เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

4 อาหารคลีน มีประโยชน์ แต่เสี่ยงอันตราย

4 อาหารคลีน มีประโยชน์ แต่เสี่ยงอันตราย

กระแสการทานอาหารคลีนยังคงมีมาให้เราเลือกทานกันอยู่เรื่อยๆ แถมยังมีหลากหลายเมนูสร้างสรรค์มากขึ้นอีกด้วย ทำให้ผู้ที่ทานอาหารคลีนไม่รู้สึกเบื่อ หรือรู้สึกว่าต้องทานแต่อาหารเดิมๆ ซ้ำซากจำเจอย่างเดียว แต่ก็มีอาหารคลีนบางอย่างที่ประโยชน์ดีๆ กลับมาพร้อมกับโทษอันตรายโดยที่เราไม่รู้ตัว

 

อาหารคลีน มีประโยชน์ แต่เสี่ยงอันตราย

  • สลัดผัก
  • สำหรับคนที่รักการทานอาหารคลีนเป็นชีวิตจิตใจ แต่มีเวลาน้อย อาจจะซื้อสลัดผักทานจากร้านอาหารข้างนอกมากกว่าจะซื้อผักมาล้างทำความสะอาด และหั่นทานเอง เพราะนอกจากจะสะดวกกว่าแล้ว การทานสลัดผักเป็นกล่องๆ ถุงๆ ให้หมดไปเป็นครั้งๆ ก็จะทำให้ไม่เหลือผักจำนวนมากค้างไว้ในตู้เย็นจนเน่าเสีย แต่สลัดผักแฝงอันตรายจากผักสดที่ผู้ผลิตอาจล้างไม่สะอาดเพียงพอ อาจพบสารเคมีตกค้างจากยาฆ่าแมลง สารตกค้างจากปุ๋ยคอกที่มากับมูลสัตว์ ที่อาจก่อให้เกิดอาการท้องร่วง ท้องเสีย รวมไปถึงผักที่หั่นทิ้งเอาไว้นาน จนเกิดน้ำขุ่นๆ ที่ก้นถุง ก้นกล่อง หรือก้นถาดในสลัดบาร์ อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อซาลโมเนลลา ที่ทำให้เรามีอาการท้องเสีย อุจจาระร่วงได้เช่นกัน

     

    ทานสลัดอย่างไรให้ปลอดภัย

    เลือกซื้อผักจากแหล่งจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ ล้างผักให้สะอาดก่อนหั่นทานสดๆ เป็นครั้งๆ มื้อๆ ไป โดยล้างผ่านน้ำก๊อกนาน 2 นาที ถ้ามีส่วนที่เป็นใบให้เด็ดใบออกมาล้างน้ำทีละใบ สามารถล้าง หรือแช่ในน้ำเปล่าผสมน้ำเกลือ หรือน้ำส้มสายชูได้ (แช่เอาไว้ 10-15 นาที ก่อนนำมาล้างน้ำเปล่าอีกครั้ง) และหากสามารถเลี่ยงไปทานผักที่ปรุงสุกได้ ก็จะช่วยลดอันตรายที่เกิดจากผักสดได้มากยิ่งขึ้น

     

  • เมล็ดเจีย
  • ยังคงเป็นหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่หลายคนพยายามหามาทานกันบ่อยๆ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อต่อร่างกายมากมาย ทั้งกรดไขมันดี โอเมก้า-3 โอเมก้า-6 แคลเซียม สารต้านอนุมูลอิสระโปรตีน และกากใยอาหารที่ทำให้เราขับถ่ายคล่อง แต่เมล็ดเจียไม่ได้เหมาะกับทุกคน

    เมล็ดเจียไม่เหมาะกับบุคคลเหล่านี้

    - ผู้ที่มีปัญหาในระบบกระเพาะอาหาร และลำไส้ เพราะเมล็ดเจียจะไปเร่งให้ตับอ่อนผลิตน้ำย่อยออกมามากขึ้น

    - คนที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือทานยาแอสไพริน เพราะเมล็ดเจียอาจทำให้เกิดภาวะเลือดแข็งตัวช้า หรือเลือดไหลไม่หยุดได้

    - หญิงตั้งครรภ์ เพราะจะส่งผลให้สารอาหารในน้ำนมเปลี่ยนไป

    - ผู้ชายที่มีปัญหาที่ต่อมลูกหมาก เพราะอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก

    - ผู้ที่ทานวิตามินบี 17 เป็นอาหารเสริม เพราะจะยิ่งเพิ่มปริมาณวิตามินชนิดนี้ในร่างกายมากเกินไป จนกลายเป็นสารพิษ และเป็นมะเร็งในที่สุด

    ทานเมล็ดเจียอย่างไรให้ปลอดภัย

    ผู้ที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้นควรหลีกเลี่ยงการทานเมล็ดเจีย ส่วนผู้ที่มีร่างกายปกติสมบูรณ์แข็งแรงดี ไม่ควรทานเมล็ดเจียมากเกินไป หรือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป เพราะร่างกายอาจเกิดการเสพติดได้ โดยอาจจะทานเมล็ดเจียในบางมื้ออาหาร 2-3 อาทิตย์ต่อมื้อ เท่านั้นก็เพียงพอ

     

  • ผลไม้รสเปรี้ยว
  • ใครที่ทานอาหารคลีนก็คงจะเลือกทานผักผลไม้มากขึ้นเป็นธรรมดา แต่ถ้าทานผลไม้รสเปรี้ยว ที่เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมากเกินไป เช่น ส้ม มะนาว ฝรั่ง จนทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีมากกว่า 500 มิลลิกรัมต่อวัน อาจทำให้เสี่ยงโรคนิ่วในไตได้ นอกจากนี้หากร่างกายได้รับวิตามินซีมากกว่า 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ยังส่งผลเสียต่อระบบขับถ่ายได้อีกด้วย

    ทานผลไม้รสเปรี้ยวอย่างไรให้ปลอดภัย

    เลือกทานในจำนวนที่พอเหมาะ ไม่ทานมากจนเกินไป เช่น ส้มไม่ควรทานเกินวันละ 3 ผล นอกจากนี้เราควรเลือกทานผลไม้ให้หลากหลาย เพื่อให้ได้ทั้งรสชาติ และสารอาหารที่หลากหลายตามไปด้วย

     

  • กราโนล่า
  • ไม่ใช่ว่ากราโนล่ามีอันตรายอะไรร้ายแรง แต่เพราะกราโนล่าเป็นอาหารของใครหลายๆ คนที่อยากผอม จึงเลือกทานกราโนล่าในหลายๆ มื้อ และอาจเผลอทานจำนวนมาก (ต่อหนึ่งมื้อ) ด้วยเพราะคิดว่ากราโนล่าไม่ทำให้อ้วน แต่อันที่จริงแล้วกราโนล่าทำมาจากข้าวโอ๊ต บวกธัญพืชอื่นๆ ที่ถึงแม้จะมีประโยชน์ แต่ก็เป็นอาหารที่ให้พลังงานอยู่ดี แถมยังเป็นอาหารที่ทานเพียงปริมาณน้อยๆ แต่ให้พลังงานสูงอีกด้วย กราโนล่าราวๆ 40-50 กรัม จะมีคาร์โบไฮเดรตราวๆ 25 กรัม และสารอาหารอื่นๆ เช่น ไขมัน 10 กรัม และโปรตีนอีก 5 กรัม ซึ่งทั้งหมดนี้ให้พลังงานใกล้เคียงกับข้าวหุงสุก 1 จาน (100 กรัม) เลยทีเดียว

    ทานกราโนล่าอย่างไรให้ปลอดภัย

    ควรจำกัดปริมาณในการทานกราโนล่าให้เหมาะสม ทานพออิ่ม ไม่ทานเยอะจนเกินไป เลือกชนิดของกราโนล่าที่ใส่แต่ธัญพืชที่ดีมีประโยชน์ ไม่มีส่วนผสมอื่นๆ ที่ผสมน้ำตาลมากเกินไป จะช่วยให้ควบคุมปริมาณแคลอรี่ได้ง่ายยิ่งขึ้น และควรเลือกทานอาหารให้หลากหลาย ไม่ทานแต่กราโนล่าเพียงอย่างเดียว

     

    จะเห็นได้ว่าอาหารดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย และผู้คนนิยมทานกันมากทั้งสิ้น แต่ไม่ว่าอาหารเหล่านั้นจะมีประโยชน์มากแค่ไหนก็ตาม เราควรเลือกทานในปริมาณที่พอเหมาะ และเลือกทานอาหารให้หลากหลาย ไม่ทานอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งนานจนเกินไป เพราะต่อให้มีประโยชน์มากแค่ไหน ก็ให้โทษกับร่างกายเราได้อยู่ดี

    เทศกาลกินเจ 2568 เริ่มวันไหน ควรเตรียมตัวอย่างไร พร้อมประวัติความเป็นมา

    เทศกาลกินเจ 2568 เริ่มวันไหน ควรเตรียมตัวอย่างไร พร้อมประวัติความเป็นมา

    เทศกาลกินเจ 2568 เริ่มต้นในวันที่ 21 ตุลาคม 2568 และสิ้นสุดลงในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 รวมเป็นเวลา 9 วัน ทำไมเราต้องกินเจ กินเจแล้วได้อะไร แล้วเทศกาลกินเจถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร Sanook Health จะเล่าให้ฟังค่ะ

    เป็นโรคไต ห้ามกินอะไร แล้วควรกินอะไร

    เป็นโรคไต ห้ามกินอะไร แล้วควรกินอะไร

    นอกจากอาหารเค็มแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่คนเป็นโรคไต หรือที่กำลังฟอกไตอยู่ควรระวัง ห้ามรับประทาน และก็มีอาหารที่เป็นประโยชน์กับคนโรคไต

    10 ประโยชน์ใบบัวบก ผักสมุนไพรบำรุงสมอง ลดอักเสบ พร้อมวิธีทำน้ำใบบัวบก

    10 ประโยชน์ใบบัวบก ผักสมุนไพรบำรุงสมอง ลดอักเสบ พร้อมวิธีทำน้ำใบบัวบก

    ใบบัวบก (Gotu Kola) สมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและผิวพรรณ ช่วยลดการอักเสบ ฟื้นฟูผิว และเสริมการทำงานของสมอง พร้อมวิธีทำน้ำใบบัวบกง่าย ๆ บำรุงร่างกายและผิวพรรณอย่างครบถ้วน