รู้หรือไม่ ป่วยเป็นโรคเหล่านี้ พบหมอผ่าน "โทรศัพท์มือถือ" ได้เลย!
แม้ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากจะหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้คนอีกไม่น้อยที่ละเลยการดูแลตนเอง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือที่เรียกว่ากลุ่มโรค NCDs ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง ซึ่งทางการแพทย์จัดเป็น “กลุ่มโรคเฉพาะด้านที่ยุ่งยากซับซ้อน” ซึ่งหากไม่ปรับการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อการเสียสุขภาพในแต่ละวัน ไม่ตรวจสุขภาพเป็นประจำ ก็มักจะไม่ทราบและไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องทันเวลา จนโรคค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้น กลายเป็นอาการเรื้อรังและรักษาไม่หายในที่สุด
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจสำคัญในด้านการดูแล โรคเฉพาะด้านที่ยุ่งยากซับซ้อน รวมถึงกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีมาตรการเชิงรุกในการดูแลประชาชนตั้งแต่การส่งเสริม ป้องกัน รักษาและฟื้นฟู เพื่อช่วยลดการเกิดโรค หรือหากเป็นโรคแล้วก็สามารถลดภาวะแทรกซ้อน ลดการพิการ ลดภาระในการดูแลผู้ป่วย และลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาได้ ซึ่งหนึ่งในแนวทางสำคัญ คือ การเพิ่มความรอบรู้ทางสุขภาพให้แก่ประชาชน หรือ Health Literacy
เนื่องด้วยปัจจุบันกรมการแพทย์ได้มีการนำเทคโนโลยีโทรเวชกรรม (Telemedicine) และระบบติดตามดูแลสุขภาพผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ (Mobile Health; mHealth) มาดูแลผู้ป่วยโรคเฉพาะด้านที่ยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งเป็นการให้คำปรึกษา แนะนำการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค ที่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ให้บริการแก่ประชาชนผ่านโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และจัดการสุขภาพของตัวเองได้ แต่เนื่องจากประชาชนมีพื้นฐานความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจมีผลต่อการเข้าถึงและเข้าใจ
กรมการแพทย์จึงได้ดำเนิน “โครงการความเข้าใจบริการโทรเวชกรรม และการพัฒนาสื่อเพิ่มความรอบรู้ทางสุขภาพของประชาชน เรื่องโรคเฉพาะด้านที่ยุ่งยากซับซ้อน ตามภารกิจกรมการแพทย์” ซึ่งเป็นการผลิตสื่อสาธารณะในรูปแบบภาพยนตร์สั้นเพื่อให้ความรู้ทางสุขภาพในเรื่องโรคเฉพาะด้านที่ยุ่งยากซับซ้อนที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ให้แก่ประชาชน ครอบคลุมทั้งการให้บริการด้วยระบบโทรเวชกรรมและการบริการของโรงพยาบาล โดยมีกลุ่มเป้าหมายสำคัญ คือ กลุ่มผู้ป่วย กลุ่มผู้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค คนดูแลและคนรอบข้างผู้ป่วย หรือแม้แต่ผู้สนใจดูแลสุขภาพตนเอง เพื่อให้สามารถเข้าถึง เข้าใจ และใช้ความรู้มาดูแลสุขภาพตนเองและคนใกล้ชิดได้ ซึ่งโครงดังกล่าวเป็นการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างกรมการแพทย์ ศูนย์บริการวิชาการ
แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้การสนับสนุนด้านเงินทุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ ผู้ดูแลโครงการฯ เล่าว่า ดีเอ็มเอส เทเลเมดิซีน (DMS Telemedicine) หรือ โทรเวชกรรม เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วงโควิด 19 แพร่ระบาดอย่างรุนแรง เพื่อใช้ในการติดตามดูแลอาการผู้ป่วยโควิด ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับโรคเฉพาะด้านที่ยุ่งยากซับซ้อนได้ ทั้งโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดในสมอง การบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และโรคด้านเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมจากฝุ่น PM 2.5 ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย การรักษา การติดตามอาการ ไปจนถึงการประเมินภาวะสุขภาพเพื่อลดภาวะแทรกซ้อน ลดการพิการ และการเสียชีวิต นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และความยุ่งยากจากการที่ต้องรอคิวรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานๆ อีกด้วย สิ่งสำคัญคือกรมการแพทย์ตั้งใจจะให้บริการโทรเวชกรรมนี้เข้าถึงประชาชนและได้ใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย จึงได้วางแผนจัดทำโครงการเพื่อสื่อสารกับสาธารณะให้รับรู้ เข้าใจ และใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.พนม คลี่ฉายา ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิจัยโครงการ เล่าแนวคิดในการจัดทำภาพยนตร์ว่ายึดหลักการสำคัญ 3 ข้อ คือ