เส้นทางมาเฟีย! ย้อนดูคดียิงอุกอาจ ดับเจ้าพ่อเย้ยกฎหมาย
อำนาจและเงินตราคือสิ่งหอมหวานยั่วยวนชวนหลงใหล หากมีเงินคนก็นับหน้าถือตา หากมีอำนาจบารมี คนก็ก้มหัวให้ แต่การจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อมันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องต่อสู้ฝ่าฝันแย่งชิงกว่าจะมายืนอยู่จุดสูงสุดที่เรียกว่าหัวมังกร แค่ยึดตำแหน่งว่ายากแล้ว การรักษาตำแหน่งยิ่งยากว่า เพราะไม่ว่าใครก็อยากมาแทนที่เสมอ
ย้อนดูเส้นทางสายมาเฟีย อำนาจบารมีจะอยู่ไม่นาน แต่ตำนานจะอยู่ตลอดไป
แคล้ว ธนิกุล หรือ เฮียเหลา เจ้าพ่อนครบาล
แคล้ว ธนิกุล เขาคือเจ้าพ่อนครบาล หรือ คุมเมืองหลวงนั่นเอง เขาเติบใหญ่ในย่านสวนมะลิ เริ่มต้นจากชีวิตนักมวยก่อนจะก้าวเข้าสู่วงการมวย เปิดค่าย ส.ธนิกุล เขาถูกปองร้ายหลายครั้ง แต่เขาก็รอดตายมาได้ จนมีเสียงร่ำลือว่า หนังเหนียว เพราะแขวนพระดัง สมเด็จวัดระฆัง จึงทำให้แคล้วคลาด
เหตุการณ์ลอบสังหาร แคล้ว ธนิกุล ที่โด่งดังมากจนเป็นข่าวหน้าหนึ่งคือการวางระเบิดที่สนามมวยลุมพินี เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2525 ในศึกดังทะลุฟ้ามหากุศล มีนักการเมืองและผู้มีอิทธิพลเข้าร่วมงานหลายคนไม่ว่าจะเป็น ชวน หลีกภัย และ วีระ มุกสิกพงศ์ รวมถึงมีผู้เข้าชมมวยถึง 5,000 คน
เหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน หนึ่งในนั้นคือ พันตำรวจตรี สุรศักดิ์ โลหะชาละ สารวัตรแผนกฝึกอบรม กองกำกับการอำนวยการ กองบังคับการนครบาลเหนือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ส่วนแคล้วรอดตายในเหตุการณ์นี้มาได้อย่างหวุดหวิด
ทั้งนี้มือระเบิดถูกจับและซัดทอดไปถึงเพื่อนสนิทของ เต็งโก้ เจ้าพ่ออีสาน ซึ่งเป็นคู่อริของ แคล้ว ธนิกุล ว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่า ภายหลังเต็งโก้ถูกลอบสังหารด้วยฝีมือคนสนิทของ แคล้ว ธนิกุล
ด้วยรอบกายเต็มไปด้วยผลประโยชน์ลาภยศเงินทองและการถูกลอบสังหารหลายครั้ง ทำให้เขาต้องระแวดระวังภัยเป็นพิเศษ จึงจ้างลูกน้องคนสนิท ตี๋ ดำเนิน หรือ มือปืนร้อยศพ ให้ติดตามไปตลอดทุกที
แต่แล้วมัจจุราชก็มาเยือน วันที่ 5 เมษายน 2534 แคล้ว ธนิกุล ถูกสังหารด้วยห่ากระสุนชุดใหญ่จากปืนเอ็ม 16 ปืนอาก้า และเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ในรถกระบะนิสสันสีดำพร้อมกับ ตี๋ ดำเนิน คอยคุ้มกัน บนถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ขณะเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดสมุทรสงคราม
สภาพรถถูกยิงจนพรุน ขณะเสียชีวิตเฮียเหลายังอมพระเครื่องอยู่ในปากหวังให้ช่วยแคล้วคลาด แต่ก็ไม่รอดปิดตำนานเจ้าพ่อนครบาล
บุญเลี้ยง อดุลยฤทธิกุล หรือ เฮียเลี้ยง เจ้าพ่อคาเฟ่
บุญเลี้ยง อดุลยฤทธิกุล เจ้าพ่อคาเฟ่ เป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าของวิลล่าคาเฟ่และดาราคาเฟ่ คาเฟ่ที่รุ่งเรืองอีกแห่งบนย่านถนนพระราม 9 คนในแวดวงมักจะเรียกขานนามเขาว่า เฮียเลี้ยง ถือเป็นยุคเฟื่องฟูของคาเฟ่สถานบันเทิงที่คราคร่ำไปด้วยตลกชื่อดัง เรียกว่าเป็นบ่อเงินบ่อทองของตลกเลยทีเดียว
โดยเขาได้เริ่มทำธุรกิจกลับทางบ้าน และได้เซ้งกิจการคาเฟ่ต่อ จนกระทั่งคาเฟ่ได้เป็นที่ยอมรับของหมู่นักท่องเที่ยวยามราตรี ซึ่งทำให้ตลกในคาเฟ่ได้แจ้งเกิด และเป็นที่รู้จักกันมาก เช่น คณะเชิญยิ้ม, ชวนชื่น และต่างๆ อีกมากมาย จนปัจจุบันนี้
แต่วงการนี้ไม่ได้มีแต่ เฮียเลี้ยง เพราะคู่แข่งกระดูกชิ้นโต คือ พระราม 9 คาเฟ่ ของ สมยศ สุธางค์กูร เรียกได้ว่ามีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นการชิงตัว ตลกแถวหน้า หรือ นักร้องคนดัง ถึงขนาดที่ว่าเคยเกิดการแย่งชิงตัวของ ไชยา มิตรไชย และ โก๊ะตี๋ ระหว่าง เฮียเลี้ยง และ เสี่ยสมยศ
ด้วยวิธีการส่งคนไปอุ้มให้มาแสดงที่คาเฟ่ตนเอง เรียกว่าเป็นยุทธการเพชรตัดเพชรอยู่ในสนามแข่งขันที่ร้อนเป็นไฟ
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ "เฮียเลี้ยง" ถูกปลิดชีพด้วยอาวุธปืนเสียชีวิตภายในคอนโดย่านรามคำแหง เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2541 ในด้านคดีตำรวจตั้งปมสงสัยอาจเกี่ยวข้องขัดแย้งในธุรกิจคาเฟ่ด้วยกัน แต่ต่อมาคดีเป็นที่สิ้นสุดจบลงที่เป็นการฆ่าชิงทรัพย์ ปิดบัญชี "เฮียเลี้ยง" เจ้าพ่อธุรกิจคาเฟ่แบบถาวร
สมยศ สุธางค์กูร หรือ เสี่ยสมยศ เจ้าพ่อคาเฟ่
สมยศ สุธางค์กูร ในฐานะเจ้าพ่อคาเฟ่ที่ตีคู่ขนานมากับ เฮียเลี้ยง หลังสิ้นเจ้าพ่อคู่แข่งไป พระราม 9 คาเฟ่ ไร้ซึ่งอุปสรรคทั้งปวงไม่ต้องชิงตัวตลกหรือนักร้องอีกต่อไป
แต่ทั้งนี้มีข่าวว่า เสี่ยสมยศ เคยประกาศห้ามตลกตระกูล เชิญยิ้ม ขึ้นเวทีเรียกเสียงหัวเราะบนเวทีพระราม 9 คาเฟ่เด็ดขาด หรือตลกคณะใดที่ต้องการขึ้นเวที ก็ห้ามมีนามสกุล เชิญยิ้ม ต่อท้าย
เมื่อไร้คู่แข่งธุรกิจคาเฟ่น่าจะไปได้ดีเมื่อเบอร์หนึ่งมีเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น แต่ทว่านานวันเข้าคาเฟ่จากที่เคยครึกครื้นก็เริมซบเซาจนเข้าสู่ยุคอับเฉา ตลกคาเฟ่ตกงานกันเป็นแถวเพราะคนเริ่มไม่นิยมนั่งคาเฟ่กันแล้ว
จนกระทั่งหมดยุคคาเฟ่ไป เสี่ยสมยศ หันไปเล่นการเมือง เป็น ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ลำดับที่ 33 ควบคู่ไปกับเปิดสำนักทนายความ และชื่อของ สมยศ สุธางค์กูร ก็เลือนหายจากสื่อสาธารณะไปนาน
จนกระทั่งปรากฎเป็นข่าวเศร้า เมื่อ เสี่ยสมยศ ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต เมื่อช่วงคืนวันที่ 29 มิ.ย. 2558 บริเวณลานจอดรถหลังรับประทานอาหารที่ภัตตาคารเจ้าประจำ ในด้านคดีตำรวจกำลังไขปริศนาที่มาของการสังหารโหดครั้งนี้
แต่การตายครั้งนี้เหมือนเขียนบทมาให้คล้ายฉายหนังซ้ำ สองเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ในวงการคาเฟ่ จบชีวิตด้วยคมกระสุนที่เหมือนกัน
การก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่แบบไร้คู่แข่ง ใช้กลยุทธ์แบบมาเฟีย แม้จะยืนอยู่ได้ในระยะข้างต้น แต่ตำแหน่งที่ได้มายากที่จะรักษาไว้ แล้วจุดจบที่เหมือนกันถ้าไม่ถูกลอบสังหาร ก็ถูกฆ่าแบบไร้ปราณี เห็นแบบนี้แล้วยังคิดไม่ตกว่าเส้นทางสายนี้ถึงจะโหดเหี้ยมแค่ไหน ก็ยังจะมีคนเข้ามาลองของอยู่ร่ำไป เพราะผลประโยชน์มันมหาศาลชวนลิ้มลองจริงๆ