.jpg)
ขายของใน TikTok ให้ได้กำไรดูเหมือนง่าย แต่จะเหลือเงินเข้ากระเป๋าจริงๆ กี่บาท? ล่าสุดมีเฉลยแล้ว
ไลฟ์ขายของใน TikTok สร้างรายได้มหาศาล แต่ไม่ได้หมายความว่าคนขายจะได้เงินก้อนนั้นทั้งหมด เพราะต้องหักค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ อีกด้วย
ช่องทาง TikTok เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่หลายคนใช้เพื่อขายของออนไลน์ จนตั้งเนื้อสร้างตัวกลายเป็นรายได้หลักในการทำมาหากินไปเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งเรามักจะเห็นเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์ ดารา เซเลปคนดัง ทำยอดขายทะลุไปหลายล้านล้านบาท อย่าล่าสุด เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ไลฟ์ขายของบน TikTok แบบมาราธอนจนยอดขายใกล้แตะหลักร้อยล้านบาทเข้าไปแล้วภายในไม่กี่วันเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่ายอดขายทั้งหมดที่เรามักจะเห็นพวกเขาโชว์นั้น ไม่ได้เป็นจำนวนเงินทั้งหมดที่พวกเขาจะได้รับ แต่ยังต้องทำไปหักค่าธรรมเนียมต่างๆ ด้วย อยากรู้ไหมว่ามีค่าอะไรที่ต้องหักบ้างไปดูพร้อมๆ กัน
ผู้ใช้บัญชี Instagram ชื่อ trakantung ได้ทำคลิปวิดีโอยกตัวอย่างรายได้ร้านค้า TikTok ที่ได้จากการขาย ซึ่งสุดท้ายจะเหลือเงินเข้ากระเป๋าเท่าไหร่ โดยแจกแจงรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
- ยอดรวมจากการขายทั้งหมด 55,000 บาท
- ยกเลิก Order จำนวน 5,000 บาท (Order ที่ยกเลิก คือ เมื่อลูกค้ากดของมา ยอดจะเด้งเต็ม แต่จะมีบางคนที่เกิดเปลี่ยนใจกดยกเลิก Order ไป จำนวนเงินไม่ได้หายไปด้วย)
- ค่าธรรมเนียม 8,439 บาท
- ค่าคอมมิชชั่นจากแพลตฟอร์ม 2,676 บาท
- ค่าธรรมเนียม TikTok 1,576 บาท
- ค่า Affiliate Marketing 99 บาท (ค่า Affiliate มีคนเอาคลิปของเราไปทำ)
- ส่งฟรี SFP 2,652 บาท (เป็นค่าจัดส่งฟรี ที่แพลตฟอร์มมีให้เข้าร่วมโปรแกรมส่งฟรี)
- คูปองไลฟ์คุ้ม 1,433 บาท
จากยอดทั้งหมด 50,000 บาท - 8,439 บาท (ค่าธรรมเนียม) = 41,620 บาท เป็นยอดคงเหลือที่จะเข้ากระเป๋าเรา
แต่ยังมีต้นทุนสินค้าที่รับมาจากโรงงานอีก 25,000 บาท (41,620-25,000) เท่ากับเหลือเงิน 16,620 บาท
นอกจากนี้ ยังมีค่าแพ็คของ ค่าอุปกรณ์การแพ็คของ ค่าคนงาน คิดเป็น 3,500 บาท
เท่ากับว่า ขายของได้ 50,000 บาท จะเหลือเงินเข้ากระเป๋า 13,120 บาท ฉะนั้น การขายของต้องคิดวางแผนเผื่อไว้เลย ทั้งเรื่องต้นทุน ค่าแรง ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่จะต้องนำมาหักลบด้วย
สรุป ยอดขายใน TikTok ที่เราเห็นเหล่าพ่อค้าแม่ค้าขายกันทะลุหลายล้าน ไม่ได้หมายความว่าจะได้วงเงินนั้นทั้งหมด แต่ต้องนำไปหักค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ด้วยเช่นกัน