เนื้อหาในหมวด การเงิน

เงินบำนาญปรับขึ้นอีก กรณีส่งเงินสมทบเกิน 180 เดือน เช็กเงื่อนไข-สิทธิประโยชน์

เงินบำนาญปรับขึ้นอีก กรณีส่งเงินสมทบเกิน 180 เดือน เช็กเงื่อนไข-สิทธิประโยชน์

เงินบำนาญชราภาพปรับขึ้นอีก กรณีส่งเงินสมทบประกันสังคมเกิน 180 เดือน เช็กเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ได้ที่นี่

เงินสมทบประกันสังคม คือ เงินที่ผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาลร่วมกันจ่ายเข้าสู่ระบบประกันสังคม โดยสำนักงานประกันสังคมจะนำเงินไปบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดกองทุนที่นำมาใช้ดูแลผู้ประกันตนในกรณีต่างๆ เช่น เจ็บป่วย คลอดบุตร ว่างงาน ทุพพลภาพ เสียชีวิต และชราภาพ โดยผู้ประกันตนแต่ละมาตราจะได้รับสิทธิประกันสังคมไม่เหมือนกัน ดังนี้

  • ผู้ประกันตนประกันสังคม มาตรา 33 คุ้มครอง 7 กรณี
  • ผู้ประกันตนประกันสังคม มาตรา 39 คุ้มครอง 6 กรณี
  • เงื่อนไขการคุ้มครองมีดังนี้

    1.กรณีเจ็บป่วย 

    • ส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนวันรับบริการทางการแพทย์

    2.กรณีคลอดบุตร

    • ส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนเดือนที่คลอดโดยมีสิทธิได้รับค่าคลอดบุตรโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง

    3.กรณีทุพพลภาพ

    • ส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนทุพพลภาพ

    4.กรณีสงเคราะห์บุตร

    • ส่งเงินสมทบครบ 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิ

    5.กรณีตาย

    • ส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 1 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือน ก่อนถึงแก่ความตาย

    6.กรณีว่างงาน

    • ส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงาน (เฉพาะผู้ประกันตนมาตรา 33)

    7.กรณีชราภาพ

    • บำเหน็จชราภาพ
      • กรณีจ่ายเงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จ เท่ากับจำนวนเงินสมทบเฉพาะส่วนของผู้ประกันตน
      • กรณีจ่ายเงินสมทบ 12 เดือนขึ้นไป แต่ไม่ครบ 180 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จ เท่ากับจำนวนเงินสมทบที่สมทบ ส่วนของผู้ประกันตนและนายจ้าง พร้อมผลประโยชน์ทดแทนตามที่สำนักงานกำหนด
    • บำนาญชราภาพ
      • ได้รับบำนาญชราภาพร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย
      • หากมีการจ่ายเงินสมทบเกินกว่า 180 เดือน จะปรับเพิ่มขึ้นให้อีกร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบครบทุก 12 เดือน

    สูตรกรณีนำส่งเกิน 180 เดือน

    จะได้รับ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (ฐานเงินเดือนเฉลี่ยสูงสุด 15,000 บาท) และได้เพิ่ม อีก 1.5% ของทุกปี = 20% + (1.5 x จำนวนปี)

    ยกตัวอย่าง ผู้ประกันตนอายุ 60 ปี จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 35 ปี (420 เดือน) มีรายได้เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย 15,000 บาท

    1.คำนวณเงินบำนาญพื้นฐาน (15 ปีแรก)

    • เงินบำนาญขั้นพื้นฐานเท่ากับ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย
    • เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย: 15,000 บาท
    • อัตราบำนาญพื้นฐาน: 20%

    คำนวณ: 15,000 บาท x 20% = 3,000 บาท

    2. คำนวณเงินบำนาญส่วนเพิ่ม

    • สำหรับส่วนที่จ่ายเงินสมทบเกิน 15 ปี (180 เดือน) จะได้รับเงินบำนาญเพิ่มขึ้นอีก 1.5% ต่อปี
    • ระยะเวลาที่จ่ายเงินสมทบทั้งหมด: 35 ปี
    • ระยะเวลาที่เกิน 15 ปี: 35 ปี - 15 ปี = 20 ปี
    • อัตราเงินบำนาญส่วนเพิ่ม: 1.5% ต่อปี

    คำนวณ: (20 ปี x 1.5%) ของ 15,000 บาท = 30% ของ 15,000 บาท = 4,500 บาท

    รวมเงินบำนาญทั้งหมด

    • นำเงินบำนาญพื้นฐานและเงินบำนาญส่วนเพิ่มมารวมกัน
    • เงินบำนาญพื้นฐาน: 3,000 บาท
    • เงินบำนาญส่วนเพิ่ม: 4,500 บาท
    • รวม: 3,000 บาท + 4,500 บาท = 7,500 บาท

    ดังนั้น ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญชราภาพเดือนละ 7,500 บาท

    วิธีตรวจสอบเงินบำนาญ

    ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา ว่าส่งเงินบำนาญชราภาพมาแล้วกี่เดือน ซึ่งประกันสังคมมีช่องทางให้ตรวจสอบดังนี้

    วิธีตรวจสอบส่งเงินบำนาญชราภาพมาแล้วกี่เดือน / เหลืออีกกี่เดือนจะเกิดสิทธิเงินบำนาญชราภาพ

    1. ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ประกันสังคม ดังนี้

    • เข้าเว็บไซต์ https://www.sso.go.th/
    • เลือก ‘ผู้ประกันตน’
    • ถ้าไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน เลือก ‘สมัครสมาชิก’
    • เข้าสู่ระบบด้วยการกรอก ‘เลขบัตรประจำตัวประชาชน’ และ ‘รหัสผ่าน’
    • เข้าสู่หน้าตรวจสอบข้อมูลผู้ประกันตน เลือก ‘ข้อมูลการส่งเงินสมทบ’
    • จากนั้นระบบจะแสดงข้อมูลของแต่ละคน ทั้งงวดเงินสมทบ, วันที่ชำระเงิน, % เงินสมทบ และจำนวนเงินที่ผู้ประกันตนนำส่ง
    • สำหรับการเช็กยอดเงินชราภาพประกันสังคม เลือก ‘การคำนวณเงินสงเคราะห์ชราภาพ’
    • จากนั้นระบบจะแสดงข้อมูลจำนวนเงินสมทบของผู้ประกันตน, จำนวนเงินสมทบของนายจ้าง, จำนวนเงินสมทบของรัฐ, ยอดเงินรวม (รายปี)

    2. ตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชัน SSO Plus

    ผู้ประกันตนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "SSO Plus" ใช้ได้ทั้งระบบ iOS และ Android เพื่อตรวจสอบเงินบำนาญชราภาพ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ผ่านทางสมาร์ตโฟนได้ทันที วิธีใช้งานดังนี้

    • ลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วย เลขบัตรประจำตัวประชาชน และ เบอร์โทรศัพท์

    หากผู้ประกันตนได้สมัครตรวจสอบข้อมูลทางเว็บไซต์ https://www.sso.go.th/ มาแล้ว สามารถใช้รหัสผ่านเดียวกันได้เลย

    ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันสังคมได้ที่ https://www.sso.go.th/ หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง