“น้ำท่วม ไฟป่า อากาศร้อนจัด” เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา โลกของเราได้เผชิญกับ “ภัยธรรมชาติ” ที่รุนแรงมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ละครั้งก็สร้างความสูญเสียให้กับมนุษย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมในลิเบีย คลื่นความร้อนที่ส่งผลให้อากาศร้อนจัดในหลายประเทศทั่วโลก ไปจนถึงปัญหาไฟป่าที่ลุกลามจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพและทรัพย์สินของคนในพื้นที่นั้นๆ
ภัยธรรมชาติเหล่านี้กำลังตอกย้ำปัญหา “ภาวะโลกร้อน” ที่กำลังเกิดขึ้นจริง และกำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในทุกวัน โดยรายงานล่าสุดของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนมีนาคม 2023 ที่ผ่านมา ระบุว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมได้คาดการณ์ว่าโลกจะร้อนขึ้นอีก 1.5 องศาเซลเซียส ในช่วงต้นทศวรรษ 2030 ซึ่งจะส่งผลให้สภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง และทำให้เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย
- "อากาศร้อนจัด" จาก "ภาวะโลกเดือด" ที่ส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตทั่วโลก
- สรุปประเด็น “ญี่ปุ่น” ปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กระทบประเทศไทยอย่างไร?
Sanook รวบรวมเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความตระหนักเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เราทุกคนมีส่วนทำให้เกิดขึ้น
น้ำท่วมใหญ่ในลิเบีย
เมื่อวันจันทร์ ที่ 11 กันยายน 2023 ที่ผ่านมา ประเทศลิเบีย ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาเหนือ ได้เผชิญกับพายุไซโคลนแดเนียล ถือเป็นไซโคลนที่รุนแรงมากที่สุดในรอบ 15 ปี ก่อให้เกิดฝนตกหนักและส่งผลให้เขื่อน 2 แห่งในลิเบียพังทลาย เกิดเป็นกระแสน้ำเชี่ยวไหลทะลักท่วมเมืองเดอร์นาอย่างรวดเร็ว ราวเหมือนกับสึนามิขนาดใหญ่ที่พัดเข้าใส่บ้านเรือนของประชาชน
ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดนองค์การสหประชาชาติ (UN) ได้รายงานข้อมูลล่าสุด ว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11,300 ราย สูญหายอีก 10,100 ราย และกลายเป็นผู้ไร้ถิ่นฐานอีกมากกว่า 40,000 ราย
ทั้งนี้ คาดว่าตัวเลขจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ ในขณะที่ความพยายามในการค้นหาผู้รอดชีวิตยังคงดำเนินต่อไป
อากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ทั่วโลก
คลื่นความร้อนปกคลุมหลายประเทศในทวีปยุโรป เอเชีย และอเมริกาเหนือ ส่งผลให้อุณหภูมิในแต่ละพื้นที่สูงเป็นประวัติการณ์ และทำให้เกิดไฟป่า ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับสุขภาพและทรัพย์สินของประชาชนมากมาย ยกตัวอย่างเช่น เกาะซิซิลีและเกาะซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี ที่อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 48 องศาเซลเซียส ถือเป็นอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดที่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ยุโรปเลยก็ว่าได้ หรือสถานการณ์ไฟป่าบนเกาะโรดส์ ประเทศกรีซ ส่งผลให้ผู้คนมากกว่า 19,000 คนต้องรีบอพยพออกจากพื้นที่ เช่นเดียวกับอีกหลายพื้นที่ในประเทศกรีซ ที่ต้องเผชิญกับอากาศที่ร้อนอย่างรุนแรง และส่งผลให้เกิดไฟป่าตามมา
ในสหรัฐอเมริกา ก็ต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากกว่า 80 ล้านคนทั่วประเทศ โดยในแคลิฟอร์เนียเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงถึง 52 องศาเซลเซียส ในวันที่ 16 กรกรฎาคม 2023 ที่ผ่านมา ขณะที่บางพื้นที่ของสหรัฐฯ ก็ต้องเผชิญกับไฟป่าที่รุนแรง จำเป็นต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน
ไฟป่าฮาวาย
หนึ่งในสถานการณ์ไฟป่าที่รุนแรงมากที่สุดในปีนี้ คงหนีไม่พ้นเหตุไฟป่าบนเกาะเมาวี รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ในช่วงเดือนสิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 106 คน มีการแจ้งรายงานผู้สูญหายมากกว่า 2,000 คน และถือเป็นไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 100 ปีของสหรัฐฯ เลยก็ว่าได้
ภัยแล้งถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดไฟป่า โดยพื้นที่ 14 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภัยแล้งอย่างรุนแรง ขณะที่ตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ปริมาณฝนในฮาวายก็น้อยกว่า 100 ปีก่อน ทำให้พื้นที่ 80 เปอร์เซ็นต์ของฮาวายมีความแห้งแล้งมากกว่าปกติ
น้ำท่วมอินเดีย
ในช่วงเดือนสิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา ทางตอนเหนือของประเทศอินเดียก็เผชิญกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม หลังฝนตกลงมาอย่างหนักจากฤดูมรสุม โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าฝนที่ตกลงมามีปริมาณมากถึง 153 มิลลิเมตร ถือเป็นปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามากที่สุดภายในวันเดียวในรอบ 40 ปี ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตมากกว่า 91 ราย ทางการท้องถิ่นสั่งปิดการเรียนการสอน และเร่งช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย ขณะที่พื้นที่การเกษตรของประชาชนเสียหายอย่างหนัก
ไฟป่าแคนาดา
เช่นเดียวกับในประเทศแคนาดา ที่ปีนี้ก็เผชิญกับสถานการณ์ไฟป่าที่รุนแรง เผาผชาญพื้นที่ทางภาพตะวันตกของประเทศไม่ต่ำกว่า 42,500 ไร่ ส่งผลให้ท้องฟ้าในเมืองของแคนาดาถูกปกคลุมด้วยหมอกควันหนาทึบ ซึ่งเกิดจากสถานการณ์ลมแรงและฟ้าผ่าแห้ง ทำให้เกิดไฟป่าขึ้นหลายจุดและลุกลามเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว
รัฐบาลแคนาดาได้สั่งอพยพประชาชนกว่า 35,000 คนออกจากพื้นที่ ด้านนักวิทยาศาสตร์ก็ออกมาแสดงความกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไฟป่าในแคนาดาครั้งนี้ ได้ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศมากถึง 160 ล้านตัน ผลกระทบจากไฟป่าดังกล่าวยังลุกลามไปถึงบางพื้นที่ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพอากาศที่เกินกำหนดและไม่ปลอดภัยสำหรับการหายใจ
คลื่นความร้อนในเอเชีย
ในช่วงเดือนเมษายน 2023 คลื่นความร้อนก็ได้แผ่กระจายอยู่ในพื้นที่ประเทศจีน อินเดีย ไทย ลาว และอีกหลายประเทศในทวีปเอเชีย ซึ่งทำให้อุณหภูมิสูงถึง 38 - 45 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติความร้อนในหลายประเทศ และกลายเป็นสถานการณ์คลื่นความร้อนที่หนักและรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับคลื่นความร้อนในประเทศไทย วัดอุณหภูมิสูงสุดได้ 45.4 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2023 ที่จังหวัดตาก โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ออกมากล่าวถึงปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” ที่ส่งผลให้สภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งมากขึ้น ขณะที่อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ออกมาประกาศ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2023 ที่ผ่านมา ระบุว่า “ยุคภาวะโลกร้อนสิ้นสุดลงแล้ว พวกเรากำลังอยู่ในยุคภาวะโลกเดือด”
นี่เป็นเพียงตัวอย่างภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจริงในหลายพื้นที่บนโลกใบนี้ ในช่วงเวลาไม่ถึง 1 ปีของปี 2023 เราจะเห็นได้ถึงความรุนแรงและความสูญเสียที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ตอนนี้อาจจะถึงเววลาที่ทุกคนต้องตระหนักและให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้น รัฐบาลต้องเข้ามาแก้ไขอย่างจริงจัง ในขณะที่ประชาชนทั่วไปก็ต้องร่วมมือไปพร้อมๆ กับภาครัฐ เพื่อรักษาโลกใบนี้ให้กับลูกหลานและคนรุ่นใหม่ในอนาคต