ประวัติ “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” จากกรรมกรวุฒิ ป.6 สู่ทนายความผู้อุทิศชีวิตเพื่อคนโดนเอาเปรียบ
ชื่อของ “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” ถือเป็นอีกหนึ่งชื่อที่สังคมคุ้นเคยและได้ยินอยู่ตลอด จากผลงานการช่วยเหลือ คอยตอบปัญหา และให้คำแนะนำนด้านกฎหมายกับประชาชนผ่านทางโซเชียลมีเดีย เช่นเดียวกับประเด็นร้อนล่าสุดที่สังคมกำลังให้ความสนใจ สำหรับคดี “หวย 30 ล้าน” ที่ดูท่าทางจะซัับซ้อนซ่อนเงื่อนพอๆ กับคดีหวย 30 ล้านเมื่อคราวก่อน และทนายเกิดผลก็ตัดสินใจยื่นมือเข้าไปช่วยรับทำคดีให้กับสองสามีภรรยาผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาลชุด 5 ใบที่ถูกรางวัล
- มหากาพย์แน่! ทนายเกิดผล รับทำคดีหวย 30 ล้าน ยกข้อกฎหมายยัน ลูกค้าต้องได้!
- อลเวงหวย 30 ล้าน ผัวเมียชวดรางวัลที่ 1 ร้านอ้างติดต่อไม่ได้ เลยไม่ส่งลอตเตอรี่ให้
ขณะที่คดีกำลังดำเนินไปตามขั้นตอน Sanook พาทุกคนไปทำความรู้จัก “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” เด็กยากจนที่ชีวิตผ่านความลำบากมาทุกรูปแบบ สู่การขวนขวายร่ำเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี จนกลายเป็นทนายความที่พึ่งของประชาชน
ชีวิตลำบากของ “ทนายเกิดผล”
เกิดผล แก้วเกิด หรือ “ทนายเกิดผล” เกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2518 ที่อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดอุดรธานี (ปัจจุบันคือจังหวัดหนองบัวลำภู) เนื่องจากสูยเสียคุณพ่อตั้งแต่อายุ 12 ปี ทำให้ชีวิตในวัยเด็กยากลำบาก เรียนจบเพียงชั้น ป.6 ก็ต้องลาออกมา เนื่องจากไม่มีเงินเรียนต่อ และจำเป็นต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาทำงานหาเงินพร้อมกับแม่และพี่ชาย
ทนายเกิดผลเข้ามาทำงาน “กรรมกรก่อสร้าง” ตั้งแต่อายุยังน้อย ทำงานหนักเกินอายุและรูปร่างของตัวเอง กระทั่งไปเจอป้ายโฆษณาประกาศหาพนักงานโรงงานไม้ขีดไฟ รายได้วันละ 90 บาท จึงไปสมัคร แต่กลับถูกหลอกให้ไปทำงานอยู่กับเรือตังเก ต้องทำงานหนักเยี่ยงทาสบนเรือประมง ทนายเกิดผลจึงหาทางหนีออกมา และเดินทางกลับกรุงเทพฯ อีกครั้ง
เมื่อมาถึงกรุงเทพฯ เขาก็มาเริ่มทำงานแบกลังสินค้า จากนั้นทนายเกิดผลก็เริ่มคิด “เรียนต่อ” เพื่อหางานที่จะทำให้เข้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ เขาจึงตัดสินใจลงเรียน กศน. จนจบชั้น ม.6 จึงไปสมัครงานเป็นพนักงานกำจัดแมลง ได้ค่าแรงวันละ 120 บาท
ชีวิตพลิกผันจนมาเรียนกฎหมาย
ครั้งหนึ่งทนายเกิดผลในวัยเยาว์ เกิดอุบัติเหตุถูกรถสิบล้อฝ่าไฟแดงมาชน ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หัวแตก ขาหัก สลบไปไม่รู้ตัว ซึ่งคดีรถชนดังกล่าวทำให้ทนายเกิดผลได้เห็นกระบวนการยุติธรรมที่ “ไม่ยุติธรรม” ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรับรู้ถึงความรู้สึก “ถูกรังแก” จากคนที่มีโอกาสทางสังคมที่ดีกว่า เขาจึงมุ่งมั่นตั้งใจว่าจะเรียนต่อด้านกฎหมาย เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกรังแกอีก
ทนายเกิดผลให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวโพสต์ทูเดย์ ระบุว่า “เชื่อว่าที่ผมเสียเปรียบมาตั้งแต่เด็ก ทั้งโดนหลอกไปลงเรือ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการถูกนรถชน เป็นเพราะเราไม่มีความรู้ เลยตัดสินใจลงเรียนคณะนิติศาสตร์ คิดว่าถ้าผมมีความรู้เรื่องกฎหมาย ผมจะสามารถช่วยเหลือตัวเอง ครอบครัว และคนอื่นๆ ได้ ที่ ม.รามคำแหง และ มสธ. สรุปผมใช้เวลาเรียนทั้งสองแห่ง 4 ปี จบพร้อมกัน”
ทนายความเพื่อผู้โดนเอาเปรียบ
ทนายความเกิดผลได้รับใบปริญญาในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง เขาจึงหารายได้ด้วยการ “ขับแท็กซี่” พร้อมๆ กับการฝึกงานกับสำนักทนายความในช่วงเวลากลางวัน กระทั่งผ่านการฝึกงานทนายความพร้อมกับจบเนติบัณฑิตไทย จากนั้นจึงออกมาตั้งสำนักงานทนายความกับเพื่อนๆ แต่ด้วยค่าเช่าตึกที่มีราคาแพง ซึ่งทำให้เขาต้องเรียกค่าใช้จ่ายสูงจากลูกความ เขาจึงออกมาเพื่อหาแนวทางของตัวเอง
เขากลับไปอยู่บ้าน และให้คำปรึกษากับประชาชนผ่านอินเทอร์เน็ต จนมีประชาชนเริ่มเข้าไปปรึกษาและขอคำแนะนำจากทนายเกิดผลมากขึ้น จนเขาจัดตั้งกลุ่ม “ทนายอาสา คลายปัญหาชาวบ้าน” ในเฟสบุ๊กขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้รวดเร็ว และได้รับคำปรึกษาอย่างจริงใจ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ทนายเกิดผลเป็นที่รู้จักมากขึ้น จาก “คดีหมูแฮม” ไฮโซที่ขับรถหรูชนคนเสียชีวิตและบาดเจ็บ “คดีลุงเฉลียว” ชายสูงวัยพิการขาขาดรับของโจร “คดีรถมินิคูเปอร์ชนเด็ก ม.เอแบค” จนบาดเจ็บสาหัสบนสะพานพระราม 9 และอีกมากมายหลายคดี ที่เขาช่วยเหลืออย่างเต็มที่และไม่หวั่นไหวกับอิทธิพลมืดใดๆ
ทนายเกิดผลให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเมเนเจอร์ออนไลน์ ชี้ว่า “แม้จะลำบากยากเย็น เราก็อย่าท้อ เชื่อว่าความยุติธรรมมีจริง จากทนายเล็กๆ ไปสู่สังคมใหญ่ เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสังคมเท่านั้น แต่เราจะทำหน้าที่ของความยุติธรรมให้ดีที่สุด”