เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"เกรท วรินทร" ขนลุกรับบทขุนหลวงฯ ต้องไหว้ทุกครั้ง เผยสเปกชอบสาวสดใส

เปิดตัวไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับ ขุนหลวงท้ายสระ อีกหนึ่งตัวละครสำคัญในละคร พรหมลิขิต รับบทโดยพระเอกหนุ่ม เกรท-วรินทร ปัญหกาญจน์ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวตั้งใจมากเป็นพิเศษ เพื่อถ่ายทอดคาแร็กเตอร์นี้ออกมาให้ดีที่สุด เนื่องจากเป็นตัวละครที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์

เมื่อ sanook.com มีโอกาสพูดคุยกับ เกรท วรินทร จึงให้เล่าเบื้องหลังการทำงาน และการเตรียมตัวสำหรับบทบาทสำคัญในละครแห่งปี รวมทั้งอัปเดตเรื่องความรัก มีสาวมาช่วยดูแลหัวใจบ้างหรือยัง หลังแก๊งเพื่อนสนิททยอยมีคู่กันไปหมดแล้ว

โดย เกรท เผยว่า “รับบทเป็น ขุนหลวงท้ายสระ ก็เป็นบทบาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบทบาทหนึ่งสำหรับชีวิตการแสดงของผม ในเรื่องพรหมลิขิต คือเราได้มาอยู่ในจักรวาลออเจ้า รู้สึกเป็นเกียรติมากเพราะว่าบุพเพฯ ก็ดีมากๆ ด้วยกระแสความสนุก พอมาพรหมลิขิตก็ดีใจที่ได้มามีส่วนร่วมในจักรวาลออเจ้าครับ”

รับบทตัวละครที่มีจริงในประวัติศาสตร์ เราต้องไปอ่านประวัติหรือศึกษาเพิ่มเติมยังไงบ้าง ?
“อันนี้ตัวละครที่มีประวัติศาสตร์และได้ฟังที่เขาเล่าให้ฟังว่ามันเป็นยังไงบ้าง แล้วเราก็มาเข้ากับบทและทำความเข้าใจ แต่ว่ามันจะมีบางฉากเรื่องของความแสดงออก และความเป็นกษัตริย์บุคลิกลักษณะนิสัยการตัดสินใจ ก็จะมีพี่นายผู้กำกับคอยบอก คือจริงๆ บทนี้ไม่ได้ใช้คำว่าหนักใจ แต่มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราต้องเคร่งคัด และตั้งใจมากเป็นพิเศษ

ด้วยความที่ท่านเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ แล้วก็เป็นกษัตริย์เป็นบทที่ยิ่งใหญ่ และยิ่งแต่งองทรงเครื่องแล้วมันไปอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จริงๆ ด้วยโลเคชั่น แล้วพอมีทุกคนมานั่งคุกเข่าอยู่หน้าเรา แม้ว่ามันจะเป็นการแสดง แต่ด้วยบทนี้ยิ่งบอกว่ามันมีประวัติศาสตร์มันเลยยิ่งทำให้หลายๆ อย่างมันส่งพลัง แล้วผมมองว่าสิ่งที่เราควบคุมได้ก็คือการทำตัวละครตัวนี้ให้สมบูรณ์แบบที่สุด มันเลยเป็นอะไรที่เราค่อนข้างอยากทำออกมาให้ดีที่สุด ก็เลยต้องตั้งใจมากเป็นพิเศษ”

การที่เรารับเล่นบทบาทนี้ มีการบอกกล่าวกับบุคคลที่อยู่ในประวัติศาสตร์ก่อนมั้ย ?
“คือผมอ่ะ ก็คิดตั้งแต่ตอนที่ตั้งใจรับบทนี้แล้ว ผมก็บอกว่าไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ ถ้าผมได้เล่นบทนี้ ขอให้ท่านอยู่ข้างๆ แล้วก็เหมือนให้ท่านเลือกเรามา แล้วทุกครั้งก่อนเข้าฉากก็จะไหว้ และขอให้ท่านช่วยให้ทุกอย่างมันผ่านไปด้วยดี จนถ่ายจบก็ได้ไปไหว้หลายๆ ที่ที่อยุธยา”

คำราชาศัพท์ต่างๆ ที่เราพูดในละคร มีการไปศึกษาลงลึกยังไงบ้าง ?
“คำราชาศัพท์ในบทก็จะมีเขียนค่อนข้างเป๊ะอยู่แล้ว และมันเป็นภาษาที่เราไม่สามารถอิมโพไวส์ได้ แต่ถ้าเป็นพูดปกติจะอิมโพไวส์ได้ แต่อันนี้คำต้องเป๊ะ ถ้าพูดถึงว่าเป็นราชาศัพท์แบบยากๆ เลยไม่มี แต่ก็จะมีเป็นชุดคำ ที่หลายๆ อย่างที่เราฟังแล้วรู้สึกว่าใช้คำนี้เหรอ คือจริงๆ แล้วเราก็ฟังออกเพราะมันเป็นภาษาไทย แต่ว่าต้องท่องให้เป๊ะเพราะว่าถ้าพูดสลับกันมันก็จะความหมายเปลี่ยน

เรื่องบทก็เป็นเรื่องยากอย่างหนึ่งมากๆ ของบทนี้ เนื้อเรื่องพูดยาว คือเป็นการเล่าเรื่องให้คนดูได้รู้เหมือนเราเล่าเรื่องผ่านตัวละครให้คนดูได้รู้ว่าเรื่อง จริงๆ ที่มันเกิดขึ้นในยุคนั้นที่มันมีอยู่ในประวัติศาสตร์มันเป็นยังไง คนดูทางหน้าจอก็จะรับรู้ไปพร้อมๆ กัน ผมเคยเล่นพีเรียดมาแล้ว แต่ในลักษณะแบบนี้ก็ถือว่าเป็นน้องใหม่ เพราะไม่เคยเล่นบทบาทแบบนี้เลย”

ขุนหลวงท้ายสระ หลายคนอาจจะเคยได้ยินแค่ชื่อ แต่ไม่เคยรู้ประวัติเลยเราจะต้องหาจุดเด่นของตัวละครนี้ยังไงเพื่อให้ภาพมันชัดเจน ?
“ด้วยความที่บทละครของตัวละครที่เขียนมาค่อนข้างชัดเจน ว่ามีงานอดิเรกและสิ่งที่ท่านทำและมีพระที่นั่งท้ายศาลาที่ท่านชอบไป แล้วก็มีเกี่ยวกับเรื่องของปลาตะเพียนที่ท่านชอบทาน และออกกฏหมายควบคุม อันนี้คือเป็นรายละเอียดที่ทางทีมงานทำมา และอีกอย่างหนึ่งที่ใส่รายละเอียดเข้าไปตอนที่เล่น

คือคนที่เป็นกษัตริย์สมัยก่อน ในมุมมองของคนที่เป็นกษัตริย์ในสมัยอยุธยา คนก็จะมองไม่เหมือนกัน เช่น อย่างแรกๆ ที่ผมเข้าฉากกับ เบลล่า เราชอบเขา ตำแหน่งของเรา เรามีมีอำนาจอยู่ในมือ คือถ้าเราชอบใครมันสามารถชี้ได้ในยุคนั้น อันนี้ก็เป็นความคิดที่ใส่เข้าไปในตัวละคร แล้วเรื่องของงานราชการก็ต้องเด็ดขาด ต้องมีความดุดันชี้เป็นชี้ตายได้ อันนี้คือเป็นรายละเอียดของตัวละครตัวนี้”

เรื่องนี้เราต้องใช้มือกินข้าว ?
“ใช่ครับก็ต้องฝึกเวลากินข้าวใช้มือกันยังไง จับข้าว 3 นิ้วยังไง แล้วก็ต้องยกซด ก็ถือเป็นการใช้มือกินครั้งแรก ก็กินกันจริงๆ เอร็ดอร่อยเลยจริงๆ”

ระหว่างการถ่ายทำในกองเจออุปสรรคอะไรบ้าง ?
“สำหรับผมพูดจริงๆ นะ ผมรู้สึกว่าของผมไม่มีอุปสรรค เพราะว่าเราคิดว่าเราเตรียมตัวในส่วนของเรามาอย่างดีดีที่สุดอยู่แล้ว ทุกครั้งที่เล่นบทนี้จะไปรับพลังเอาข้างหน้า แต่เราก็มีครั้งที่เราทำมาอย่างเต็มที่และไปรอว่าข้างหน้า พี่นายผู้กำกับหรือสถานการณ์ด้านหน้าจะเป็นยังไง รอรับพลังกับทุกคน เพราะว่าผมเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างบน หลายๆ ฉากที่ต้องนั่งอยู่ข้างบนไม่ได้คุยกับใคร น้อยมากที่ต้องยืนคุยกับใคร แล้วมันก็มีหลายๆ ฉากที่เราต้องนั่งอยู่ข้างบนและมีคนนั่งอยู่ข้างล่าง มันใช้สมาธิสูงและบทยาวคนแทรกก็ไม่ค่อยอยากจะแทรก เพราะเขาไม่กล้าแทรกกัน

เขาก็คอยรับคำสั่งอย่างเดียว ก็จะมีโมโหมีไม่ได้ดั่งใจ แต่พีเรียดก็จะดีที่ได้การสื่อสารทางด้านอารมณ์ เขาจะพูดช้ากว่ายุคปัจจุบัน บางทีมันก็เลยค่อนข้างชัดในการแสดงอารมณ์ ชอบไม่ชอบพูดทีละประโยค มันค่อนข้างแสดงอารมณ์ออกมาได้ชัดเจน คือผมขนลุกตั้งแต่วันแรกเลย ฉากเปิดตัวผมเป็นฉากขึ้นครองราชย์ครั้งแรก และเป็นบทที่ยาวมากครั้งแรก คือ 2-3 หน้ากระดาษ คนคั่นน้อยมาก แต่คือเราอ่านแล้วเราทำความเข้าใจได้ เพราะไม่ใช่เป็นการพูดคุยแต่เป็นการเล่าให้ฟัง เล่าให้คนที่อยู่ทั้งข้างล่างฟังแล้วก็เล่าให้คนที่กำลังจะดูละครฟัง คือเล่าว่าที่เรามาขึ้นครองราชย์ได้ เราเป็นมือใหม่นะ แต่เราก็ขอบคุณที่มีใครบ้างที่เคียงข้างเรา และบ้านเมืองต่อไปจะเป็นยังไง

ก็ต้องทำความเข้าใจในทุกๆ ประโยคว่าพูดประโยคนี้เพื่ออะไร แล้วมันจะมีการสอดแทรกในเรื่องของเราที่ขึ้นครองราชย์ และมันก็จะมีเรื่องของการระมัดระวังการกบฏอยู่ด้วย พูดเพื่อกดไว้อย่าทำนะ มันคือฉากนี้เรียกว่าขนลุกจริงเลย และเรื่องนี้ตั้งแต่เล่นละครมายาวสุดเลย แล้วต้องท่อง มันจะพูดตามความความรู้สึกเหมือนละครปัจจุบันไม่ได้ ตั้งแต่เล่นละครมาเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จำบทยากที่สุดแล้ว ในความที่มันยาวและยากก็เลยต้องให้เวลากับเขาเยอะๆ แล้วก็ค่อยเป็นค่อยไป”

ในเรื่องมีเกร็ดความรู้เรื่องปลาตะเพียนด้วย ?
“ปลาตะเพียนอร่อยนะครับ ก้างเยอะไปหน่อย คือท่านจะเป็นคนชอบตกปลาด้วย ในเรื่องก็จะมีฉากตกปลา คิดว่าวันนี้ก็น่าจะได้เห็น และเรื่องการออกกฎหมายห้ามจับปลาตะเพียนในเรื่อง จะบอกว่าในยุคนั้นคนเข้าใจผิดว่าทำไมขุนหลวงถึงห้ามจับปลาตะเพียน แต่จริงๆ แล้วห้ามจริง แต่ห้ามจับแค่ตอนฤดูวางไข่ เพื่อปลาตะเพียนจะได้แพร่พันธุ์”

เรื่องของการแต่งตัวก็จัดเต็มมาก ?
“แล้วนี่ก็เป็นเรื่องแรกเหมือนกันนะที่แต่งตัวแบบพิถีพิถันและอลังการมาก อย่างที่เวลาเรารับบทตำรวจ เราใส่ชุดตำรวจก็จะรู้สึกว่าเราคือตำรวจ และชุดนี้มันเป็นชุดที่ปราณีตมาก คือไม่กล้าเล่นเลย เล่นน้อย ยิ้มแบบยิ้มไม่กว้าง แล้วผมว่าองค์ประกอบชุดและฉากมีส่วนทำให้ตัวละครสมบูรณ์ เราเป็นนักแสดง เราก็เตรียมตัวมาแล้ว พอได้มาแต่งองค์ทรงเครื่องได้ใส่เต็มๆ มันก็ทำให้มีอินเนอร์อะไรบางอย่าง ที่เราจะต้องนั่งบนบัลลังก์และเตรียมที่จะสั่งเตรียมที่จะพูด”

พอมาเล่นเรื่องนี้ก็เหมือนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปในตัว จริงๆ เราเองชอบเรียนรู้ประวัติศาสตร์มั้ย?
“เมื่อก่อนไม่ตั้งใจเลย เพราะชอบเล่นพละ ออกกำลังกาย ประวัติศาสตร์เป็นวิชานึงที่ครูสอน แต่คราวนี้ต้องบอกก่อนว่ายุคนี้อย่างละครบุพเพฯ อย่างพรหมลิขิตดีมาก ตั้งแต่ผมเล่นมาทำให้ผมเข้าใจเสน่ห์ประวัติศาสตร์ เพราะว่าผมไปทำงานที่อยุธยาบ่อยขึ้น ได้ไปไหว้พระ ได้เห็นและเข้าใจได้ว่าเสน่ห์ของประวัติศาสตร์ไทยมันอยู่ตรงไหน และทุกวันนี้ ยิ่งมีเสื้อผ้า มีการแต่งตัวที่ค่อนข้าร่วมสมัยมากขึ้น ผมว่ามันก็มีเสน่ห์มาก”

ก่อนหน้านี้ตัวละคร ขุนหลวงท้ายสระ เป็นตัวละครลับ แต่ตอนนี้ไม่ลับแล้ว ?
“คือไม่ลับแล้ว จริงๆ แอบเหมือนคราวที่แล้ว ที่ตัวละครลับแต่ละคน จะค่อยๆ โผล่ออกมาแบบเซอร์ไพรส์คนดู ก็ดีใจเราจะได้เป็นตัวละครลับแล้ว พอละครอ่อนแอไปซัก 3-4 ตอน คนต้องตกใจแน่เลยมีพี่เกรทด้วยเหรอ แต่สรุป อ๋อ เปิดตัวไปแล้วเลย(หัวเราะ) แต่ว่าตอนถ่ายลับจริง ตอนเราไปถ่ายเมืองโบราณหรืออยุธยา มีนักท่องเที่ยวเราเข้าใจเราว่าลับไม่ใช่ลับแค่พูด ทีมงานบอกพี่เกรทอย่าเพิ่งออกไปนะ ต้องเอาผ้ามาบัง แต่แฟนเคลับเขารู้แล้วนะ ไม่รู้รู้ได้ยังไงเก่งจริงๆ ก็ดีใจครับที่ได้เป็นตัวละครลับมีส่วนร่วมในเรื่องนี้”

คนดูได้เห็นคุณหลวงท้ายสระกัยแล้ว ?
“ก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะ คือมันก็ปิดกล้องไปสักพักแล้ว แต่พอเรามาเห็นภาพในทีเซอร์ ในละครที่พอโผล่ออกมาบ้าง เราก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน และพอเห็นเรตติ้ง โอ้โห เรตติ้งอลังการมากเลยนะ แล้ววันที่ออกก็ดูกันเยอะๆ ด้วยนะอย่าให้เรตติ้งล่วงนะ เขินนะถ้าล่วงอะ เป็นกำลังใจให้ผมกับแก๊งๆ เพื่อนด้วย ที่วันนี้เราจะออกมาสู่สายตาท่านผู้ชมกันแล้วในตอนที่5 ก็เป็นอีกเส้นเรื่องนึงที่ผมมองว่ามีความเข้มข้นเพราะว่า พ่อริด ก็อยู่กับเรา ก็คือพี่โป๊บอีกคนนึง อยู่ในแก๊งมหาดเล็กของผมด้วย”

สำหรับวันเกิดคุณแม่ที่ผ่านมาทำหน้าที่ลูกอย่างไรบ้าง ?
“เจ๊กุ้งเหรอ ไม่ได้ไปไหนเลย แฮปปี้เบิร์ดเดย์แม่ผ่านทางโทรศัพท์ ไม่ได้กลับไปเลย น้ำก็ท่วมร้านทองด้วย ร้านทอง อยู่ที่ อ. หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ น้ำไหลผ่านสี่แยกไฟแดงตรงหน้าร้านทองพอดีเลย บ้านเราอยู่ตรงหัวมุม แต่ตอนนี้น้ำไปแล้วร้านยังอยู่นะ”

เอาจริงๆ น้ำท่วมหนักขนาดไหน ?
“จริงๆ ขอบคุณกำลังใจที่ล้นหลาม จริงๆ น้ำท่วมปกติ แต่ไม่ได้ท่วมแบบนี้มา 4-5 ปีแล้ว แต่ว่าจะน้ำท่วมเยอะแบบน้ำเข้าบ้านแบบนี้ถือว่าเยอะ จะต้องตื่นเต้นแล้ว แต่รอบนี้ไม่ถือว่าตื่นเต้นแค่เข้ามาแล้วผ่านไป”

ตอนนี้น้ำลดแล้วไม่กลับไปหาคุณแม่เหรอ ?
“ทุกวันนี้ยังไม่ค่อยได้นอนเลยเพราะถ่ายละครอยู่ เป็นวันเกิดแม่แต่แม่มาหาไง ถามว่าซื้อของขวัญอะไรให้ ไม่ได้ซื้อ แม่อยากได้อะไรก็บอกสิ”

แม่อยากได้ลูกสะใภ้หาให้แม่เลยมั้ย ?
“ขอไว้อย่างนึงเดี๋ยวค่อยว่ากัน แม่ไม่เคยเร่ง ก่อนหน้านี้เคยเร่งแต่รู้ว่าเร่งไม่ขึ้น”

ก่อนหน้านี้ที่คุณแม่เร่งเขามีคำพูดอย่างไร ?
“มีย้อนได้ด้วยเหรอ เดี๋ยวเล่าย้อนคนก็ต้องคิดว่าเป็นปัจจุบัน อะๆ ได้ๆ ตอนนั้นไม่มีอะไร เขาเห็นเพื่อนๆ มีแฟน เพื่อนๆ เราหลายคนที่คลั่งความรักกันทั้งหลาย แม่ก็ถามว่าแล้วแกยังไง เมื่อไหร่”

ทำไมอยู่ดีๆ แม่ถึงพูด เพราะก่อนหน้านี้เกรทก็มีแฟนมาตลอด ?
“ใช่เหรอ(ยิ้ม)”

อยู่ดีๆ ทำไมคุณแม่ถึงมาห่วงเรื่องนี้ ?
“ผมคิดว่าคงเป็นช่วงจังหวะอยากอุ้มหลาน ไม่ใช่แค่เพื่อนเราที่นี่ คนแถวบ้านเห็นเขาอุ้มหลานกันแล้ว ก็เลยมาถาม เห้ย แกเมื่อไหร่ล่ะ อะไรแบบนี้ ผมก็ตอบแม่ไปว่า เจ๊ หยุดก่อน เดี๋ยวก่อนๆ รักนะแต่เดี๋ยวก่อนแป๊บนึง”

แสดงว่าเจ๊กุ้งเคยสร้างโปรโมชั่นขึ้นมา ?
“โปรโมชั่น ขอบคุณทั้งคนที่จริงจังและไม่จริงจัง ส่งประวัติกันเข้ามา(หัวเราะ) แต่นานแล้วนะ ช่วงที่เป็นข่าวอยู่ช่วงนึง แต่จริงๆ โปรเกิดขึ้นได้ตลอด ช่วยขายของเพราะรับหน้าที่พีอาร์ของร้าน เพราะเราไม่ได้อยู่ช่วยขาย น้องช่วยอยู่ ร้านผมคอยแจกของอยู่เรื่อยๆ ช่วงนี้ทองขึ้นคนก็ไม่ค่อยซื้อ เพราะราคามันแรง”

คุณแม่คะยั้นคะยอขนาดไหน ?
“เขาก็ถามเป็นพักๆ เขาก็รู้แหละจนเลิกถามแล้ว เรื่องมีแฟนตอบไปให้คนอยากรู้ไปเรื่อยๆ จะได้มาสัมภาษณ์ผมบ่อยๆ”

อะไรที่จะทำให้แน่ใจว่าคนนี้แหละเป็นแฟน ที่ถามเพราะวันนี้เกรทดูเลิ่กลั่กนะ ?
“วันนี้เหรอ ไม่มีๆ จะไปมียังไงละ ถ่ายละครขนาดนี้ ถามว่ามีคุยๆ มั้ย ไม่มีๆ ไม่มีเลย ใสๆ เลยดูตาได้”

แววตาเราดูไม่ใช่นะ ?
“แววตาผมเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ตอนนี้ไม่มีคนคุย เป็นศูนย์ครับ คุยกับแมว เวลาอยู่บ้าน”

ชวนคนมาดูแมวที่บ้านเรามั้ย ?
“มันก็มีบ้าง ชวนเพื่อนๆ มาเล่นเกมเป็นเพื่อนผู้ชายนะ ส่วนเพื่อนผู้หญิงไม่มีมานะ เพราะเราอยู่บ้าน ชอบอยู่คนเดียว”

ทำไมชีวิตเราแห้งเหี่ยวจังเลย ?
“โหย ถามแบบนี้โมโหเลย ไม่แห้งเหี่ยวหรอก ช่วงนี้ทำงานเยอะ”

ทำไมเราปล่อยให้เนิ่นนานกว่านี้ ปกติเรามีแฟน เพื่อนเราไม่มี แต่ตอนนี้เพื่อนมีแฟนกันแล้ว ก็น่าจะทำให้เราฮึกเหิมบ้าง ?
“อ่อๆ ก็ ผมคิดว่าน่าจะเราทำงานเยอะ โตมากขึ้น ทำงานเยอะขึ้น ต้องโฟกัสกับเรา”

ยังไม่หาหรือไม่คิดจะหา ?
“ยังไม่หา”

คำตอบเป็นดารามากเลยนะ ?
“เอ้า ผมเป็นนักแสดง(หัวเราะ)”

มีไปมูขอความรักแบบคนอื่นเขาบ้างมั้ย ? 
“ไม่มู ผมแค่รู้สึกว่าวันนึงถ้าตั้งใจจะมีเดี๋ยวมันก็มี แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งใจที่อยากจะมีไง วันนึงถ้าตั้งใจอยากมี ก็คงมี ไม่ได้คิดว่าวันนึงจะต้องมีหรือไม่มี แค่รู้สึกว่าผมไม่มีแฟนก็แฮปปี้ ผมทำงานน็มีความสุขได้ ไม่จำเป็นต้องมีแฟนเหมือนคนอื่นเขา ถ้าวันนึงจะมีแฟนก็มีได้”

แล้ว ณ วันนี้มีคนที่เราเริ่มคุยๆ หรือยัง ?
“ไม่มีครับ”

แก๊งคนดีที่ไหนไม่มีช่วยหาให้เหรอ ?
“แก๊งคนดีให้มันช่วยตอบไลน์ก่อนครับ ถามว่าใครตอบไลน์ยากสุด ตอนนี้เหรอ มันไม่มีเวลาจะคุยกันเลย กรุ๊ปยังไม่อ่านเลย แต่ไม่ได้น้อยใจเพื่อนนะ เพราะทุกคนอยู่กับเรื่องส่วนตัวของตัวเอง”

เราแอบหมั่นไส้แต่ละคู่มั้ย ?
“ใช่ๆ ไม่ได้ด่าแค่แซวกัน แต่หมั่นจริง แต่พอเห็นก็กดไลก์ให้เพื่อน”

ใครไม่มีเวลาให้เพื่อนมากที่สุด ?
“หลังๆ น่าจะเป็น บอย ปกรณ์ นะ เห็นคอนเสิร์ตมีเปย์เงินด้วย เดี๋ยวคลิปจบก็เอาเงินคืน ต้องลองไปถามดู(หัวเราะ)”

บอยหวานออกนอกหน้าที่สุดเหรอ ?
“อย่างที่ทุกคนเห็นเลย เขาหวาน อย่างที่เห็นในไอจี สนุกสนานกับแฟนเขา ก็เป็นคู่ที่น่ารัก”

แสดงว่าตอนแรกน้อยใจแต่ตอนนี้ไม่แล้ว ?
“เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิด ไม่เคยน้อยใจเลย แบบว่า อ่อๆ มีแฟนจากเสียงหนึ่งก็จะเปลี่ยนเป็นคนอ่อนโยนขึ้น”

วันนี้เห็นเพื่อนมีแฟนแล้ว ถ้าวันนึงเรามีแฟนจะเป็นแบบนี้มั้ย ?
“คงต้องมีกันบ้าง น่ารัก อ่อนหวานบ้างแต่จะแสดงออกให้คนเห็นมั้ย ก็เป็นอีกเรื่องนึง เวลาผมคุยกับแมวก็อ่อนหวานนะ”

คนที่จะเป็นแฟนของเกรทจะต้องเป็นยังไง ?
“ผมว่าจะต้องมีความเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนใจดี เข้าใจชีวิตแค่นั้นแหละ ถามว่าชอบคนแก่กว่ามั้ย ไม่จำเป็น ให้โตทางด้านวุฒิภาวะครับ มีแฟนเด็กกว่าก็สดใส ผมก็ชอบ แค่มีวุฒิภาวะทางด้านจิตใจให้โตเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็แบบชอบเด็กๆ น่ารักสดใส”