คุณแม่ออกมาพูดชัดเลยว่าอยากอุ้มหลาน ?
ตลกดีค่ะ ก็แบบเขามาขอหรือยังแม่ (หัวเราะ) แต่ก็เข้าใจนะ คือด้วยวัยของเรา 27-28 แล้ว มันก็ถือว่าเป็นช่วงวัยที่ควรจะมีลูก เพราะสภาพร่างกายต่างๆ มันพร้อม แต่ติดที่เราเองมากกว่า คือเราอยากจะทำงานก่อน
คุณแม่พูดความต้องการชัดเจนขนาดนี้ อาเล็ก เขามีฟีดแบคยังไงบ้าง ?
เขาก็ไม่ได้อะไรค่ะ คือตลกอ่ะ คุณแม่เป็นคนตลก ท่านพูดไปอย่างนั้นแหละ ให้บรรยากาศมันจอย (หัวเราะ)
แต่คุณแม่ท่านพูดชัดเจนมากเลยนะ ?
ท่านก็อยากให้มีแหละ เพราะท่านกลัวว่าในอนาคตอายุเยอะแล้วเราจะมียาก
จริงๆ ตัวเราเองเห็นภาพงานแต่งหรือได้คิดไว้บ้างไหม ?
เห็นค่ะ เห็นแบบวาดฝันไว้เลยว่างานแต่งจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ คือคุยกันเลยสองคน เพราะว่าเราเป็นพวกช่างฝันทั้งคู่ (หัวเราะ) แต่ก็ต้องปัดออกกันบ้าง เนื่องจากมันพูดไปเรื่อย
งานแต่งในฝันของเราต้องเป็นแบบไหน ?
ชอบดอกไม้ค่ะ ดอกไม้เยอะๆ เพราะเราอยู่กับดอกไม้แล้วสวยมาก ส่วนธีมก็อาจจะเป็นแนวมินิมอล ก็ไม่แนวคัลเลอร์ฟู แต่จะเน้นสบายๆ เข้าใจง่าย น่าจะประมาณนั้น
อารมณ์ไหนถึงได้อยู่ดีๆ มานั่งคุยกันเรื่องแต่งงาน ?
มันเหมือนการคุยไปเรื่อยมากกว่า อย่างเวลาเราเห็นคนนั้นคนนี้แต่งงาน หรือไปเจอชุดแต่งงานสวยๆ เราก็คุยกัน ประมาณนั้นค่ะ
ตอนที่เราคุยกันเรื่องนี้ อาเล็ก เขาว่ายังไงบ้าง ?
เขาบอกว่า โอเค คือโอเคแค่นั้นเลบ เพราะว่ามันเป็นเรื่องของอนาคต และเราเองก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่า สุดท้ายแล้วเราจะได้เลิก หรือเราจะได้แต่ง
จริงๆ ตัวเขาเองดูมีวี่แววว่าอยากแต่งงานไหม ?
เขาอยากแต่งงานอยู่แล้วค่ะ เพราะหนูสวย (หัวเราะ) คือมันอาจจะด้วยวัยของเขานั่นแหละค่ะ
ถ้าเขาอยากแต่งแล้ว แสดงว่าติดที่เรา หรือเราแค่รอให้เขามาขอ ?
ทั้งสองอย่างค่ะ จริงๆ เราเองก็พร้อม เขาเองก็พร้อม แต่มันอยู่ที่วัย จังหวะ และการทำงานมากกว่า คือก่อนหน้านี้เคยคิดไว้เหมือนกันนะว่า 27 อยากจะแต่งงานมีลูก แต่ไปๆ มาๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โตพอที่จะเป็นแม่คนขนาดนั้น ถ้าหากมีลูกจริงๆ ก็สงสารลูกอ่ะค่ะ ให้เขามีแม่เมื่อพร้อมดีกว่า (หัวเราะ)
ความสัมพันธ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
ดีค่ะ สนุกดี แต่เจอกันไม่ค่อยบ่อย เรียกว่าเจอกันน้อยขึ้นทุกวัน เพราะต่างคนต่างก็อยากที่จะเต็มที่กับงาน ส่วนวิธีเติมความหวานก็จะมีแบบ โทรหาบ้าง นัดเจอบ้าง มีงอแงบ้าง คือเราทั้งคู่ว่างไม่ตรงกันสักที