.jpg)
รวม 10 คำถาม ลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาท ใช้บัตรไหนได้-ไม่ได้ ไม่มีมือถือทำไง
รวม 10 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ใช้บัตรไหนได้-ไม่ได้บ้าง ถ้าไม่มีสมาร์ทโฟนต้องทำอย่างไร
กระทรวงคมนาคม เปิดลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เริ่ม 25 ส.ค. 68 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป ผ่านแอปฯ ทางรัฐ โดยไม่จำกัดจำนวนสิทธิและไม่จำกัดจำนวนคน สามารถลงทะเบียนไปจนถึงเมื่อไหร่ก็ได้ โดยจะเริ่มใช้สิทธิเดินทาง 1 ต.ค. 68
- ขั้นตอนลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาท บนแอปฯ ทางรัฐ พร้อมผูกบัตร Rabbit-EMV เริ่ม 25 ส.ค. 68
- ลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ใช้บัตรไหนสมัครได้บ้าง
- สรุป ลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาท เริ่มวันไหน ใช้บัตรอะไรได้บ้าง
แน่นอนว่าก็มีประชาชนบางคนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทั้งเรื่องชนิดของบัตรไหนใช้ได้ไม่ได้ แล้วถ้าไม่มีสมาร์ทโฟนทำอย่างไร เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อย พร้อมกับคำตอบที่จะเพิ่มความกระจ่างให้กับทุกคนกัน
รวม 10 คำถาม ลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
1. คำถาม : ประเภทของบัตรโดยสาร / จะลงทะเบียนต้องใช้บัตรอะไรบ้าง?
คำตอบ : บัตรโดยสารที่ใช้ลงทะเบียน มี 2 ประเภท ได้แก่
1) บัตรแรบบิท คือ บัตรสมาร์ทการ์ดแบบเติมเงิน ที่ใช้สำหรับชำระค่าโดยสาร ในการเดินทางรถไฟฟ้า โดยปัจจุบันบัตรแรบบิทสามารถรองรับการเดินทาง ในรถไฟฟ้าสายดังต่อไปนี้
- รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (สนามกีฬาแห่งชาติ - บางหว้า)
- รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน (คูคต - การเคหะ)
- รถไฟฟ้าสายสีทอง (กรุงธนบุรี - คลองสาน)
- รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว - สำโรง)
- รถไฟฟ้าสายสีชมพู (ศูนย์ราชการนนทบุรี - มีนบุรี)
2) บัตร EMV Contactless คือ บัตรมาตรฐาน EMV ที่มีสัญลักษณ์ contactless ที่สามารถใช้แตะเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการได้ ซึ่งบัตร EMV สามารถใช้แตะเดินทางกับรถไฟฟ้าได้เลย ปัจจุบันรองรับ
- 2.1) บัตรเครดิต (Credit) Visa หรือ Mastercard ทุกธนาคาร และ UnionPay (เฉพาะธนาคารกรุงเทพ, ICBC, AEON และ KTC)
- 2.2) บัตรเดบิต (Debit) Visa หรือ Mastercard ธนาคารกรุงไทย, UOB, กรุงศรีอยุธยา, ไทยพาณิชย์ และ กสิกรไทย
- 2.3) บัตรเติมเงิน (Prepaid) Visa Mastercard ได้แก่ MRT EMV Card และ Mangmoom EMV
- สามารถรองรับการเดินทาง ในรถไฟฟ้าสายต่อไปนี้
- รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว - สำโรง)
- รถไฟฟ้าสายสีชมพู (ศูนย์ราชการนนทบุรี - มีนบุรี)
- รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ท่าพระ - เตาปูน - หลักสอง)
- รถไฟฟ้าสายสีม่วง (คลองบางไผ่ - เตาปูน)
- รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (สถานีกลางกรุงเทพฯ - รังสิต)
- รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (สถานีกลางกรุงเทพฯ - ตลิ่งชัน)
- รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (พญาไท - สนามบินสุวรรณภูมิ)
ช่องทางการจัดจำหน่ายบัตรโดยสาร
บัตรแรบบิท
- บัตรแรบบิท (หน้าบัตรปกติ) ราคา 200 บาท จัดจำหน่ายที่สถานีรถไฟฟ้า BTS ทุกสถานี
บัตรประเภท EMV Contactless แบบเติมเงิน (Prepaid)
- บัตร Mangmoom EMV ราคา 250 บาท (โปรโมชัน ราคา 150 บาท หากซื้อภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568) จัดจำหน่ายที่สถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงทุกสถานี และแอปเป๋าตังค์
บัตร MRT EMV ราคา 250 บาท จัดจำหน่ายที่สถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินทุกสถานี
2. คำถาม : การผูกบัตรโดยสารกับแอปฯ ทางรัฐ?
คำตอบ : สามารถผูกบัตรโดยสารได้ 2 ประเภท ประเภทละ 1 ใบ คือ บัตรแรบบิท 1 ใบ และบัตร EMV Contactless 1 ใบ
3. คำถาม : วันลงทะเบียน จำเป็นต้องลงทะเบียนในแอปฯทางรัฐ ทั้งบัตรแรบบิท และบัตร EMV Contactless ให้เสร็จพร้อมกันทีเดียวเลยหรือไม่?
คำตอบ : สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางบนระบบรถไฟฟ้าระบบใดระบบหนึ่ง ที่ไม่ต้องเปลี่ยนสายและเปลี่ยนบัตรโดยสาร ไม่จำเป็นต้องทะเบียนบัตรทั้ง 2 ใบ ผู้โดยสารสามารถเลือกลงทะเบียนเฉพาะบัตรใดบัตรหนึ่ง หากมีความประสงค์จะผูกบัตรเพิ่มเติมในอนาคตสามารถดำเนินการผ่านแอปฯ ทางรัฐได้ด้วยตนเอง
หมายเหตุ: ในกรณีที่ผูกบัตรโดยสารประเภทใดประเภทหนึ่งไปแล้ว หากต้องการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงบัตรโดยสาร ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ประจำห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารเท่านั้น เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ
4. คำถาม : ยืนยันตัวตนแอปฯ ทางรัฐอย่างไร?
คำตอบ : สำหรับผู้ที่ใช้งานแอปฯ ทางรัฐครั้งแรก ต้องยืนยันตัวตนบนแอปฯ ทางรัฐ ผ่านช่องทางที่กำหนดก่อน ผู้ที่ลงทะเบียนแอปฯ ทางรัฐและยืนยันตัวตนแล้ว สามารถผูกบัตรโดยสารได้ทันที
5. คำถาม : ข้อมูลที่ใช้ผูกบัตรโดยสาร / และการเตรียมความพร้อมของบัตรโดยสาร?
คำตอบ : ข้อมูลที่ใช้ผูกบัตรมีรายละเอียด ดังนี้
1) สำหรับบัตรแรบบิท ผู้โดยสารใช้เลขบัตรแรบบิท โดยต้องเป็นบัตรแรบบิทที่มีฟังก์ชัน ABT (Account-Based Ticketing) ด้วยการผูกบัตรแรบบิท กับ Rabbit Wallet หรือ Line Pay (อย่างใดอย่างนึง) ก่อนการลงทะเบียน
- บัตรที่ไม่ได้ผูกกับ Line Pay หรือ Rabbit Wallet จะไม่สามารถใช้ลงทะเบียนเข้าร่วมาตรการ 20 บาทตลอดสายได้
- ภายหลังการใช้บัตรแรบบิทลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ 20 บาทตลอดสายในแอปฯ ทางรัฐ จะไม่สามารถใช้แพ็คเกจเที่ยวเดินทาง (Xtreme Saving) ได้อีก (โปรดติดตามประกาศเพิ่มเติมจากผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS)
2) สำหรับบัตร EMV Contactless ผู้โดยสารใช้ข้อมูลที่ปรากฏบนบัตร ได้แก่ ชื่อ-สกุล (ภาษาอังกฤษ) / เลขบัตร 16 หลัก / วันหมดอายุของบัตร และ เลข CVV / CVC เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนต้องยืนยันตัวตนด้วยเลข OTP ที่ส่งเข้าเบอร์โทรศัพท์มือถือ
6. คำถาม : สามารถเปลี่ยนบัตรได้ภายหลังหรือไม่ (ในกรณี บัตรหมดอายุ บัตรสูญหาย หรือต้องการเปลี่ยนไปใช้บัตรอื่นๆ)?
คำตอบ : ภายหลังจากการผูกบัตรครั้งแรก หากผู้โดยสารมีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนบัตรโดยสาร จะต้องไปที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสาร (Ticket office) และให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนบัตรโดยสารให้เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์
7. คำถาม : กรณีผู้ถือบัตร MRT (MRT / MRT PLUS / Mangmoom) ซึ่งเป็นบัตรที่ยังไม่รองรับระบบ Contactless และบัตรนั้นยังมีเงินคงเหลืออยู่ จะสามารถโอนยอดคงเหลือไปบัตรโดยสารใบใหม่ได้หรือไม่?
คำตอบ : กรณีบัตรเติมเงิน MRT / MRT PLUS / Mangmoom เปลี่ยนเป็นบัตรเครดิต / บัตรเดบิต / บัตรเติมเงิน ไม่สามารถโอนยอดเงินคงเหลือเงินจากบัตรเก่ามาใบใหม่ได้ แต่สามารถนำบัตรมาขอคืนเงินคงเหลือได้ที่ห้องออกบัตรโดยสาร
ทั้งนี้ บัตรโดยสารเดิม สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าได้ตามปกติ แต่จะต้องชำระในอัตราค่าโดยสารปกติ และตามสิทธิประโยชน์ของหน้าบัตรเดิม
8. คำถาม : นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้สิทธิ 20 บาทตลอดสายได้หรือไม่?
คำตอบ : ไม่ได้
9. คำถาม : ถ้าไม่มีสมาร์ทโฟน ทำอย่างไร?
คำตอบ : กรณีไม่มีสมาร์ทโฟน ลงทะเบียนได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารประจำสถานีรถไฟฟ้าทุกสถานี
10. คำถาม : ถ้าไม่มีบัตรเครดิต ทำอย่างไร?
คำตอบ : ผู้โดยสารสามารถซื้อบัตร EMV Contactless ประเภทเติมเงิน (Prepaid) ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสาร (Ticket office) โดยมีรายละเอียดดังนี้
- บัตร Mangmoom EMV ราคา 250 บาท (โปรโมชัน ราคา 150 บาท หากซื้อภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568) จัดจำหน่ายที่สถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงทุกสถานี และแอปเป๋าตังค์
- บัตร MRT EMV ราคา 250 บาท จัดจำหน่ายที่สถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินทุกสถานี