
กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เผยครึ่งปีแรก 2568 กำไรสุทธิ 1,121 ล้านบาท โต 25.8%
นายวรวุฒน์ โตเจริญธนาผล President และหัวหน้ากลุ่มงานการเงินและบัญชี บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2568 กำไรสุทธิ 1,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.8% และมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 361,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3% จากช่วงเดียวกัน ของปีก่อน กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี โปร่งใส และดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนที่คำนึงถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (Sustainable Business)
โดยบริษัทได้รับการคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ให้เป็น 1 ใน 100 บริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่น ในการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ประจำปี 2568 (Environmental Social and Governance: ESG) เป็นปีที่ 10 และบริษัทได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับองค์กร Carbon Footprint for Organization (CFO) และรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ประจำปี 2567 จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในฐานะที่เป็นองค์กรที่มีส่วนช่วยสนับสนุนให้เกิดโครงการ ลดก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศเพื่อต่อสู้กับปัญหาภาวะโลกร้อน โดยปี 2567 บริษัทได้ชดเชยคาร์บอนเครดิตจำนวน 3,998 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า
ขณะที่เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 1.3 - 2.3% ตามการประมาณการของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ข้อมูล ณ เดือน พ.ค. 68) โดยมีแรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวดีตามการปรับเพิ่มกรอบงบประมาณรายจ่ายลงทุนประจำปีงบประมาณ 2568 และการส่งออกที่เร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีก่อนที่มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้
อย่างไรก็ดี การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มลดลงตามภาคการผลิตที่อ่อนแอประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ อาทิ หนี้ครัวเรือนและหนี้ภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง ความไม่แน่นอนจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และความยืดเยื้อของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
นายฉี ชิง-ฟู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ครึ่งแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1,103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สินเชื่อเติบโต 3.4% จากสิ้นปี 2567 หลักๆ เป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรายย่อย 9.3% และสินเชื่อธุรกิจ 1.8% และธนาคารได้ขยายสินเชื่อ SME ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่อเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม (Product Program) ส่งผลให้สินเชื่อ SME เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากสิ้นปีก่อน
นอกจากนี้ ธนาคารได้ขยายฐานลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น 13% จากสิ้นปีก่อน ด้วยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์เงินฝากดิจิทัล “B-You Max” รวมถึงการเติบโตของธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management)
ธนาคารได้ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของ CTBC ไต้หวันซึ่งเป็นบริษัทแม่ ในการสนับสนุนให้สินเชื่อกลุ่มลูกค้าต่างประเทศผ่านสินเชื่อธุรกิจต่างประเทศ (Trade Finance) และ FX ขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากประเทศจีน
นอกจากนี้ ธนาคารยังคงรักษาคุณภาพสินทรัพย์โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 2.59% และ NPL Coverage อยู่ที่ 173% และมีเงินกองทุนที่เพียงพอ โดยอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง Tier 1 และ BIS Ratio อยู่ที่ 15.73% และ 17.81% ตามลำดับ
สำหรับกลยุทธ์ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ธนาคารยังคงเดินหน้าขยายสินเชื่อกลุ่ม SME ผ่าน Product Program ควบคู่กับการให้บริการ Corporate E-Banking/ Mobile Banking “LHB Biz Connect” ที่รองรับการชำระเงินและธุรกรรมการค้าต่างประเทศ (Trade Finance) ทั้งสกุลเงินบาทและสกุลเงินต่างประเทศ
ส่วนลูกค้ารายย่อย ธนาคารยังคงมุ่งเน้นให้บริการสินเชื่อบ้านและสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ธนาคารเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี AI และแอปพลิเคชัน เพื่อยกระดับความเป็นเลิศในการให้บริการลูกค้า ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งธนาคารยังเร่งขยายบริการบริหารความมั่งคั่งผ่านโครงการ “Family Banking” โดยมอบสิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้า Wealth และพร้อมตอบสนองทุกความต้องการของคนรุ่นถัดไป
LH Bank ยังได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อบรรเทาภาระหนี้ของลูกหนี้ ช่วยให้ลูกหนี้ปิดหนี้ได้ไว และรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันไว้ได้ ตามหลักเกณฑ์ ของธนาคารแห่งประเทศไทย
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2568 มีสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมที่นับรวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งสิ้น 66,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 4.5% จากสิ้นปี 2567 กองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) มีขนาดกองทุน 13,093 ล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีขนาดกองทุน 9,596 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 บริษัทยังคงขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยปรับบทบาทของทีมงานให้สามารถบริหารผลิตภัณฑ์การลงทุนทุกประเภทได้อย่างคล่องตัวและครอบคลุมยิ่งขึ้น และปรับแนวทางการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวกับกลุ่มลูกค้า High Net Worth สถาบัน และองค์กร ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้านอกเหนือจากการลงทุน สำหรับกลุ่มลูกค้ากองทุนส่วนบุคคล บริษัทได้พัฒนาโซลูชันการลงทุนและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเร่งขยายธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยเจาะกลุ่มบริษัทที่ยังไม่มีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น
นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ (LH Securities) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจหลักทรัพย์ครึ่งแรกของปี 2568 ภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่องจากปัจจัยกดดันทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น ความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองภาวะเศรษฐกิจ มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ การปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยโดย MSCI และความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ เป็นต้น ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2568 ดัชนีปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปิดที่ 1,089.56 จุด ลดลง 22.2% จากสิ้นปี 2567 ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันหดตัวลงอยู่ที่ 41,856 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2568 มีรายได้ค่านายหน้าจำนวน 40.2 ล้านบาท ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปี 2567 สาเหตุหลักมาจากการหดตัวลงของปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นไทย
สำหรับกลยุทธ์ของบริษัทยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างระมัดระวัง เน้นสร้าง Passive Income เช่น รายได้เงินปันผล รายได้ค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และที่ปรึกษาทางการเงิน รวมทั้งเพิ่มและพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น การให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ การพัฒนาระบบเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) ของลูกค้าเดิมด้วยบริการที่สะดวกรวดเร็วและปลอดภัย พร้อมบริหารต้นทุนอย่างเหมาะสม