เนื้อหาในหมวด ข่าว

ศาลสั่งจำคุกอีก 2 ปี ไม่รอลงอาญา “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรอง ปชป. คดีอนาจาร

ศาลสั่งจำคุกอีก 2 ปี ไม่รอลงอาญา “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรอง ปชป. คดีอนาจาร

หลังจากพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องปริญญ์ เป็นจำเลยในความผิดฐานอนาจารหญิงสาว รวม 2 คดี ล่าสุดวานนี้ (25 กันยายน 2566) ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาสั่งจำคุก “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเวลาเพิ่มอีก 2 ปี ไม่รอลงอาญา 1 คดี และศาลยกฟ้อง 1 คดี 

สำหรับคดีแรกเป็นคดีข้อหากระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัลและข่มขืนกระทำชำเราต่อหน้าธารกำนัล โดยใช้กำลังประทุษร้าย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ผับในโรงแรมแห่งหนึ่ง วันที่ 17 ตุลาคม 2558 โดยจำเลยได้ใช้มือกระทำอนาจาร ขณะที่มีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก แต่ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าเหตุเกิดมานาน ผู้เสียหายไม่บอกใคร พยานโจทก์มีข้อสงสัยเป็นพิรุธ ศาลจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง

ส่วนคดีที่สองเป็นคดีข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุ 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถต่อสู้ขัดขืนได้ต่อหน้าธารกำนัล เหตุเกิดที่ห้องทำงานของปริญญ์ ภายในอาคาร บล.ซีแอลเอสเอ. จำกัด เมื่อเดือนกันยายน 2559 ที่เกิดเหตุมีกระจกขุ่นสลับใส คนภายนอกสามารถมองเห็นได้ ถือว่ากระทำต่อหน้าธารกำนัล โดยคดีนี้ศาลพิพากษาว่าผิดตาม ป.อาญา มาตรา 278 ลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา โดยให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีก่อนหน้า 

ต่อมาปริญญ์ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันต่อศาล ศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยตีราคาประกัน 300,000 บาท 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ก็ได้มีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องปริญญ์ เป็นจำเลยในความผิดฐานอนาจาร รวม 2 กรรม เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ประวัติ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตนักการเมืองดัง และคดีเรื่องเพศสุดอื้อฉาว

ประวัติ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตนักการเมืองดัง และคดีเรื่องเพศสุดอื้อฉาว

เปิดประวัติ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตนักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์ชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนจะกลายเป็นจำเลยคดีล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงมากมาย

ละครพล็อตเดิมของ “คดีทางเพศ VS ผู้มีอิทธิพลทางการเมือง”

ละครพล็อตเดิมของ “คดีทางเพศ VS ผู้มีอิทธิพลทางการเมือง”

ทุกครั้งที่มีข่าวคดีทางเพศที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทิพลทางการเมือง คนทั่วไปจะรู้สึกได้ถึง “อำนาจมืด” ที่เข้ามาครอบงำกระบวนการยุติธรรม เหมือนเป็น “ละครพล็อตเดิม” ที่หลายคนเดาได้ว่าตอนจบของคดีความนี้จะเป็นอย่างไร