"กระบอกน้ำ" ใช้งานได้นานแค่ไหน ดื่มทุกวันระวังป่วยไม่รู้ตัว เตือนถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยน!
ในทุกวันนี้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น วิธีหนึ่งที่หลายคนเลือกทำเพื่อช่วยลดขยะได้คือ ลดการใช้ขวดน้ำพลาสติก และเปลี่ยนมาใช้ขวดน้ำแบบใช้ซ้ำได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะใช้ชื่อเรียกว่า “ใช้ซ้ำได้” แต่ก็ยังต้องเปลี่ยนใหม่เป็นระยะๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เราป่วยจากการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่อยู่ภายใน
ชี้เมื่อใดที่ควรซื้อขวดน้ำใหม่
ผู้เชี่ยวชาญจาก Universal Drugstore แนะนำว่าควรเปลี่ยนขวดแก้วใหม่ทุก 2-3 ปี ในขณะที่ขวดพลาสติกต้องเปลี่ยนทุกปี ส่วนขวดที่ทำจากสแตนเลสต้องเปลี่ยนเฉพาะเมื่อมีการสึกหรอหรือชำรุด
ทั้งนี้ ยังได้แนะนำให้ลงทุนจ่ายเงินไปกับอุปกรณ์ป้องกันขวดน้ำ เช่น ปลอกหรือเคสที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระแทก
แน่นอนว่า นอกจากการเปลี่ยนขวดแล้ว การดูแลความสะอาดอย่างเหมาะสมขณะใช้งาน ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อโรคภายในขวดหรือรอบฝา
ขวดที่ใช้ซ้ำได้ควรได้รับการฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย และยังช่วยยืดอายุการใช้งานอีกด้วย โดยปัจจุบันมักพบว่าขวดหรือกระบอกน้ำต่างๆ มักมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย เช่น มีช่องเปิดกว้าง ฝาปิดแบบถอดได้ เพื่อช่วยให้การบำรุงรักษาไม่ยุ่งยาก
ในทำนองเดียวกัน ขวดน้ำแบบใช้ซ้ำได้บางขวดยังมีสารเคลือบป้องกันจุลินทรีย์ ซึ่งช่วงยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา และปรับปรุงสุขอนามัยของผู้ใช้งานด้วย
และควรเปลี่ยนซีลและฝาปิดเมื่อจำเป็น เพื่อรักษาการทำงานของขวดและป้องกันการรั่วซึม รวมทั้งการหลีกเลี่ยงอุณหภูมิที่สูงเกินไป เช่น แสงแดดโดยตรง หรืออุณหภูมิที่เย็นจัด เป็นเคล็ดลับสำคัญในการช่วยยืดอายุการใช้งาน
แนะวิธีเลือกซื้อขวดน้ำใหม่
เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนขวดน้ำใหม่ ตามคำแนะนำของ ดร.เจมี่ วินน์ ชี้ว่าควรมองหาหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช้สารประกอบอินทรีย์หรือที่เขียนกำกับไว้ว่า BPA Free
"ขวดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวอาจมีสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น BPA ซึ่งสามารถชะลงไปในน้ำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัมผัสกับความร้อนหรือใช้เป็นเวลานาน การเลือกใช้ขวดน้ำที่คุณภาพสูงและปลอดสาร BPA จะช่วยลดการสัมผัสสารเคมีดังกล่าว"