"เอสเธอร์" ยังไม่หมดแพชชั่นรัก "เคน" บอกสูตรลับจับมือกันแน่น 7 ปี
ห่างหายจากหน้าจอไปสักพัก สำหรับนางเอกสาว เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ถึงขั้นแฟนๆ บ่นถามจะมีผลงานให้ติดตามเมื่อไหร่ ล่าสุดไม่รอช้ากลับมาพร้อมละครเรื่องใหม่ ดวงใจจอมกระบี่ กำลังออกอากาศทาง ช่องวัน 31 แถมได้ประกบคู่พระเอกรุ่นน้องสุดฮอต ไบร์ท นรภัทร ตอนนี้เรื่องราวเริ่มสนุกสนานชวนน่าติดตามเลยทีเดียว
เมื่อ sanook.com มีโอกาสเจอ เอสเธอร์ จึงได้พูดคุยเรื่องแพลนการทำงานในวงการบันเทิง รวมถึงธุรกิจส่วนตัวที่ตั้งใจปลุกปั้น พร้อมกับเปิดมุมมองความรักที่ไม่เหมือนใคร มีเคล็ดลับอะไรทำให้จับมือรัก เคน ภูภูมิ มานานถึง 7 ปี ไปฟังกันเลย
พูดถึงความสนุกของละคร ดวงใจจอมกระบี่
“ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับฝั่งพระเอกที่เป็นอยู่ที่ยุทธภพ หลุดออกมาจากนิยายมาอยู่ในโลกปัจจุบัน ในกรุงเทพฯ แล้วคือในเรื่องเรารับบทเป็น นลิน ก็จะเป็นผู้หญิงที่ขี้เหงา วันๆ ไม่มีเป้าหมายในชีวิต เป็นมนุษย์ขี้เหงาต้องมีเพื่อนสนิท ก็คือ หมอเรน ซึ่งเล่นโดย เพลงขวัญ ก็จะตัวติดกันตลอดเวลา แล้วพระเอกก็หลุดมา เราก็เลยต้องทำไงก็ได้ หาทางเพื่อให้พระเอกกลับไปที่โลกของเขา”
คาแร็กเตอร์ นลิน เป็นอย่างไร
“ก็จะเป็นคนขี้เหงา งองแงง เป็นเด็กแบบคือที่บ้านที่มีฐานะไม่ต้องทำงานทำการ ก็เลยใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่มีเป็นหลักเป็นแห่ง เป็นสาวสมัยใหม่ กิจกรรมทำหมดยิ่ง ยิงปืน ว่ายน้ำ ขี่ม้า คือเป็นสาวกิจกรรม ชอบปีนผา แต่ว่าขี้เหงาแล้วก็ไม่มีเป้าหมายในชีวิต คือในเรื่องไม่มีคุณพ่อคุณแม่ไกด์ คุณพ่อคุณแม่ตายตั้งแต่เด็กเลยเติบโตมาคนเดียว เรื่องนี้ไม่ดราม่าเลยค่ะ จะเป็นแนวคอมเมดี้แฟนตาซี”
พระเอกต้องข้ามภพจากยุทธภพมาโลกปัจจุบัน
“เรื่องนี้มันสนุกมากๆ เลยค่ะ สนุกตั้งแต่ตอนที่อ่านบทแล้ว พอมาได้เล่นจริงๆ มันก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเราไม่เคยเห็นยุทธภพ พระเอกเป็นจอมยุทธถือดาม แต่งชุดจีนใส่วิกผมยาว ผมสีเงิน เราแบบตอนแรกที่อ่านบทก็คือนึกภาพไม่ออก เอ๊ะ มันจะออกมาเป็นยังไง พระเอกเป็นจอมยุทธ แต่พอได้เห็นจริงๆ แล้วพอ ไบร์ท ใส่เสื้อผ้าเต็มยศ ลุคเขาได้ มาดเขาให้ แล้วเราก็เชื่อว่า มันเหมือนจอมยุทธจริงๆ”
คำพูดคำจาพระเอกจะเป็นภาษาพีเรียดย้อนยุค
“ใช่ คำพูดคำจาเขาก็จะแปลกๆ ฟังแล้ว เอ๊ะ แปลว่าอะไรนะ ไม่คุ้น เหมือนไม่ได้พูดภาษามนุษย์ในโลกเราพูด ความคอมเมดี้คือเรื่องนี้มันคอมเมดี้ด้วยสถานการณ์ แต่ว่าอย่างที่รู้กันคือ ความตลกของแต่ละคน เซนส์ตลกมันไม่เท่ากันก็ต้องลองดู”
เซนส์ตลกของ เอสเธอร์ ประมาณไหน
“มันก็ตลก มันก็จะมีแบบตลกด้วยสถานการณ์ แต่ว่าก็ยังไม่ได้เห็นที่ตัดต่อออกมาเลยไม่รู้ว่าฟีลมันจะเป็นประมาณไหน แต่ว่าตอนที่เล่นเราก็รู้สึกว่า เออ มันตลก เพราะด้วยความโง่ของนางเอก ในเรื่องคือพระเอกก็จะค่อยๆ สอน ค่อยๆ ให้ข้อคิดกับตัวละครของตัว นลิน ค่ะ”
ในเรื่องนางเอกชอบพระเอกนิยายในยุทธภพ
“ใช่ คือเราชอบพระเอกของเรื่อง หวังอี้เทียน เราอ่านแล้วเราติดนิยายเรื่องนี้มากๆ แล้วเราจะคอยติดตามต่อว่า ตอนต่อไปจะเป็นยังไงนะ รสชาติละครแนวนี้ไม่ค่อยได้สัมผัส มีคอมเมดี้ มีแฟนตาซีด้วย มีในเรื่องพวกเอฟเฟ็ก ซีจี เข้ามาเกี่ยวเยอะ และเป็นเรื่องที่แปลกใหม่”
การร่วมงานกับ ไบร์ท นรภัทร เป็นอย่างไรบ้าง
“น่ารักค่ะ น้องน่ารักมากแล้วก็น้องความอดทนสูง เพราะว่าในเรื่องนี้เขาจะต้องมีบู๊มาก แล้วก็ด้วยการแต่งกายคือมันก็หลายชั้นมากๆ ไหนจะติดวิกอีกแล้วก็ต้องมีการใช้ดาบอีก เพราะฉะนั้นคิวบู๊มันก็จะไม่ใช่คิวบู๊ที่แบบทั่วไป เตะ ต่อย กันธรรมดา แต่อันนี้จะมีการรำดาบ มีในเรื่องของสลิงที่ต้องลอยตัว กระโดดลอยตัว พาร์ตเขาคือเหนื่อยมากๆ แล้วโลเคชั่นที่เราถ่ายคือป่าบ้าง หน้าผาบ้าง ทะเลบ้าง แบบหนักค่ะ แต่น้องเขาคือก็สุดความสามารถ อันไหนไม่สวยเขาก็แบบถ่ายใหม่ ถ่ายจนให้สวย เขาตั้งใจทำงานมากๆ ค่ะ ในฐานะเป็นรุ่นพี่ น้องเก่งมากไม่ต้องแนะนำอะไรเลย”
ในส่วนเอสเธอร์การถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง
“ก็สนุกค่ะ คือเรื่องนี้ด้วยความที่ ถ่ายกันอายุค่อนข้างไล่เลี่ยกัน ใกล้กัน มันเหมือนไปกองแล้วไปเจอเพื่อน เจอกับ เพลงขวัญ ด้วย และก็เจอ หมอเน๋ง ด้วย เราเป็นรุ่นพี่สุดเลยค่ะ (หัวเราะ) ก็ดีค่ะ เป็นแนวคุยกันน่ารักอยู่กับ เพลงขวัญ ก็เม้าท์กันเรื่องเครื่องสำอาง และก็เรื่องแต่งตัวผู้หญิงๆ”
เรื่องนี้ต้องเป็นเพื่อนซี้กับ เพลงขวัญ นัตยา ร่วมงานกันครั้งแรก
“เจอ เพลงขวัญ ครั้งแรกเรื่องนี้เลย ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนก็รู้สึกว่า น้องเพลงขวัญ น่ารักมากคือคุยกันแบบว่า ไปกองคือสนุกส่วนใหญ่ว่างๆ ก็นั่งเม้าท์กันเหมือนมีเพื่อนอยู่ตลอดเวลา ก็แชร์เคล็ดลับดูแล เครื่องสำอางอันไหนแนะนำสีอันไหน ซื้อตามกัน อันนี้ว่าดีว่าเดี๋ยวไปซื้อตาม แล้วก็ชอบแต่งตัวคล้ายๆ กัน บางทีแต่งมาคล้ายๆ กันโดยไม่ได้นัดหมาย อ้าว แต่งตัวเหมือนกัน คาแร็กเตอร์ค่อนข้างใกล้เคียงกันค่ะ”
ก่อนจะมารับเรื่องนี้ห่างหายจากงานแสดงไปนาน
“ประมาณปีนึงค่ะ เหมือนจะนานอาจจะด้วยจังหวะแล้วก็เรื่องนี้ถ่ายไปออนไปด้วย จบเรื่องก่อนน่าจะปีที่แล้วเกือบต้นๆ ปีจำไม่ได้แต่รู้สึกว่านานค่ะ”
ขนาดเรายังรู้สึกว่าหายจากงานละครไปนาน แล้วแฟนๆ ว่าอย่างไรบ้าง
“ก็บอกว่าเมื่อไหร่จะได้ดู แต่เขาก็อยากดูเรื่องนี้ เขาเห็นตัวเทรลเลอร์เรื่องนี้ปล่อยไป ก็เอ๊ะน่าสนใจและรอติดตามค่ะ สำหรับการรับงานละครด้วยจังหวะด้วยค่ะ แต่ว่าก็ช่วงนี้ก็จะถ่ายเยอะ เพราะว่าเรารับไว้หลายเรื่องอยู่ก็เร่งถ่ายอยู่ ยังไงก็ฝากติดตามชมด้วยนะคะ”
ก่อนหน้านี้ผันตัวไปมุ่งทำธุรกิจมากขึ้น
“อาจจะด้วยจังหวะที่เรารู้สึกว่า ยังไม่เจอเรื่องที่เราอยากจะเล่น และก็บวกกับโควิดด้วยค่ะ ก็เลยเรื่องร้านที่ทำอยู่ร้านอาหารก็ต้องแบ่งเวลาไปดู มันแบบเหมือนจังหวะไม่พอดีหลายอย่าง มีเรื่องบท บทก็ไม่พร้อมหรือคิวก็ไม่ได้”
จริงๆ เรามีส่วนในการเลือกบทมั้ย
“มีๆ ค่ะ คือส่วนใหญ่ผู้ใหญ่ก็จะส่งเรื่องมาให้เราอ่านก่อน ว่าเราชอบมั้ย ถ้าเราชอบเราก็โอเคตัดสินใจเล่น”
แพลนในวงการบันเทิงหลังจากนี้ป็นอย่างไร
“ก็น่าจะยังเล่นละครอยู่ค่ะ แล้วก็บวกกับน่าจะลองหาอะไรทำใหม่ๆ ดู ว่า เอ๊ะ เราชอบอะไรบ้าง”
กลายเป็นเจ้าแม่ธุรกิจขยันหาธุรกิจทำอยู่ตลอด
“น่าจะเป็นช่วงที่เราลองผิดลองถูกมากกว่าค่ะ ก็อย่างร้านอาหารที่ทำอยู่ก็เพิ่งจะค่อนข้างลงตัว แล้วก็ไม่ได้เครียดมาก ก่อนหน้านี้คือเครียดแล้วก็ช่วงโควิดพอดีค่ะ เปิดร้านช่วงโควิดพอดีก็เลยมะรุมมะตุ้มนิดนึงค่ะ”
ตอนนี้มีธุรกิจส่วนตัวอะไรบ้าง
“ตอนนี้ทำร้านอาหารค่ะ ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ อยู่ตรงคลอง 4 มาร์เก็ตวิลเลจ คาเฟ่ตอนนี้ปิดไปแล้วค่ะ เพิ่งปิดไปเองค่ะ แล้วก็ทำแบรนด์ตัวเองอยู่ในออนไลน์ แบรนด์ขายกระเป๋า เสื้อผ้า อันนี้เรามีส่วนทุกอย่างเลยค่ะ คือเราก็จะแบ่งกัน เพื่อนก็จะดูแลในเรื่องของพาร์ทกระเป๋า เราก็ดูแลเรื่องของเสื้อผ้า ไปคุยกับช่างหาโรงงาน ส่งของ ถ่ายแบบ”
ยังอยากปลุกปั้นทำธุรกิจเรื่อยๆ
“ใช่ๆ ก็อยากทำให้มันดี อยากลองทำอะไรใหม่ๆ ค่ะ ก็ถือว่าลองผิดลองถูกแล้วก็เรียนรู้ไปกับมัน ช่วงที่ลองผิดลองถูกก็ไม่ได้เครียดขนาดนั้น แค่เราอาจจะยังจับจุดไม่ได้ว่าทำแบบไหนมันดี หรือทำแบบไหนแล้วมันจะโอเค”
เป้าหมายในการทำธุรกิจ
“เราก็อยากให้มันดี ถ้าสมมติมันดีจริงๆ ก็อยากที่จะขยายสาขา อยากให้มันแบบ เออ ทำแล้วประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่ทดลองทำ เริ่มทำ ก็ปลุกปั้นอยู่ค่ะ”
เริ่มมีน้องๆ รุ่นใหม่เกิดขึ้นเยอะ มองวงการบันเทิงตอนนี้เป็นอย่างไร
“น้องๆ ขึ้นมาใหม่เป็นนักแสดงเยอะค่ะ ก็เป็นสิ่งที่ดี แล้วก็มีโอกาสทำงานได้หลายช่องมากขึ้นด้วย เพราะว่าช่องก็เกิดขึ้นเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ ช่องทีวีด้วยค่ะ มีความหลากหลายมากขึ้น อย่างนักแสดงที่เราไม่เคยร่วมงาน เราก็ได้มาร่วมงาน ไม่ได้ฟิกตายตัวว่าต้องอยู่ที่เดิมก็ผลัดกันวนกัน ไปทำงานกับหลายที่เราก็ได้เห็นการทำงานหลายๆ ช่อง หลายๆ ทีมค่ะ เด็ดสมัยนี้เก่งมากเลยทำได้ทุกอย่างเลย”
ประสบการณ์ที่ผ่านมาให้อะไรกับเราบ้าง
“ให้เยอะค่ะ เรื่องความรับผิดชอบ ความอดทนและก็วินัย ทำให้เราโตขึ้น”
ที่ผ่านมาเรื่องความรักถูกจับตามองมาตลอด
“เรื่อยๆ ค่ะ ถามว่าเบื่อมั้ยมีข่าวคู่รักเลิกกันคนมักจะเดาเป็นคู่เรา มันไม่ได้เชิงเบื่อ คือเราแค่ไม่รู้จะหาคำตอบอะไรมาต่อ เราก็ได้แต่ตอบแบบเดิมๆ ว่าแบบ เอ้ย มันก็เรื่อยๆ มันก็ปกติ ด้วยความที่อายุ ต่างคนต่างอายุเยอะมากขึ้น เราก็มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น งานมันก็เยอะขึ้น เราก็เลยอาจจะไปโฟกัสที่งาน หน้าที่ของตัวเอง”
เป็นความตั้งใจของเราทั้งคู่ เลือกที่จะไม่เปิดเผยเรื่องความรักเพราะไม่อยากให้หวือหวาหรือเปล่า
“สำหรับตัวหนูนะคะ คือหนูรู้สึกว่าเป็นช่วงที่รู้จักกันมานานมาก 7 ปีแล้ว คือช่วงนี้มันเป็นช่วงหนูเริ่มอายุเยอะแล้ว สิ่งที่ต้องรับผิดชอบมันมีเยอะมาก บางทีเราอาจจะให้เวลากับงานมากกว่าความรัก อาจจะด้วยความรักมันรู้จักกันมานาน มันเลยไม่ได้สนใจมาก ก็เลยไม่ได้ต้องมานั่ง เออ เดี๋ยววันนี้ตั้งใจว่าจะลงรูปนะ มันยังไม่มีจังหวะที่จะแบบ อุ้ย รูปสวย ว่างจริงๆ แล้วมานั่งลง อาจจะเป็นแบบนั้นมากกว่า จนเราไม่ได้นึกถึง”
แต่ไม่ถึงขั้นเป็นข้อตกลงร่วมกัน
“ไม่ได้เป็นข้อตกลง เพราะว่าทั้งคู่คือเป็นอย่างนี้ แล้วมันไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับทั้งคู่”
เคยคุยกันมั้ยคู่เราเป็นแบบนี้ ทำให้ถูกจับตามองตลอด
“ไม่เคยคุยกันจริงจังค่ะ แต่จะเป็นการเล่าแบบเหมือนวันนี้เจออะไรมา ก็เล่าให้ฟัง เขาก็จะขำๆ เราก็ขำๆ แค่รับทราบแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง”
ถ้าให้นิยาม เคน-เอสเธอร์ เป็นคู่รักแนวไหน
“เป็นคนชิลทั้งคู่ค่ะ เป็นคนง่ายๆ ทั้งคู่ ไม่ค่อยเรียกร้องอะไรเยอะ ไม่ค่อยตีกันค่ะ ส่วนใหญ่เจอกันก็จะคุยกันเรื่องต้นไม้ เขาก็จะเล่าเรื่องงานให้ฟัง เราก็จะเล่าเรื่องงานให้ฟัง คุยเรื่องงาน คุยเรื่องจิปาถะ บางทีไม่มีอะไรคุยก็คือนั่งเงียบๆ แต่อยู่ด้วยกันแต่นั่งเงียบ”
ความรักคู่เรายังไม่หมดแพชชั่น
“ไม่หมดๆ ค่ะ เขาเรียกว่าอะไรสบายใจกับความเงียบ มันเป็นแบบนี้ก็โอเค อาจจะด้วยความที่เขาก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว กลายเป็นเหมือนเราจะพูดเยอะกว่าเขา บางทีเราก็ถามโอเคใช่มั้ย เขาก็บอกโอเคไม่มีอะไร เขาเป็นคนง่ายกว่าหนูอีกอะไรก็ได้ เอาที่น้องสบายใจ”
คิดว่าอะไรทำให้คู่เราจับมือรักกันมานานเข้าปีที่ 8 แล้ว
“น่าจะเป็นความ คือหนูเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรแบบว่าเยอะ ถ้าเราอยู่กับคนนี้แล้วเราสบายใจเรก็จะแบบโอเค เราชอบความนิ่ง ความไม่หวือหวา”
เคนคือตอบโจทย์เราในเรื่องความเป็นคนนิ่งๆ
“ตอบโจทย์เลย นิ่งไปเลย นิ่งเกิน จนต้องถามเธอพูดบ้างนะ บางทีเราก็ไม่รู้ว่ามันโอเคหรือเปล่า (หัวเราะ)”
มีจุดให้ปรับตัวเข้าหากันตลอด
“จริงๆ ก็ปรับตัวตลอดนะคะ คือปีนี้มันก็อาจจะมีเรื่องนี้ แต่เราก็แก้ไขแล้วก็เข้าใจ ปีหน้าเดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่ก็จะเป็นวงจรอย่างนี้ แต่เราก็โอเคกับการที่แบบอยู่กับคนนี้ อยู่แล้วมันสบายใจมันก็โอเคนะคะ”
เคนยังเสม่ำสมอเหมือนวันแรก
“สม่ำเสมอค่ะ นิ่งยังไงตั้งแต่วันแรกก็นิ่งจนถึงวันนี้ (หัวเราะ) ดีค่ะ หนูชอบความสม่ำเสมอ เราไม่ค่อยเรียกทั้งคู่ส่วนใหญ่เรารับได้ที่เขาเป็นแบบนี้ เขาก็รับได้ที่เราเป็นแบบนี้มันเลยไม่ค่อยมีเรื่องตีกัน ส่วนใหญ่ที่จะเรียกร้องก็คือเรื่องวินัย เอกสารของเป็นคนขี้ลืมจะเป็นเรื่องจุกจิกทั่วไป เรื่องชีวิตประจำวัน เรื่องใหญ่ๆ ไม่ค่อยจะมี”
แอบมีคุยเรื่องอนาคตบ้างหรือยัง
“เคยคุยกันขำๆ ว่าแบบพยายามทำงานเพื่อที่จะไปถึงเป้าหมายที่เราวางไว้ แต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้ค่ะ แต่มีเป้าหมายด้วยกันแน่นอน”