เอื้อใครหรือเปล่า? กรมราชทัณฑ์ออกระเบียบ "คุมขังนอกเรือนจำ" มีผลแล้ว
เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ใครหลายคนให้ความสนใจ สำหรับเรื่องการประกาศใช้ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ซึ่งมีสาระสำคัญเรื่อง “การกำหนดสถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำ” จนหลายคนอดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ ว่ากฎระเบียบดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับทักษิณ ชินวัตรที่กำลังถูกคุมตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจหรือไม่
Sanook เปิดสาระสำคัญของระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการ “คุมขังนอกเรือนจำ” หลังรองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ออกหนังสือเวียนแจ้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศปฏิบัติตามระเบียบใหม่
สาระสำคัญ “คุมขังนอกเรือนจำ”
สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ลงนามในคำสั่งเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2566 เรื่องระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 และส่งถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัด
ระเบียบสาระสำคัญคือ “การกำหนดสถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำ” เพื่อให้การบริหารงาน การปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานเรือนจำและเจ้าหน้าที่ การปฏิบัติตัวของผู้ต้องขังและการอื่นอันจำเป็นเกี่ยวกับสถานที่คุมขัง ตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 เป็นไปในแนวทางและมาตรฐานเดียวกัน โดยอาศัยอำนาจมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560
ทั้งนี้ รองปลัดฯ ได้ชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนสถานที่ควบคุมตัว จากเดิมที่ต้องอยู่ในเรือนจำ สามารถออกไปควบคุมตัวในสถานที่อื่นได้ แต่ไม่ใช่การปล่อยให้เป็นอิสระ โดยการคุมขังนอกเรือนจำมีข้อกำหนด 4 ข้อ ดังต่อไปนี้
ลักษณะสถานที่คุมขัง
สำหรับเรื่องสถานที่คุมขัง ระเบียบดังกล่าวได้กำหนดให้มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
คุณสมบัติของผู้ต้องขัง
ในส่วนของคุณสมบัติของผู้ต้องขังที่จะได้รับพิจารณาคัดเลือกไปคุมขังในสถานที่คุมขังนั้น ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
โดยผู้ต้องขังที่จะไม่ได้รับการพิจารณาตัดเลือกไปคุมขังนอกเรือนจำ คือ 1) กลุ่มผู้ต้องขังที่มีโทษกักขังแทนโทษจำคุก กักขังแทนค่าปรับ มีโทษปรับซึ่งยังไม่ได้ชำระค่าปรับ หรือต้องถูกกักกันตามคำสั่งศาลภายหลังพ้นโทษ และ 2) กลุ่มผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างดำเนินการทางวินัย หรือถูกลงโทษทางวินัย
หลักเกณฑ์การพิจารณา
ในส่วนของการพิจารณาของคณะทำงานพิจารณา จะยึดเหตุผลเหล่านี้ประกอบกัน
เอื้อประโยชน์ใครหรือเปล่า
อ้างอิงจากสำนักข่าวข่าวสด รายงานว่าผู้สื่อข่าวได้สอบถามรองปลัดฯ ว่าระเบียบใหม่ดังกล่าวสามารถใช้ได้กับกรณีของทักษิณ ชินวัตรหรือไม่ ซึ่งรองปลัดฯ ชี้ว่า นักโทษที่จะเข้าเงื่อนไขหนึ่งในนั้น ต้องจำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 ของโทษที่พิพากษา จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่ากรณีของทักษิณเข้าข่ายหรือไม่ และให้ทางเรือนจำเป็นผู้พิจารณา
ทั้งนี้ รองปลัดฯ ได้เน้นย้ำว่า ระเบียบนี้ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับใคร แต่เป็นการพิจารณาเพื่อลดความแออัด และมองว่าจะมีประโยชน์ต่อตัวผู้ต้องขังในการพัฒนาตัวเอง สำหรับผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยก็จะได้รักษาตัวในโรงพยาบาลหรือสถานพักฟื้น ซึ่งจะมีความสะดวกมากกว่า โดยเฉพาะกับผู้ต้องขังวัยชรา