
Brother ชูแคมเปญ "ทิ้งไว้ทำซาก" นำเครื่องพิมพ์เก่าแลกรับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท
Brother ทุ่ม 10 ล้านบาท ดันแคมเปญ "ทิ้งไว้ทำซาก" เปลี่ยน e-waste เป็นโอกาส ตั้งเป้า 2 เดือน มีผู้เข้าร่วมแคมเปญ 3,000 ราย
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดเครื่องพิมพ์ประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่องแต่การแข่งขันที่เข้มข้นและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ทำให้ลูกค้ามองหานวัตกรรมที่มีความคุ้มค่าและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม จากข้อมูลพบว่า 21.1 ล้านครัวเรือนในไทย มีการซื้อเครื่องพิมพ์ใหม่มากกว่า 800,000 เครื่องในทุกปี โดยในปี 2022 ประเทศไทยมี e-waste มากถึง 440,000 ตัน มีเพียง 1% คิดเป็นจำนวนไม่เกินกว่า 500 ตันเท่านั้นที่ถูกจัดการอย่างถูกวิธี
ด้วยเหตุนี้ Brother จึงต่อยอดกลยุทธ์ Brother All ด้วยการทุ่มงบประมาณ 10 ล้านบาท ออกแคมเปญ "ทิ้งไว้ทำซาก เทมาเลยพี่รับเอง" โดยให้ลูกค้านำเครื่องพิมพ์เก่าขนาด A4 ขึ้นไปทุกรุ่นทุกยี่ห้อ มาแลกรับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท พร้อมสิทธิ์การรับประกัน Brother และของสมนาคุณพิเศษ เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ย.-30 ต.ค. 68
สำหรับเครื่องพิมพ์ที่ร่วมแคมเปญมีจำนวน 8 รุ่น ตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนต์ ดังนี้
- กลุ่มครัวเรือนและนักศึกษา ที่ต้องการเครื่องพิมพ์ใช้งานง่ายและคุ้มค่า ด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์รุ่น DCP-T230, T430W, T530DW
- กลุ่มครอบครัวและ SME ที่ต้องการฟังก์ชันหลากหลายพร้อมความยืดหยุ่น ด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์รุ่น DCP-T830DW และเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทมัลติฟังก์ชันรุ่น MFC-J2740DW
- กลุ่มองค์กรและผู้ใช้มืออาชีพ ที่ต้องการความรวดเร็ว ความเสถียรและปลอดภัย ด้วยเครื่องพิมพ์เลเซอร์รุ่น HL-L2460DW เครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันรุ่น MFC-L2805DW และเครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันสีรุ่น MFC-L3760CDW
ส่วนกลยุทธ์ด้านราคา Brother ใช้แนวคิด “Value Upgrade” โดยกำหนดส่วนลดที่แตกต่างตามศักยภาพของสินค้า ตั้งแต่ 500-2,000 บาท สำหรับรุ่นไฮเอนด์อย่างเครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันสีรุ่น MFC-L3760CDW กลยุทธ์นี้มีเป้าหมายสองชั้นคือ กระตุ้นการซื้อซ้ำและรักษาฐานลูกค้าเดิมให้ย้ายไปใช้เครื่องที่มีฟังก์ชันและประสิทธิภาพสูงขึ้น และจูงใจลูกค้าใหม่เข้าสู่ ecosystem ของ Brother ผ่านจุดขายด้านความคุ้มค่า ผลลัพธ์ที่ได้คือไม่เพียงเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น แต่ยังเพิ่ม Customer Lifetime Value และสร้าง Loyalty ที่ยั่งยืน
ขณะที่การตลาด และการสื่อสาร Brother ใช้กลยุทธ์ Omnichannel ผสานออนไลน์ ออฟไลน์ และเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย เน้น B2C มากขึ้นผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, TikTok และ YouTube ผ่านการใช้อินฟลูเอนเซอร์ และ KOLs ขยายการเข้าถึงและสร้างความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น คนทำงานยุคใหม่ ควบคู่กับการใช้สื่อ Out-of-Home เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และยังส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ในฐานะที่ เข้าถึงง่าย เป็นมิตร และจริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม และส่งผลให้แคมเปญนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการเสริม Loyalty Program ของ Brother เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
“เราตั้งเป้าว่าภายใน 2 เดือนจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 3,000 ราย ประเมินเป็นการนำ e-waste ออกจากระบบหลายตัน ซึ่งนอกจากจะสร้างยอดขายที่จับต้องได้ ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าการทำโปรโมชันสามารถสร้างอิมแพคด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย โดยหลังสิ้นสุดแคมเปญ Brother จะต่อยอดด้วยโครงการรายงานผลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อย CO₂ และปริมาณ e-waste ที่ถูกรีไซเคิล เพื่อตอกย้ำการเป็นองค์กรที่ไม่ได้มองแค่การขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่คือ การสร้างคุณค่าให้ธุรกิจ ลูกค้า และสังคม เติบโตเคียงข้างลูกค้าและโลกอย่างยั่งยืน” นายกิตติพงศ์ กล่าว