ประวัติ “เอกชัย หงส์กังวาน” จากคนขายหวย สู่นักต่อสู้ทางการเมืองผู้โดนทำร้ายนับไม่ถ้วน

เชื่อว่าชื่อของ “เอกชัย หงส์กังวาน” คงเป็นอีกชื่อหนึ่งที่คนติดตามการเมืองมาอย่างยาวนานคงคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เขาเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางหลังจากเริ่มเดินสายประท้วงกรณี “นาฬิกาเพื่อน” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่หนทางการเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองของเอกชัย เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2560 ทำให้เขาถูกทำร้ายร่างกายและทำลายทรัพย์สินเกือบ 10 ครั้ง แล้วประชาชนคนธรรมดา ที่ผันตัวมาเป็นนักต่อสู้ทางการเมืองคนนี้คือใคร Sanook เปิดประวัติ “เอกชัย หงส์กังวาน” พ่อค้าหวยออนไลน์ที่กลายมาเป็นผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 30 คดี 

• ศาลอาญาสั่งจำคุก 1 ปี "เอกชัย หงส์กังวาน" โพสต์เล่าเรื่องเซ็กซ์ในเรือนจำ
• หาม “เอกชัย หงส์กังวาน” เข้า รพ.ราชทัณฑ์ หลังมีไข้สูง ตัวเหลือง ตาเหลือง

เอกชัย หงส์กังวาน คือใคร

เอกชัย หงส์กังวาน หรือ เอก อายุ 48 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แต่ไม่ได้กลับมาสานต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของครอบครัว เอกชัยลองทำธุรกิจหลายอย่าง เช่น การขายหวยบนดิน ในสมัยของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นต้น 

ต่อมาได้เกิดรัฐประหาร ปี 2549 ทำให้เอกชัยได้รับผลกระทบ และสูญเสียการงาน เขาจึงเริ่มออกไปชุมนุมและผันตัวมาเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง จนถึงวันนี้ เอกชัยต่อสู้ทางการเมืองมาอย่างโชกโชน ถูกดำเนินคดีมาแล้วอย่างน้อย 30 คดี เคยถูกเอาตัวไปเข้ากระบวนการ “ปรับทัศนคติ” ทั้งหมด 3 ครั้ง และถูกข่มขู่ ลอบทำร้าย เผารถยนต์ รวมแล้ว 9 ครั้ง 

เส้นทางการต่อสู้ของเอกชัย

เอกชัยถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จากการขายซีดีสารคดีของสำนักข่าว ABC และแจกเอกสารวิกิลีกส์ ในการชุมนุมของกลุ่มแดงสยาม เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 โดยคดีนี้ทำให้เอกชัยถูกจำคุก 2 ปี 8 เดือน และได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 จึงรวมตัวกับเพื่อนๆ ตั้งสมาคมเพื่อเพื่อน ช่วยเหลือผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง และเริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างจริงจัง ในช่วงหมุดคณะราษฎรหาย 

ในช่วงปลายปี 2560 เอกชัยเคลื่อนไหวอย่างจริงจังในประเด็นเรื่อง “นาฬิกาหรู” ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วยการประกาศไปดักรอมอบนาฬิกาให้ที่กระทรวงกลาโหมและบ้านพัก ต่อมาเมื่อกลุ่มคนอยากเลือกตั้งออกมาชุมนุมเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งภายในปี 2561 เอกชัยก็ได้เข้าร่วมจนถูกดำเนินคดียุยงปลุกปั่นร่วมกันแกนนำ ทั้งที่ตัวเขาไม่มีบทบาทในการจัดชุมนุมหรือขึ้นปราศรัย 

ต่อมาในปี 2563 เอกชัยก็ยังออกไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มราษฎร จนถูกดำเนินคดีในข้อหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพของสมเด็จพระราชินี ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงถึง 20 ปี โดยเอกชัยถูกกล่าวหาว่าขัดขวางขบวนเสด็จของพระราชินี ระหว่างการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 

นักต่อสู้ที่โดนทำร้ายคุกคามนับไม่ถ้วน

นอกจากจะถูกดำนเนิคดีแล้ว เอกชัยยังถูกคุกคามหลายรูปแบบ ทั้งการเผารถยนต์ การทำร้ายร่างกาย ไปจนถึงการถูกเจ้าหน้าที่อุ้มที่จังหวัดกาญจนบุรี 

เอกชัยถูกดักทำร้ายร่างกายมาอย่างน้อย 7 ครั้ง ทั้งถูกปาแก้วน้ำใส่ หลังเดินทางไปขอมอบของขวัญให้ พล.อ.ประวิตร ถูกดักชกหรือรุมตี จนได้รับบาดเจ็บกระดูกนิ้วมือแตก และถูกชาย 4 คนทำร้ายร่างกายบริเวณหน้าศาลอาญา นอกจากนี้ เขายังโดนคนร้ายลอบเผารถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน แต่เมื่อเอกชัยเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ และอีกกรณีคือโดนทุบกระจกรถยนต์ เผาห้องโดยสาร จนไม่สามารถซ่อมแซมได้ 

เอกชัยเคยให้สัมภาษณ์กับ iLaw ระบุว่า "มีคนยุให้หนี กูไม่หนี การหนีมันไม่ใช่การแก้ปัญหา คนส่วนใหญ่คิดว่าก้าวพ้นประเทศไทยก็รอดแล้ว แต่ถามหน่อยไปต่างประเทศมึงจะอยู่ยังไง อยู่เมืองไทยอย่างน้อยพูดภาษาไทยได้ ยังมีคนรู้จัก ไปอยู่ที่โน่นต้องพูดภาษาต่างประเทศมึงพูดได้มั้ย มีเงินมีคอนเนคชันพร้อมมั้ย ไปถึงแล้วมีคนช่วยมั้ย พี่ว่าเอาเข้าจริงแล้วลำบากกว่าติดคุกอยู่ที่นี่อีก ดูอย่างพี่พอติดคุกออกมาก็เป็นอิสระไปไหนมาไหนทำอะไรก็ได้ แต่คนที่เลือกหนีหลายคนก็ไปลำบากอยู่แล้วก็ไม่รู้ว่าเรื่องจะจบจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่"