"แพทริเซีย" แอบเม้าท์ "โน้ต วิเศษ" เป็นสามีมุ้งมิ้ง ทุ่มสุดตัวอุ้มท้องเล่นบทเมียน้อย
ทุ่มสุดตัวจริงๆ กับละครเรื่องนี้ สำหรับนางเอสาว แพทริเซีย-ธัญชนก กู๊ด ที่ต้องอุ้มท้อง น้องเอลิเซีย ตอนนั้นยังเป็นตัวจิ๋วอายุครรภ์ 3 เดือน มาถ่ายทำละคร เกมรักทรยศ แถมบทบาท คาริสา ซึ่งมีสถานะเป็นเมียน้อยทำให้ต้องงัดพลังและฝีมือมาฟาดฟันกับเมียหลวง อย่าง แอน ทองประสม แบบหนักหน่วงตลอดทั้งเรื่องจริงๆ
เมื่อ sanook.com มีโอกาสพูดคุยกับคุณแม่มือใหม่ ตอนนี้ลูกสาวตัวน้อยออกมาลืมตาดูโลกได้ 2 เดือนกว่าแล้ว จึงให้สาวแพทย้อนเล่าความรู้สึกและบรรยากาศการทำงาน หลังเพิ่งรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ขณะกำลังถ่ายทำละครเรื่องนี้อยู่ ด้านสามี โน้ต วิเศษ แม้จะเข้าใจเรื่องการทำงาน แต่ก็แอบเป็นห่วงภรรยาไม่น้อยเลยทีดียว
โดย แพทริเซีย เล่าว่า “อย่างที่บอกว่าเรามีความสุขกับการทำงานอยู่แล้ว ทุกครั้งที่พยายามเอ็นจอย ถึงบทมันจะหนักนิดนึง แต่มันเพิ่งมาเหนื่อยหลังๆ หรือซีนที่เราเจอแล้วเป็นบ้านเราทั้งวัน ร้องไห้ แล้วไหนจะตบตีกับสามี แล้วต้องมานั่งร้องไห้คนเดียว อันนั้นเราจะเหนื่อย กลับบ้านแล้วพลังหมด แต่เราก็รู้สึกว่าดีกว่าที่จะอยู่บ้านเฉยๆ ไม่มีงาน และเราแฮปปี้กับการทำงานทุกๆ ครั้งค่ะ ก็เลยไม่ได้เครียด และทุกครั้งที่เราไปเช็คอัพน้องก็สุขภาพดี ดิ้นดี เราก็โอเค”
แล้วเวลาเราพูดเยอะๆ น้องมีถีบในท้องบ้างไหม ?
“ใช่ คือเขาก็คงสัมผัสได้กับสิ่งที่เรารู้สึก ก็บอกเขาตลอดเวลาร้องไห้ว่าขอทำงานก่อนนะ(หัวเราะ) ก็แจ้งให้ทราบ จริงๆ ไม่ได้กังวลเลย (ยิ้ม) เราแค่กังวลเรื่องความเหนื่อยมากกว่า เพราะมัน เช้า-ดึก ทุกวัน ก็จะพักผ่อนน้อยมากกว่า แต่เรื่องอารมณ์คิดว่า โอเค ให้นางสนุกๆ กับการทำงานบ้าง”
ตอนที่รู้ว่าท้องแล้วยังถ่ายไม่เสร็จ เคยคิดอยากจะถอนตัวก่อนไหม ?
“คุยเลยค่ะ คุยกับผู้ใหญ่ทางช่องและทางผู้กำกับ ผู้จัด ว่าเราจะทันหรือเปล่า เราจะยังไงดี คือตอนนั้นหนูถ่ายไปน้อยมากตอนที่ทราบว่าท้อง ประมาณไม่ถึง 10 วันด้วยมั้งคะ ก็มีถามว่าเปลี่ยนตัวทันมั้ย แต่ด้วยความที่เขาก็เลือกแล้ว และทำพีอาร์ไปแล้ว เขาก็ไม่อยากเปลี่ยนตัว หนูก็ไม่อยากเปลี่ยนหรอก เสียดายโอกาสมาก แต่ที่กังวลเพราะเราไม่อยากให้เขาเสียงานด้วย และเขามาในจังหวะที่เร็วกว่าที่เราคิด แต่ว่าก็จัดการได้ค่ะ พอคุยทุกๆ ฝ่ายแล้วบอกว่าจัดการเวลาได้ เราก็สบายใจ”
ช่วง 10 วันที่ถ่ายไปก็คือท้องแล้วประมาณ 3 เดือนใช่ไหม ?
“ใช่ค่ะ ประมาณนั้น เพราะของหนูไม่ได้ถ่ายติดกันเหมือนพี่แอน พี่แอนเขาจะถ่ายทุกวัน แต่ของหนูเดือนนี้อาจจะถ่ายแค่ 2 วัน เดือนหน้ามาเจอกันอีก 3 วัน อะไรประมาณนี้ ก็เลยได้เจอกองน้อย แต่มาอีกทีก็คือเซอร์ไพรส์ (หัวเราะ) ตอนเข้าฉากท้องไม่ใหญ่เลย เพิ่งมาใหญ่ประมาณหลัง ก.พ.-มี.ค. กางเกงเริ่มใส่ไม่ได้ เริ่มต้องปรับเรื่องคอสตูม”
ในเรื่องเราต้องมีท้องอยู่แล้วก็เลยต่อเนื่องได้ ?
“ไม่ เพราะละครจะถ่ายไปๆ มาๆ ก็คือตอนยังไม่ท้อง แต่ในเรื่องถ่ายตอนท้องโต ก็คือยัดหมอนยิ่งใหญ่อลังการ และพอมาท้องจริงๆ ก็เป็นพาร์ทช่วงหลังที่เรามีลูกแล้ว ลูกโต 2 ขวบ แต่ฉันต้องมาใส่ชุดที่มันดูไม่ออกว่าท้องนะ เพราะในเรื่องคือคลอดลูกแล้ว บางทีมันก็จะมีอุปสรรคอย่างนี้ เพราะเราไม่ได้ถ่ายเรียงกัน มันมีแค่ตอนแรกๆ ที่เราถ่ายชุดฟิตๆ สวยๆ ก็จะมีตัดและเย็บสดหน้ากองบางอัน แต่หลักๆ มุมกล้องก็ช่วยได้”
คุณสามีตัวจริง โน้ต วิเศษ ตอนนั้นเขาเป็นห่วงไหม ?
“เพิ่งมาเป็นหลังๆ เลยค่ะ พอท้องเริ่มโตเดือนที่ 5-6 เขาก็เริ่มมีถามว่าเหนื่อยหรือเปล่า ตื่นเช้าไปกองเขาก็จะกังวลนิดนึง คือเรารู้สึกว่าเราดูแลตัวเองดี และใกล้ชิดหมอตลอดก็เลยไม่ได้เครียดอะไร ทุกๆ ครั้งที่ไปเช็คอัพก็เฮลตี้ปลอดภัยดี ก็เลยไม่ได้อยากสร้างความเครียดกังวลไปเองทั้งๆ ที่หมอไมได้พูดอะไร ก็ใช้ชีวิตปกติมากๆ ค่ะ”
มีเอาตัวละครกลับไปบ้านบ้างไหม ?
“แรกๆ เป็น เพราะบทมันหนักมาก และเราก็อยากจะอินกับมันให้มากที่สุด เพราะถ้าเราแค่ผิวเผินมันก็ไม่ได้อินขนาดนั้น แต่พอท้องเริ่มโตอันนี้เริ่มยาก เพราะเรารู้สึกว่ามีอีกคนอยู่กับเรา และรู้สึกถึงการดิ้น แต่เรายังต้องมาปรับโฟกัสกับการแสดง อันนี้จะยากนิดนึง”
ในเรื่องมีซีน อนันดา ต้องมาลูบท้องเราด้วย ?
“ใช่ คือมันมีซีนลึกซึ้ง คุยกับลูก จุ๊บลูก ก็คุยกับพี่โน้ตอยู่ว่าเขาจะงงป่าววะ ว่าพ่อเขาคือใคร (หัวเราะ) เพราะเขาเล่นกับน้องเยอะ ถามว่าพี่โน้ตหวงมั้ยในฐานะพ่อตัวจริง นางก็ขำๆ แหละ จริงๆ นางก็ไม่ได้อะไรหรอก เข้าใจว่าเป็นการทำงาน แรกๆ ที่น้องดิ้นจะไม่ค่อยมีใครจับได้ คือแพทจะรู้สึกคนเดียว แต่คนแรกที่จับได้ก็คือพี่อนันดาที่กอง แต่พอพ่อจับเขานิ่งนะ แต่พอพี่อนันดาจับเขาถีบ ฮามาก แล้วพอเล่าให้พี่โน้ตฟังก็ขำกันใหญ่”
ขณะถ่ายทำมีปัญหาแพ้ท้องไหม ?
“ไม่ค่อยเลยค่ะ หนูโชคดีมากเป็นจังหวะที่หนูไม่ได้ถ่าย ที่เขาอัดพี่แอน ก็เป็นช่วงเดือน 2-3 ที่เริ่มมีอาเจียน แต่คิวไม่ได้อยู่ที่หนู ก็โอเค”
ฉลองวันเกิดปีนี้ได้เป็นคุณแม่เต็มตัว ?
“ไม่ได้อะไรเลยค่ะ เลี้ยงลูกแล้วก็ทานข้าวกับครอบครัวง่ายๆ รีบกลับไปหาลูก (หัวเราะ) ไม่มีปาร์ตี้เลยค่ะ รู้สึกว่ามันเหนื่อย แค่นี้เราก็แฮปปี้แล้ว ขอแค่ได้พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว”
ตอนนี้สามีให้ของขวัญแตกต่างจากเดิมไหม ?
“ให้ค่ะ ก็ซื้อของให้เล็กๆ น้อยๆ (ยิ้ม) นางไม่ให้พูดหรอก แต่ก็มีมูลค่าทางจิตใจ เอาจริงๆ ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อ คือไม่ได้อยากได้อะไรจริงๆ แต่เขาก็บอกว่ายูก็ให้ลูกมาแล้ว ก็ขอซื้อให้นิดนึง (ยิ้ม) เป็นกระเป๋าค่ะ เอาจริงๆ ไม่ได้อยากจะได้ เพราะจริงๆ ก็ไม่ได้ใช้ เพราะช่วงนี้เลี้ยงแต่ลูก แต่ก็ถูกใจค่ะ แต่รู้สึกว่าเอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า”
“จริงๆ ถ้าสังเกตหนูไม่ได้เป็นคนใช้เงินหรืออะไรอย่างนั้นอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าพอเรารู้มูลค่าของมัน และมันเป็นสิ่งของ บางทีหนูก็จะเบรกหน่อยนิดนึง ที่ผ่านมาคือส่วนใหญ่เขาจะให้แค่เนื่องในโอกาสวันเกิด ส่วนใหญ่วันเกิดเขาจะไม่เคยพลาด ขอเซอร์ไพรส์หน่อย เราก็บ่นทุกปีนะ แต่นางก็ขอแค่ครั้งนึงต่อปี”
จริงๆ เขารู้ใจเราขนาดไหนว่าอยากได้อะไร ?
“จริงๆ เขารู้ว่าเราไม่ได้ต้องการอะไร แต่เขาบอกว่าเขาอยากให้ อันนี้เราก็โอเคที่เขาใส่ใจ จริงๆ เขาเป็นคนชอบช่วยหนูดูเรื่องการแต่งตัวนะ นางชอบแฟชั่น เมื่อก่อนนางบอกว่าแต่งตัวเก่ง เดี๋ยวนี้ก็จะชอบเลือกชุดให้ จริงๆ นางมุ้งมิ้งกว่าที่ทุกคนคิด พอเจอทุกคนก็จะบอกว่าทำไมผู้ชายคนนี้ดูมุ้งมิ้ง ดูใจดีกว่าที่คิด คือเขาก็จะมีมุมที่อาจจะไม่ได้เห็นกันในสื่อ”
เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนเป็นแฟนแล้วใช่ไหม ?
“ใช่ค่ะ เป็นตั้งแต่เป็นแฟนแล้ว บางทีก็จะซื้อเสื้อผ้าให้ ซื้อกระเป๋าให้ วันนี้แต่งตัวอย่างนี้นะ ไปโน่นไปนี่แต่งตัวแบบนี้สิ (หัวเราะ) แต่แพทว่าดีนะ เพราะเป็นคนแต่งตัวไม่เป็น มีคนคอยช่วยก็เป็นสิ่งที่ดี”
มีผู้ชายมาแนะนำอะไรแบบนี้ให้ ตอนคบกันแรกๆ แอบคิดว่าแปลกไหม ?
“แรกๆ ยังไม่ถึงขั้นว่าใส่แบบนั้นแบบนี้ จะเป็นฟีลซื้อของให้แล้วเราก็ใช้ แต่หลังๆ เขาชอบซื้อรองเท้าคู่ให้ มุ้งมิ้ง ไปไหนก็บอกว่าใส่รองเท้าเหมือนกันสิ (หัวเราะ) ตลกดี ทุกวันนี้ก็ยังใส่ของคู่กันอยู่ แต่จะหนักไปทางลูก ก็จะเห็นลูกเยอะหน่อยค่ะช่วงนี้ (ยิ้ม)”