เนื้อหาในหมวด ข่าว

ประวัติ \

ประวัติ "เทพไท เสนพงศ์" อดีตสส. 4 สมัย ไม่เคยสอบตก แต่ถูกจำคุกคดีโกงเลือกตั้ง

ความเคลื่อนไหวของแวดวงการเมืองไทยตอนนี้ ต้องมีเรื่องศาลปล่อยตัว “เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.ประชาธิปัตย์ ที่ได้รับการพักโทษ จากคดีทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.ศ.2557 ซึ่งทำให้เขาถูกตัดสินจำคุกและตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี

อย่างไรก็ตาม เทพไท เสนพงศ์ ถือเป็นนักการเมืองดังที่โลดแล่นอยู่ในเส้นทางสายการเมืองมาอย่างยาวนาน ซึ่ง Sanook จะพาเปิดประวัติอดีต สส. ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่เคยสอบตกเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“เทพไท เสนพงศ์” คือใคร

เทพไท เสนพงศ์ (ชื่อเล่น คึก) คืออดีต สส. จังหวัดนครศรีธรรมราช สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2504 เป็นบุตรคนที่ 3 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด และมีเชื้อสายตูนิเซีย

เทพไทสำเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และได้รับประกาศนียบัตรผู้นำสังคมไทย (Future of Leader) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะคว้าปริญญาศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาพัฒนาสังคม จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) 

เส้นทางการเมืองของ “เทพไท”

เทพไท เริ่มต้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยเขาได้รับเลือกให้เป็นนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนจะเข้าสู่ถนนสายการเมืองอย่างเต็มตัว ด้วยการเป็น “มือขวา” ของชำนิ ศักดิเศรษฐ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ก่อนขยับมาเป็น ผู้ช่วย สส. และเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

เทพไทย้ายมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งให้เป็น สส.นครศรีธรรมราช สมัยแรก ในการเลือกตั้งวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2548 ก่อนจะได้รับเลือกตั้งให้เป็น สส. มาโดยตลอด ไม่เคยสอบตกเลยสักครั้ง นอกจากนี้ เขายังรับตำแหน่งโฆษกของพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงโฆษกประจำตัวของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกรัฐมนตรีอีกด้วย

ตระกูลเสนพงศ์

ตระกูลเสนพงศ์ ถือเป็นตระกูลของนักการเมืองมากบารมี และเป็นที่รู้จักอย่างมากในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเทพไทได้รับเลือกตั้งให้เป็น สส.นครศรีธรรมราช ติดต่อกันหลายสมัย ขณะที่ มาโนช เสนพงศ์ น้องชายของเขา ก็ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนักการเมืองท้องถิ่นติดต่อกันหลายสมัยเหมือนกัน

เทพไทเป็น สส.ที่ไม่เคยสอบตกเลยตั้งแต่ลงสมัครเลือกตั้ง กระทั่งถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 2 ปี และตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี จากกรณีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.ศ.2557 เช่นเดียวกับมาโนชน้องชายของเขา ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2566 หลังถูกจองจำในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชมาแล้ว 16 เดือน ครบเกณฑ์ถูกจำคุก 2 ใน 3 ทางกรมราชทัณฑ์จึงอนุญาตให้ “พักโทษ” แต่ต้องสวมกำไล EM เป็นเวลา 8 เดือน