ประวัติ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล “มือปราบสายธรรมะ” อดีตพนักงานบริษัทน้ำมัน
หลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 14 เสร็จสิ้นไป เราก็ได้ ผบ.ตร. คนใหม่ ซึ่งก็คือ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ทำให้หลายคนเริ่มอยากรู้จัก “บิ๊กต่อ” หรือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ คนนี้ให้มากขึ้น Sanook ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักเจ้าของฉายา “มือปราบสายธรรมะ” ที่เคยเป็นพนักงานบริษัทน้ำมัน ก่อนจะผันตัวมาสู่การเป็นตำรวจยศใหญ่ในวันนี้
- พลิก! พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผงาด ผบ.ตร.คนที่ 14 หลังก่อนหน้านี้มีมติเลื่อนแต่งตั้ง!
- เปิดหลังบ้าน บิ๊กต่อ ผบ.ตร.คนใหม่ ภรรยาคนเก่ง-ลูกสาว 2 คน ครอบครัวน่ารักอบอุ่น
- เปิดผลงานเด่นบนเส้นทางสีกากีของ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล “ผบ.ตร. คนใหม่”
“พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” คือใคร
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ชื่อเล่นว่า “ต่อ” หรือ “บิ๊กต่อ” เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2507 เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี เป็นน้องคนเล็กในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 5 คน และเป็นน้องชายของ พลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์และเลขาธิการพระราชวัง
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนโยธินบูรณะ ก่อนจะสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็น “สิงห์แดง” รุ่นที่ 38 และคว้าปริญญาโท ศิลปศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม
อดีตพนักงานบริษัทสู่นายตำรวจ
ก่อนเข้ารับราชการตำรวจในปี 2540 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เคยเป็น “พนักงานบริษัท” บริษัทน้ำมันคาลเท็กซ์ และก้าวหน้าในหน้าที่การงานมาเรื่อยๆ จนได้รับเงินเดือนสูงถึง 8 หมื่นบาท แต่ทำงานอยู่ได้ 7 ปีก็ตัดสินใจลาออก เพื่อเดินหน้าทำตามความฝันในวัยเด็กคือการเป็น “ตำรวจ” และเข้าหลักสูตรการฝึกอบรมผู้มีวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ “วัน อยู่บำรุง”
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เริ่มต้นทำงานในเส้นทางตำรวจในตำแหน่ง “รองสารวัตร” กองกำกับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 จากนั้นโยกย้ายมาเป็นรองสารวัตรที่กองปราบปราม แล้วขึ้นไปเป็น “สารวัตร” ที่ตำรวจท่องเที่ยว ก่อนจะโยกกลับมาเป็นสารวัตรกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบฯ และได้ขึ้นเป็นรองผู้กำกับ ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ และรองผู้บังคับการปราบปรามตามลำดับ
จากรองสารวัตรสู่ผู้บัญชาการ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้ขยับขึ้นนั่งเก้าอี้ “ผู้กำกับการ” เป็นครั้งแรกในปี 2559 ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ครบหลักเกณฑ์ว่าด้วยการครองตำแหน่งตาม ก.ตร. เพราะนับตั้งแต่นั้นมา ทุกตำแหน่งที่เขาขยับขึ้น ล้วนได้รับการเว้นหลักเกณฑ์จาก ก.ตร. ทั้งสิ้น โดยการเว้นหลักเกณฑ์ดังกล่าว ทำให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ใช้เวลาเพียง 4 ปี กับ 3 เดือนเศษ ในการเลื่อนตำแหน่งจากผู้กำกับการ ยศ พ.ต.อ. มาเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง” ยศ พล.ต.ท.
เคยดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบในส่วนของการเป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ศปลป.ตร.), ศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม (ศปป.ตร.), ศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ (ศปทส.ตร.), ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ (ศปจร.ตร.), ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง (ศปข.ตร.) ก่อนจะได้รับคัดเลือกให้เป็น ผบ.ตร. คนที่ 14 คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
มือปราบสายธรรมะ
ในระหว่างการรับราชการ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้รับฉายา “มือปราบสายธรรมะ” และ “โรโบคอปสายบุญ” เนื่องจากบรรดาสื่อมวลชนสายอาชญากรรม - ตำรวจ ขนานนามให้ จากภาพที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มักจะเป็นนายตำรวจที่ใช้หลักธรรมในการทำงาน และเดินสายปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ หรือ บิ๊กต่อ เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเดลินิวส์ ระบุว่า การได้เป็นเด็กวัดเดินตามพระ ทำให้ได้เรียนรู้หลายอย่าง ทำให้คิดได้ว่าเมื่อถอดเครื่องแบบออก เราก็แค่คนธรรมดา ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใครหรือใหญ่โตแค่ไหน นอกจากนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังได้ใช้หลักรัฐศาสตร์มาบริหารงาน โดยในระหว่างดำรงตำแหน่งผู้กำกับการคอมมานโด ก็ได้จัดระเบียบหน่วยใหม่ และเน้นสวัสดิการให้ลูกน้อง จึงทำให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นที่รักของลูกน้องจำนวนมาก