ประวัติ “เนวิน ชิดชอบ” จากนักการเมืองบ้านใหญ่ สู่เจ้าของทีมฟุตบอลแห่งบุรีรัมย์
หากเอ่ยชื่อ “เนวิน ชิดชอบ” หรือ "ลุงเนวิน" หลายคนคงคิดถึงภาพของเจ้าของทีมฟุตบอลยอดฝีมือแห่งเมืองบุรีรัมย์ ผู้เป็นบุคคลสำคัญของวงการฟุตบอลเมืองไทย แต่หากย้อนกลับไปเมื่อช่วง 10 ปีก่อนหน้า เนวินคือบุคคลสำคัญของแวดวงการเมืองไทย ผู้เป็นเจ้าของวลีเด็ด “มันจบแล้วครับนาย” จนกลายเป็นตำนานมาจนถึงวันนี้
- "เนวิน" ชี้แจง หลังบุรีรัมย์โดนโจมตีหนัก กรณีไม่ปล่อยนักเตะร่วมทีมชาติไทยเกมฟีฟ่าเดย์
- เอ๊ะยังไง? "เนวิน" โผล่อาคาร MJets ดอนเมือง สถานที่รับ "ทักษิณ" กลับไทย
เนวินผ่านร้อนผ่านหนาวในสนามการเมืองมาอย่างโชกโชน กระทั่งเขาเลือกที่จะวางมือจากงานการเมืองและเปลี่ยนเส้นทางมาสู่วงการกีฬา Sanook เปิดประวัติ “เนวิน ชิดชอบ” บุคคลสำคัญในทุกวงการที่เขาก้าวเท้าเข้าไป!
“เนวิน ชิดชอบ” คือใคร
เนวิน ชิดชอบ หรือ “โอ้ง” คือประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2501 เป็นลูกคนกลาง ในบรรดาลูกทั้ง 6 คนของชัย ชิดชอบ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ โดยชื่อ “เนวิน” ตั้งตามชื่อของเนวี่น ผู้นำรัฐบาลเผด็จการทหารที่ปกครองเประเทศพม่าในขณะนั้น
เนวินจบการศึกษาชั้น ป.7 จากโรงเรียนเขตการทางสงเคราะห์ 5 (ไตรคามสิทธิศิลป์) และไปศึกษาระดับมัธยมศึกษาจนจบ ม.ศ.5 จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จากนั้นเข้าศึกษาในระดับอนุปริญญา สาขาวิชาพัฒนาชุมชนภาคพิเศษ สถาบันราชภัฎบุรีรัมย์ และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตรส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมือง
เนวินเริ่มต้นเส้นทางการเมืองด้วยการลงสมัครเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (สจ.) บุรีรัมย์ ในปี พ.ศ.2528 ก่อนคว้าชัยชนะได้สำเร็จ และขยับขึ้นเป็นประธานสภา สจ.บุรีรัมย์ ในวัยเพียง 27 ปี
หลังจากนั้นเขาลงสมัคร สส. ในนามพรรคสหประธิปไตย และได้รับเลือกให้เป็น สส. ในปี พ.ศ.2531 จากนั้นย้ายมาอยู่พรรคสามัคคีธรรมและพรรคชาติไทย ก่อนจะก่อตั้งกลุ่ม “สส.อีสานเพื่อการพัฒนา” พร้อมกับเจอแรงเสียดทานทางการเมืองครั้งใหญ่ในชีวิตการเมือง แต่เนวินก็ผ่านมาได้และเข้าทำงานในระดับกระทรวงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จุดเปลี่ยนสำคัญบนเส้นทางสายการเมืองของเนวิน คือการเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเนวินถือเป็นคนใกล้ชิดและมีบทบาทสำคัญในเกมการเมืองไทยในขณะนั้น แต่หลังเกิดเหตุรัฐประหาร ในปี พ.ศ.2549 เนวินถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ไม่สามารถลงเลือกตั้งได้ แต่เขาก็ก่อตั้งกลุ่มเพื่อเนวินและมีบทบาทในการจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระทั่งปี พ.ศ.2552 เกิดเหตุความขัดแย้งทางการเมืองของกลุ่ม นปช. ทำให้เนวินขัดแย้งกับทักษิณ และเป็นต้นกำเนิดของวลี “มันจบแล้วครับนาย” นั่นเอง
ก้าวเข้าสู่วงการฟุตบอล
หลังอิ่มตัวทางการเมือง เนวินตัดสินใจซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในช่วงฤดูกาล 2552 แล้วย้ายสนามแข่งขันจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากนั้นได้เปลี่ยนชื่อทีมเป็น “บุรีรัมย์-พีอีเอ” พร้อมปรับโครงสร้างบริหาร และควบรวมทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ เอฟซี กับ "สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" กระทั่งปี พ.ศ.2555 เนวินได้ประกาศวางมือทางการเมือง และทุ่มเททำงานกับการสร้างสโมมรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพื่อยกระดับวงการฟุตบอลไทย
เนวินมุ่งมั่นทุ่มเทในการพัฒนาสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จนทีมสามารถคว้าแชมป์ได้มากมาย ทั้งไทยลีก, เอฟเอคัพ, ลีกคัพ, ถ้วยพระราชทาน และไทยแลนด์แชมป์เปียนส์คัพ พร้อมกับสร้างอาณาจักร “ช้าง อารีนา” สนามฟุตบอลและสนามแข่งรถที่ได้มาตรฐานสากล สามารถสร้างเม็ดเงินให้กับบุรีรัมย์ได้มหาศาล
เรียกว่าเนวินกลายเป็น “เจ้าพ่อแห่งบุรีรัมย์” อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะจากบทบาททางการเมืองที่เขาโลดแล่นอยู่เกือบครึ่งชีวิต สู่การเป็นบุคคลสำคัญของวงการฟุตบอลไทย ยกระดับเศรษฐกิจบุรีรัมย์ให้ยิ่งใหญ่และเป็นที่ภูมิใจของคนในจังหวัดทุกคน